ไม่คุยกันมาจะเดือนแล้ว ถามคำ ตอบคำไปงั้น
แต่งงานกันประมาณสองปีแล้ว แต่ยังไม่มีน้องค่ะ อยากมีแต่ไม่มาค่ะ
ที่บ้านอยู่กันสามคน (พ่อสามีอีกคน) พ่อสามีเป็นคนเข้มงวดมาก
ปรับตัวมากค่ะ ปรับตลอดเวลา เหนื่อยมากๆๆๆ
บางช่วงรวมทั้งช่วงนี้สามีไม่คุยด้วย เงียบ เฉยๆๆ ไปเลยเหมือนเราเปนอากาศธาตุ
เขาทำงานหนักมาก เราก้อพยายามคิดว่าเขาเครียด แต่แบบว่าเวลาคุยโทรกับเพื่อนทำไมเฮฮา
เวลาเราคุยด้วย ทำเปนไม่อยากคุุย ผู้ชายที่แต่งงานแล้ว ทำตัวนิสัยเสียแบบนี้กับภรรยาทุกคนไหมคะ
เหนื่อยใจค่ะ ที่เข้ามาเล่น SBN ขายซื้อโน้นนี้ ก้อช่วยเราคลายเครียดได้ส่วนหนึ่ง
แต่ไม่ใช่ต้นเหตุค่ะ เขาก้อไม่พอใจที่เราขายของโน้นนี่ๆ ไรเงี้ย บอกว่าไร้สาระ
ตอนนี้เหมือนอยู่กันไปวันๆ นอนเตียงเดียวกัน แต่คนละมุม
ใจเย็นๆนะคะ พวกผู้ชายขอบวางมาดเวลาอยู่กับเพื่อน ไม่ค่อยแสดงออกหรอกค่ะว่ามีเรื่องในใจ ไว้วันว่างๆลองไปเปลี่ยนบรรยากาศสิคะ ไปกันสองคน พิมก็เคยเป็น (เวลาเบื่อฝาละมีอ่ะค่ะ แต่ไม่อยากมีกิ๊ก) ก็จะไปเที่ยวกันสองคนทิ้งลูกไว้กับยาย กลับมาก็ Refresh ตัวเองใหม่
เรากับสามีแต่งงานกันมา 6 ปี คบกันก่อนแต่งงานอีก 6-7 ปี ตอนนี้ก็ยังไม่มีลูกนะคะ ปีหน้าจะไปทำ gift แล้ว รู้จัก รู้ใจกันมานานค่ะ จนกลายเป็นเพื่อนมีอะไร ก็ปรึกษากัน ยิ่งตอนนี้ทำร้านอาหารด้วยกันเจอกันตลอด 24 ชม. แต่ก็ไม่ค่อยทะเลาะกันนะคะ งอนกันไม่เกิด 5 นาทีเดี๋ยวก็ดีกันค่ะ เวลาเดินเค้าจะเดินจับมือหรือว่าเดินโอบไหล่เราตลอดเลย กับแม่เค้าเค้าก็ทำอย่างนี้ด้วยนะคะ ถ้ามีปัญหานะคะต้องคุยกันเลยค่ะ อย่าปล่อยให้ปัญหาเล็กๆมันพอกพูนจนเป็นปัญหาใหญ่ เปิดอกคุยกันเลยค่ะ ถ้าโกรธหรือว่าเกลียดกัน อยากจะให้มองกลับไปในวันแต่งงานค่ะ ว่าเราสองคนรักกันมากแค่ไหน เคยสัญญาอะไรต่อกันไว้ ทุกอย่างมีทางแก้ไขค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าเราพร้อมผเชิญหน้ากับมันรึเปล่า ลองคุยกันนะคะ อาจจะทำให้เข้าใจกันมากขึ้นค่ะ เอาใจช่วยค่ะ
