ใครชอบกลั้นปัสสาวะมากๆ ระวังตัวไว้ให้ดี คุณอาจเสี่ยงเป็นโรคนี้ได้
โดย PREZZO
PREZZO
#1
พบมากกว่าร้อยละ 70 ของโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ พบบ่อยในเพศหญิงในช่วงวัยรุ่นและวัยเจริญพันธุ์ สาเหตุที่โรคนี้พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายหลายเท่า เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้น และอยู่ใกล้ทวารหนักซึ่งเป็นแหล่งที่มีเชื้อโรคมาก เชื้อโรคจึงเข้าทางท่อปัสสาวะของผู้หญิงได้ง่ายกว่าผู้ชาย จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่เกิดโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะร้อยละ 70 จะกลับเป็นซ้ำอีกภายใน 6 เดือน

ผู้หญิงแทบทุกคนมีโอกาสเป็นโรคนี้ ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยสูงอายุ พบมากในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2-3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ หรือผู้หญิงที่ชอบอั้นปัสสาวะนานๆ ผู้ชายมีโอกาสเป็นโรคนี้น้อย ถ้าพบมักมีความผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ต่อมลูกหมากโตหรือมีก้อนเนื้องอกในกระเพาะปัสสาวะ หรือมีความผิดปกติทางโครงสร้างของทางเดินปัสสาวะ นอกจากนี้ ยังอาจพบเป็นโรคแทรกซ้อนของผู้ป่วยเบาหวาน นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโต หรือพบภายหลังการสวนปัสสาวะ

สาเหตุ

ส่วนใหญ่โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเกิดจากการกลั้นปัสสาวะมากไป รับประทานน้ำไม่พอเพียง การกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน เป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบที่สำคัญที่สุด ในผู้ป่วยบางรายอาจพบว่าเป็นบ่อยๆ เนื่องจากมีความผิดปกติทางกายวิภาคของของกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ หรืออาจพบว่าเป็นโรคนิ่วร่วมด้วย

ในสตรีวัยเจริญพันธุ์ พบว่ามีอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้บ่อยภายหลังจากการมีเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะในช่วงระยะหลังการแต่งงานใหม่ๆ อาจเกิดการฟกช้ำจากการร่วมเพศ แล้วทำให้มีอาการอักเสบของท่อปัสสาวะ เชื้อแบคทีเรียหลุดเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะได้ง่าย เกิดการอักเสบติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะขึ้น เรียกภาวะดังกล่าวว่า Honeymoon Cystitis

อาการ

ปัสสาวะบ่อย แสบ ขัด ครั้งละไม่มาก รู้สึกถ่ายไม่สุด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เจ็บมากตอนปลายของปัสสาวะ บางรายมีเลือดออกมาด้วย ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดที่ท้องน้อยร่วมด้วย ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น สีมักจะใส แต่บางคนอาจขุ่นหรือมีเลือดปน อาการอาจเกิดขึ้นหลังกลั้นปัสสาวะนานๆ หรือหลังมีเพศสัมพันธุ์ ในเด็กเล็กอาจมีอาการปัสสาวะรดที่นอน อาจมีไข้ เบื่ออาหาร และอาเจียน การตรวจร่างกายมักจะตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน บางคนอาจพบการกดเจ็บเล็กน้อยตรงบริเวณกลางท้องน้อย

การวินิจฉัย

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบสามารถให้การวินิจฉัยได้จากอาการทางปัสสาวะดังกล่าวข้างต้น ร่วมกับการตรวจปัสสาวะพบเม็ดเลือดขาวและแบคทีเรีย

1. เม็ดเลือดขาวที่ตรวจพบในปัสสาวะมากกว่า 5-10 ตัว เมื่อตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์โดยใช้กำลังขยายสูง โดยเป็นการตรวจปัสสาวะสดและไม่ปั่น
แบคทีเรียที่ตรวจพบในปัสสาวะมากกว่า 1 ตัว เมื่อตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์โดยใช้กำลังขยายสูง เมื่อตรวจปัสสาวะสดและไม่ปั่น หรือพบแบคทีเรียตั้งแต่ 1ตัวจากการย้อมสีแกรม
การเพาะเชื้อปัสสาวะมีความจำเป็นในผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ป่วยที่มีอาการเกิน 7 วัน ผู้ป่วยที่มีประวัติเคยเป็นหลายๆ ครั้ง และผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรังอื่น เช่น เบาหวาน โรคตับ โรคไต

2. การตรวจปัสสาวะด้วยแถบตรวจ วิธีนี้เป็นการตรวจปัสสาวะที่สะดวกและรวดเร็ว กระทำได้ทั่วไป สามารถตรวจได้หลายอย่าง ถ้าตรวจเม็ดเลือดขาว พบว่าความไวของแถบตรวจสูงกว่าร้อยละ 80 และความจำเพาะสูงกว่าร้อยละ 95 แต่ถ้าตรวจเชื้อแบคทีเรีย พบว่าความไวของแถบตรวจไม่ดีเท่าที่ควร บางรายแพทย์อาจพิจารณาตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจภาพรังสีเอกซเรย์ หรือการส่องกล้องตรวจระบบทางเดินปัสสาวะ

การรักษา

1. พิจารณาให้ยาปฏิชีวนะ ควรเลือกยาที่มีความไวสูงตั้งแต่ร้อยละ 80 ขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อมูลความไวของเชื้อต่อยาในชุมชนของผู้ป่วย
2. เชื้อก่อเหตุในผู้ป่วยไทยมีอัตราการดื้อยา amoxicillin และ co-trimoxazole สูง ดังนั้นยาตัวแรกที่เลือกใช้ควรเป็น norfloxacin
3. สำหรับสตรีตั้งครรภ์และเด็ก เลือกใช้เป็นเศฟาโลสปอรินส์รุ่นที่ 3 ชนิดกิน เช่น cefdinir, cefixime, ceftibuten
4. ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อย หรือมีประวัติได้รับยาปฏิชีวนะมาภายในหนึ่งเดือน ควรพิจารณาใช้ยาในกลุ่มควิโนโลนรุ่นที่ 2 ได้แก่ ofloxacin, lomefloxacin, ciprofloxacin

การป้องกัน

1. พยายามดื่มน้ำมากๆ และอย่ากลั้นปัสสาวะ ควรฝึกการถ่ายปัสสาวะนอกบ้าน หรือระหว่างเดินทางได้ทุกที่ การกลั้นปัสสาวะทำให้เชื้อโรคอยู่ในกระเพาะปัสสาวะได้นานจนสามารถเจริญเติบโตทำให้เกิดการอักเสบได้
2. หลังถ่ายอุจจาระควรใช้กระดาษชำระเช็ดทำความสะอาดจากข้างหน้าไปข้างหลังเพื่อป้องกันไม่ให้นำเชื้อโรคเข้าสู่ท่อปัสสาวะ
3. สำหรับอาการขัดเบาหลังร่วมเพศ (Honeymoon’ s cystitis) อาจป้องกันได้โดยดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนร่วมเพศควรใส่ครีมหล่อลื่นช่องคลอดก่อนถ้าจำเป็น และถ่ายปัสสาวะทันทีหลังร่วมเพศ บางครั้งอาจต้องรับประทานยาถ้ามีการติดเชื้อ
4. ระหว่างที่มีตกขาว ควรทำความสะอาดบ่อยขึ้น อย่าให้หมักหมมถ้าจำเป็นอาจต้องพบแพทย์นรีเวช
5. หลีกเลี่ยงอาการท้องผูกนานๆ ถ้าจำเป็นอาจต้องกินยา

ที่มา : นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ
ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ
noinoi5
#2
เราเป็นปีละเกือบ 2 ครั้ง...ตอนแรกเป็นจนปัสสาวะเป็นเลือด

ไปหาหมอ...หมอฉีดยาให้..เพราะปวดท้องมาก....

เข้าใจว่าเกิดจากการอั้นปัสสาวะ...และเข้าห้องน้ำตามที่สาธารณะบ่อยๆ

เลยทำให้ติดเชื้อ...ไม่กี่ชั่วโมง..ก็ปัสสาวะเป็นเลือด....

ตอนหลัง..ก็พกยาเองตลอด...และระมัดระวังให้มากขึ้น...

และทานน้ำสะอาดให้บ่อยๆๆจะได้ขับของเสียออกค่ะ

ขอบคุณคุรprezzo มากค่ะ เอาความรู้ดีๆมาฝากกัน...

เกิดเป็นหญิงนี่มันแสนนนนลำบากจริง..อิอิ
cherry_k
#3
เป็นปีละครั้ง สองครั้งเช่นกันค่ะ

เนื่องจากกลั้นบ่อย

ถ้าเริ่มที่จะรู้ตัวว่าเริ่มเป็น ก็จะทานน้ำเปล่าเยอะๆค่ะ

แล้วก็อย่ากลั้นปัสสาวะค่ะ
pepsi5510
#4

ชอบคุณครับสําหรับข้อมูลดีๆ
ก็ไม่ค่อยกลั้น ป.ส.ว ครับ..อิอิ
ยิ่งเดินทางไกล..จะแวะปั้ม บ่อยๆ
ไหนจะง่วงเอย ไหนจะเติมน้ำมันเอย
ไหนจะแวะซื้อของกิน เหอๆๆและอีก แวะ..เหอๆๆๆ
:p:p:p