เติ้ลว่าปัญหานี้เกิดกับทุกๆครอบครัวนะครับ เป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนมากๆ
อาจจะเป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆทั้งงานและครอบครัวสะสมกัน แล้วยิ่งสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้
ย่อมมีความเครียดสะสม เวลาคุยกับเพื่อนเค้าเลยรู้สึกสบายใจ ^^
ครอบครัวพี่สาวเติ้ลก็เคยเป็นแบบนี้ครับ พี่สาวเครียดมากๆ
เพราะตอนแรกพี่สาวคิดว่าแฟนไปมีคนอื่น แต่จริงๆมาจากหลายๆอย่าง
คือก่อนแต่งงาน ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน ยังไม่รู้ตัวตนจริงๆของกันและกัน
ก่อนแต่งงานพี่สาวเป็นคนร่าเริง อารมย์ดี ชอบแต่งตัวชอบดูหนัง แต่หลังแต่งงาน
พี่สาวอยู่บ้านเฉยๆ ก็มีความรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องแต่งตัว ปล่อยตัวให้โทรม
แฟนชวนไปไหนก็ไม่ค่อยไปเพราะติดดูหนังเกาหลีก็ปกติว่างจัดไม่ได้ทำงาน
และแถมพี่สาวไม่ได้เจอเพื่อนไม่ได้เมาท์เลยเบื่อ แถมยังกดดันเรื่องมีลูก
ผลปรากฎว่าอารมย์เลยแปรปรวนขึ้นลงแบบไม่รู้ตัว ทำให้แฟนค่อยๆสะสมและไม่อยากคุยด้วย
ตอนหลังเลยเปิดอกคุยกัน ว่ามีคนใหม่หรือยังไง สาเหตุมาจากด้านบน พอคุยกันก็ดีขึ้น
หลังจากนั้นสักพักคุณแม่คิดว่าน่าจะไปหาจิตแพทย์เพื่อระบายเปิดอก (ปกติฟรั่งเค้านิยมกัน )
จนจูนหากันได้อีกครั้ง แล้วหลังไม่นานพี่สาวก็ท้อง เติ้ลไม่รู้ว่าแต่ละกรณีจะเหมือนกันมั้ย
แต่เติ้ลแอบหวังว่าสิ่งที่เติ้ลเอามาเล่าอาจจะเป็นส่วนเล็กๆที่จะทำให้มีกำลังใจมากขึ้นนะครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ ขอให้ปรับความเข้าใจกันและกลับมาเป็นเหมือนเดิม^^
อย่ามองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆ เราอาจจะลองทำหน้าที่ให้ดีขึ้น (อันนี้คุณแม่และคุณหมอแนะนำพี่สาว)
เช่น ก่อนสามีไปทำงานอาจจะมีการหอมแก้มบ้าง ใจเย็นๆพูดจาเพราะๆ เตรียมน้ำอุ่นไว้ให้
ก่อนนอนอาจจะมีการนวดเท้า นวดไหล่ ซื้อเสื้อผ้าให้เพื่อเอาใจ ชวนสามีไปดูหนัง กลับมาแต่งตัวสวยๆ
สามีกลับมาบ้านเตรียมน้ำส้มเย็นๆไว้เอาใจ ลองทำเมนูโปรด ทำในสิ่งที่อาจจะไม่เคยทำ
บางครั้งอาจจะต้องยอมบ้างเพื่อประครองชีวิตคู่ เพราะยังไงเราก็แต่งงานกับเค้าแล้ว
ลองทำดูก็ไม่เสียหลายนะครับ
Originally Posted by greenpark
เรากับสามีแต่งงานกันมา 6 ปี คบกันก่อนแต่งงานอีก 6-7 ปี ตอนนี้ก็ยังไม่มีลูกนะคะ ปีหน้าจะไปทำ gift แล้ว รู้จัก รู้ใจกันมานานค่ะ จนกลายเป็นเพื่อนมีอะไร ก็ปรึกษากัน ยิ่งตอนนี้ทำร้านอาหารด้วยกันเจอกันตลอด 24 ชม. แต่ก็ไม่ค่อยทะเลาะกันนะคะ งอนกันไม่เกิด 5 นาทีเดี๋ยวก็ดีกันค่ะ เวลาเดินเค้าจะเดินจับมือหรือว่าเดินโอบไหล่เราตลอดเลย กับแม่เค้าเค้าก็ทำอย่างนี้ด้วยนะคะ ถ้ามีปัญหานะคะต้องคุยกันเลยค่ะ อย่าปล่อยให้ปัญหาเล็กๆมันพอกพูนจนเป็นปัญหาใหญ่ เปิดอกคุยกันเลยค่ะ ถ้าโกรธหรือว่าเกลียดกัน อยากจะให้มองกลับไปในวันแต่งงานค่ะ ว่าเราสองคนรักกันมากแค่ไหน เคยสัญญาอะไรต่อกันไว้ ทุกอย่างมีทางแก้ไขค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าเราพร้อมผเชิญหน้ากับมันรึเปล่า ลองคุยกันนะคะ อาจจะทำให้เข้าใจกันมากขึ้นค่ะ เอาใจช่วยค่ะ
โชคดีจัง เรากัดกันคุยเฮฮาได้ขำๆ แต่ไม่มีฟิลโรแมนซ์ จูงมือแนวๆนี้เลย
****เป็นกำลังใจนะคะ ถามตรงๆเลยว่าเคืองอะไร บกพร่องตรงใหน เพราะ2ปีในความคิดเราถือว่าไม่นานเป็นช่วงปรับตัวหลังหมดโปร อิอิประสพการณ์ตรงแต่อาจไม่เหมือนกันก็ได้ เค้าอาจจะคาดหวังว่าเราจะต้องเป็นภรรยาแบบนี้ต้องทำนี่ๆๆๆแต่เรามือใหม่ไม่รู้ว่าต้องรับผิดชอบแบบไหน เนื่องจากก่อนหน้านี้แม่ทำให้โดยที่เราไม่รู้สึกว่าเราต้องทำ แล้วเค้าคิดว่าเราต้องรู้ว่าต้องทำแต่เฉยเลยหงิดหงิดก็ได้
ยกตัวอย่างเป็นแฟนกันรู้ว่าเค้าชอบมะม่วงซื้อมาให้ก็ดีใจมากมาย เป็นภรรยาก็ซื้อมาแต่ไม่ได้ปอกแช่ตู้ก็รู้สึกว่าไม่ใส่ใจ ทั้งๆทุกทีมีแต่เค้าเอาใจเรา ค่อยๆดูไปในรายละเอียด แรกๆก็เคืองๆเหมือนกันแต่มาแอบสังเกตุแม่เราก็ใส่ใจ+ดูแลเอาใจพ่อแต่เราไม่ได้สังเกตุ เลยรู้ว่าเราบกพร่องอะ
ยังไม่เคยแต่งงานและคาดว่าคงไม่ได้แต่งแล้ว เนื่องจากแววกำลังจะปีนขึ้นคานไปถึงจั่วเริ่มเห็นรำไรๆ เฮ้อ!