AnnAnnAntz
#5
แวะมาบอกสำหรับสาวๆที่ชอบกลั้นปัสสาวะ
นอกจากจะเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบแล้ว
ถ้าเกิดการติดเชื้อมาก จะกลายเป็นกรวยไตอักเสบนะคะ
ร้ายแรงกว่ากระเพาะปัสสาวะอักเสบอีก
wnonach
#6
[SIZE="2"]หนึ่งเคยเป็น เหมือน คุณ noinoi5 เลยค่ะ ปสว เป็นเลือดตกใจมาก กลัวตาย นึกว่าตัวเองเป็นมะเร็ง คือเป็นคนไม่ค่อยดื่มน้ำ พอไม่ดื่มน้ำ มันก็ไม่ปวด ปสว แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองสบายไม่ต้องหาห้องน้ำเวลาอยู่นอกบ้าน โอ้โห มันสุดทนค่ะเจ็บมากกกกกจริงๆ อาการหนักมากเมื่อต้นปีที่แล้ว แต่ตอนนี้หายแล้วค่ะ พยายามดื่มน้ำวันละหลายแก้วมากๆ เข็ดเลยค่ะ กลัวเหลือเกินความเจ็บปวด ขอบคุณ คุณ จขกท มากนะคะที่นำมาแบ่งปัน
kadjang
#7
ไม่อยากจะบอกเลยว่า กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นแล้วค่ะ กรวยไตอักเสบก้อเป็นแล้วค่ะ ยังจำได้ถึงตอนที่ฉีดสารเข้าไปเพื่อเอ็กซ์เรย์ได้เลยค่ะ เจ็บและทรมานที่สุดในโลก(( ในโรคที่เราเคยเป็นอ่ะค่ะ )) ชอบกลั้นค่ะ ไม่ใช่ชอบสิ ส่วนใหญ่หาที่เข้าไม่ได้ค่ะ จะกลั้นตอนขับรถมากกว่า ไม่ชอบเข้าปั๊มค่ะ บางทีกลั้นเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน เป็นอย่างนี้ประจำ จนได้เรื่องค่ะ เข้า รพ. มาแล้วด้วยโรคนี้ ยังกลัวจะเป็นอีกเลยค่ะ ก้อพยายามที่จะไม่กลั้น แต่บางครั้งมันก้อช่วยไม่ได้จริงๆ ขอบคุณ จขกท ค่ะ ^^





titled
#8
^^ thanks na krub
summer
#9

บางทีห้องน้ำก็อยู่ตรงหน้าเนีย แต่ไม่รู้ทำไม ไม่อยากเข้า เห้ออออ

ต้องเปลี่ยนนิสัยแล้วเรา


TEDDY07
#10
ขอบคุณจ๊ะ :D
PPnochange
#11
หนูชอบกลั้นปัสสาวะบ่อยๆค่ะ เพราะไม่อยากเข้าห้องน้ำนอกสถานที่ รู้สึกว่ามันไม่สะอาด

อยากจะกลับมาเข้าที่บ้านเลยทีเดียว มันรู้สึกดีกว่าค่ะ แต่หลังจากที่เคยเป็นท่อปัสสาวะอักเสบแล้ว

ก้อพยายามเปลี่ยนนิสัย เพราะมันเจ็บมากเลยตอนที่เป็น

ขอบคุณความรู้นะคะ พยายามแก้นิสัยนี้อยู่ด้วยแหละค่ะ :p
Nakderntang
#12
เป็นหนึ่งคนที่ชอบกลั้นปัสสาวะ และทานนำ้น้อย
จนทำให้รู้สึกปวดแถว ๆ หลัง แถวไต

จากนั้นก็พยายามทานนำ้ให้มากขึ้น ไม่อดน้ำ กลั้นฉี่
อาการก็ดีขึ้น แล้วถ้าให้ดี ก็ทานน้ำอุ่นบ้างค่ะ
ทำให้เรารู้สึกสบาย เหมือนเลือดไหลเวียนดีขึ้นค่ะ

ขอบคุณที่มาแบ่งปันนะคะ
IAm
#13
ขอบคุณ คุณ prezzoมากเลยค่ะ สำหรับข้อมูล และ ขอบคุณ เื่พื่อนๆทุกคนค่าา ที่เข้ามาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง
ชอบกลั้นปัสสาวะเหมือนกันค่ะ แบบว่า ขี้เกียจเดินไปเข้าห้องน้ำอ่ะ
ก็รู้ว่ามันไม่ดี เดี๋ยวกะเพราะปัสสาวะอักเสบ แต่ก็ยังไม่เคยเป็น เลยไม่รู้สึก ง่ะ
ได้อ่้านข้อมูลนี้เเล้ว น่ากลัวมากเลยค่ะ ไม่ได้เป็นแค่โรคเดียวแล้ว มีโรคอีกหลายเลยอ่าาา น่ากลัวๆ
ต่อไปจะพยายามไม่กลั้นแล้วค่ะ ขอบคุณ
nikki1981
#14
ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ นะคะ เรื่องกลั้นปัสสาวะกับผู้หญิงนี่ ตัดกันไม่ขาด เห็นห้องน้ำไม่น่่านั่งก็ไม่ไหวแล้วอ่ะ
looktalz
#15
บางทีเช้าห้องน้ำช้าไปนิด ก็เป็นแล้วค่ะ ทรมานสุดๆ
ดูกระทู้ทั้งหมดในชุมชน จาก  Downtown ดูกระทู้ในหมวด ดูกระทู้ในหมวดย่อย
กระทู้แนะนำจากการคัดเลือกอัตโนมัติ
1
2
3