เจตว่าถ้าทุกข์ใจก็บอกสามีไปตรงๆเลยค่ะ หนึ่งในคุณสมบัติของสามีคือเป็นคนที่ภรรยาควรเปิดอกคุยด้วยที่สุด ไม่ใช่คนอื่น
ถามเขาว่าทำไมไม่อยากคุยกับเรา เบื่อหรือรำคาญอะไรตรงไหนบอกให้รู้เลย รู้แล้วเราจะได้ทำตัวถูก
เจตบอกกับแฟนประจำ เรื่องของเรื่องคือไม่บอกเราก็คิดว่าไม่มีอะไร
ที่เขาว่าโกรธกันอย่าให้ข้ามวันข้ามคืนนี่จริงนะคะ ไม่งั้นมันจะมีทิฐิกลับมาคุยดีๆกันยาก
เคยมีคนว่าไม้ตายไม้สุดท้ายแบบไม่มีอะไรจะเสียของผู้หญิงคือน้ำตาค่ะ (มีมารยานิดหน่อยแล้วแต่สถานการณ์ก็ยิ่งดีค่ะ)
ร้องไห้แบบน้ำตาหยดเผาะๆอย่าสะอึกสะอื้นแล้วถามให้รู้เรื่องตอนนั้นไปเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ :)
อยู่กันมาหลา…ย…ยปี
มีบ้างละน้าที่เบื่อคนที่นอนข้างๆ
มีหลายสาเหตุที่คุณๆ น่าคิด…พิจารณา
เผื่อว่า…จะมี 'อะไร' ดีขึ้น
จริงๆ แล้ว ประสบการณ์ที่เราๆ ท่านๆ รู้เห็นกันเป็นส่วนใหญ่ มักพบว่าฝ่ายชายมักเจอปัญหา เรื่องภรรยามีความต้องการทางเพศน้อยกว่าปกติ…อย่าลืม! คำว่า ปกติ คนเรามักเอาตัวเองเป็นมาตรฐานเสมอ
เมื่อภรรยามีความต้องการทางเพศน้อย ก็ตอบสนองทางเพศน้อยลง…ผลคือการบ่ายเบี่ยง หลีกเลี่ยง ปฏิเสธการมีเซ็กซ์กับสามี เดือดร้อนถึงการค้นหาทางออกในการระบายความอัดอั้นตันอารมณ์… โดย 'แม่นางทั้งห้า' บ้าง หรือ 'หนึ่งน้องนางเดียว' ในตู้กระจก
มีทั้งที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ หมาดๆ สดๆ ร้อนๆ สามีก็เฉยเมยที่จะแตะน้องต้องเนื้อ เฉกเช่นสามีทั่วไปจักพึงปฏิบัติต่อภรรยา และหลายคู่…แทนที่จะเป็นฝ่ายภรรยา ซึ่งควรจะเซ็งกิจกรรมอันซ้ำซากจำเจของสามี กลับเป็นฝ่ายสามีที่เพิ่งมีอาการดังกล่าว หลังจากอยู่กินกันมาหลายปี ทำให้ผู้เป็นภรรยาต้องถามตัวเอง จนถึงขั้นถามว่า…มันเกิดอะไรขึ้น
ข้อน่าสังเกตอย่างหนึ่งคือ ถ้าอาการนี้เกิดแก่ผู้หญิง สามีจะพยายามหาทางออกสำหรับตัวเอง แต่ในทางกลับกัน หากเกิดกับผู้ชาย ภรรยาจะพยายามหาสาเหตุว่าสามีเป็นอะไร
ผู้ชายนี่ก็เป็นอย่างที่เรารู้กันอยู่ เวลามีเรื่องอะไรในใจแล้ว ไม่ค่อยชอบพูด…ซึ่งตรงข้ามกับผู้หญิง ทำให้ผู้หญิงเกิดอาการระส่ำระสาย เล่นเกมทายใจว่า…มันเป็นเพราะอะไรกันแน่!
เขาตกเป็นของคนอื่นแล้ว มีหญิงอื่นเข้าร่วมกิจการชีวิตครอบครัว ถือหุ้นร่วม ถูกแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด แต่ยังไม่ถึงกับยึดกิจการไป…อาจเนื่องจากความไม่เต็มอิ่มทางเพศกับภรรยาเดิม ทั้งเนื่องจากความพร่องของฝ่ายภรรยา หรือความไม่รู้พอของฝ่ายชายเองก็ตาม ประเด็นนี้ก็เจอไม่น้อยในสังคมไทยที่ให้โอกาสผู้ชายในการแสวงหา รวมทั้งการแสดงออกเรื่องเพศได้มากกว่าผู้หญิง…กรรมของหญิงไทย
เรื่องนี้มีที่มาที่ไป ทั้งสาเหตุจาก ปัจจัยทางชีวภาพ ได้แก่ สมองของผู้ชายและฮอร์โมนเพศชาย มีผลทำให้ผู้ชายฝักใฝ่มุ่งมั่นกิจกรรมทางเพศมากกว่าผู้หญิง ร่วมกับ ค่านิยมสังคมไทย ที่ยอมรับการมีภรรยามากกว่าหนึ่งคน…ดูขุนแผนกับพระอภัยมณี พระเอกในวรรณคดีไทยเป็นตัวอย่าง
เขาหมกมุ่นเรื่องการงานมาก จนหมางเมินเรื่องเพศ ความหมายของคำว่า ความสำเร็จ ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมีความแตกต่างกัน ความสำเร็จของผู้ชายคือ ตำแหน่งและความก้าวหน้าในหน้าที่การงานใด ความสำเร็จของผู้หญิงคือความอยู่เย็นเป็นสุขของชีวิตครอบครัว
เมื่อลูกๆ ก้าวสู่โรงเรียน ผู้ชายจะรู้สึกว่าตนเองต้องขยันทำงานหนักขึ้น เพื่อหาเงินมาสนับสนุนฐานะของครอบครัว และการศึกษาของลูก
ปัจจุบันสังคมไทยเน้นวัตถุ แรงโฆษณาตามสื่อต่างๆ เน้นให้คนรู้สึกว่าต้องสะสมสมบัติมากมาย โทรศัพท์มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์ เคเบิ้ลทีวี ฯลฯ กลายเป็นความจำเป็นของชีวิตเพื่อประคับประคองกำลังซื้อ ก็ต้องทำมาหาเงินมากขึ้น ผลสุดท้ายทำงานกันไม่มีที่สิ้นสุด พักผ่อนน้อยลง เมื่อระบบประสาทตึงเครียด …ความต้องการทางเพศจะลดลง เพราะอารมณ์เซ็กซ์จะพวยพุ่งเฉพาะเมื่อระบบประสาทผ่อนคลาย
คุณดีเกินไปจนกลายเป็น แม่พระของเขาเสียแล้ว…
เมื่อผู้ชาย (บางคน) รู้สึกว่าภรรยาของตนน่าเคารพเสมือนหนึ่ง แม่พระ การมีเซ็กซ์กับผู้ควรกราบไหว้ ถือเป็นเรื่องต้องห้าม เป็นบาปเป็นกรรมอย่างยิ่ง …จิตไร้สำนึก รับไม่ได้
แต่ผู้ชายเหล่านี้ กลับสามารถมีเซ็กซ์ได้อย่างไม่ตะขิดจะขวงใจกับ หญิงระดับล่าง เช่น หญิงขายบริการทางเพศ หรือผู้หญิงที่ไม่มีความรู้ ทำตัวจัดจ้าน ไม่มีความเป็นกุลสตรี…นังตัวร้าย หรือนังแพศยา แบบนี้แหละที่เหมาะสำหรับกิจกรรมทางเซ็กซ์
น่าเห็นใจคุณผู้หญิง ทำตัวไม่ดีสามีก็รังเกียจ ทำตัวดีเกินไปสามีก็เทิดทูนไว้สูงส่ง…ผลเหมือนกัน คือเซ็กซ์ลดลง
ลองดูครับ ว่ามันตรงกับข้อไหน. แล้วแก้ข้อนั้น..อะไรจะดีขึ้นครับ
[SIZE="4"]:( เกิดไรขึ้นกะพี่สาวเนี่ย :( ไม่เศร้าน้า พี่ดอริส บางทีพี่เค้าอาจจำทำงานหนัก แล้วพี่ดอริส ก็สนุกกับการขายของจนลืมดูแลพี่เค้าหรือเปล่าเลยทำให้เค้าไม่พอใจนิดๆ :D ไปหาที่พักผ่อนดีกว่าเนอะ เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น ลิ้นกับฟันย่อมกระทบกันเป็นธรรมดา ถ้าเหงาๆ กริ้งๆหากันก็ได้นะคะ เบอร์เดิม มิมีเปลี่ยน :D
[SIZE="6"]พี่ดอริส สู้ๆๆ พี่ดอริส สู้ๆๆ
หาจังหวะดีๆเเล้วถามค่ะ เเต่ต้องระวังคำถามที่จะใช้นะคะ ถามเเบบที่ให้เค้ารู้สึกว่าเราเเคร์เค้านะที่ทำท่าทางเเบบนี้กับเรา อย่าถามเเบบจับผิดเค้า เราเชื่อว่าน่าจะได้คำตอบที่จะนำไปสู่การเเก้ปัญหาค่ะ หรือถ้ายังไม่อยากถามก็ลองคิดดูอีกทีดีๆว่าเราไปทำอะไรให้เค้าไม่พอใจรึเปล่า ถ้ามีก็รีบๆไปขอโทษ เราว่าทุกอย่างน่าจะดีขึ้นนะคะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ ทุกอย่างมีทางออกค่ะ เราก็แต่งงานมา 14 ปีแล้ว โชคดีที่สามีเป็นคนน่ารัก ขยันทำงานแล้วก็รักครอบครัว แต่เรื่องนี้เราว่าต้องคุยกันดีที่สุดค่ะ ตามคำแนะนำของคุณเติ้ลด้านบนก็ดีนะคะ ลองปรับเปลี่ยน ดูแลเค้ามากขึ้น ทำอะไรน่ารักๆ ให้เค้าแล้วก็หาโอกาสคุยกันนะคะ ทุกอย่างน่าจะดีขึ้นค่ะ ชีวิตคู่ก็เป็นอย่างนี้หล่ะค่ะ ต้องผ่อนหนัก ผ่อนเบานะคะ เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ชีวิตจะมีความสุขค่ะ :-)
พี่ดอริสที่น่ารัก อย่าเพิ่งท้อแท้นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ นู๋ก้อเพิ่งแต่งงานมาแค่2ปี เลยยังไม่กล้าเเนะนำอะไรค่ะ แต่ นู๋กับสามี ถ้ามีอะไรไม่พอใจกัน จะต้องมาเคลียร์กันค่ะ จะไม่ปล่อยไว้แบบมาคุ คู่นู๋ไม่สวีทจี๋จ๋า ไม่เดินจูงมือเท่าไหร่ค่ะ แต่จะอยู่แบบเพื่อนซี้กันมากกว่าอยากให้พี่ดอริส หาจังหวะดีๆ คุยกับสามีค่ะ ยอมรับซึ่งกันและกัน ชอบหรือไม่ชอบอะไรให้บอกกัน นะคะ นู๋จะคอยเป็นกำลังใจให้นะคะ แล้วจะเเวะเข้ามาหาเรื่อยๆค่ะ พี่ดอริสที่น่ารัก เลิกเศร้าน๊าพี่สาว
แวะมาเป็นกำลังใจให้ค่ะ เรื่องครอบครัวนี่เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันจริงๆค่ะ
อาจมีปัจจัยหลายๆอย่างที่ทำให้เค้าเปลี่ยนไป ชีวิตครอบครัวต้องใช้ความรักนำทาง
ความเข้าใจเป็นที่ตั้ง เราเองช่วงสองปีหลังจากอยู่กินกับสามีมาขอบอกว่าเป็นช่วงที่ทรมาณที่สุด
มีครบทุกรส มันเป็นช่วงที่เราต้องปรับตัวเข้าหากัน ลองค่อยๆคุยกันอย่างมีสติ อย่างใช้อารมณ์
ถ้าเรามั่นใจว่าเรารักกัน มันต้องผ่านพ้นไปได้แน่นอนค่ะ
...................
เป็นกำลังใจให้นะคะ...:p
ลองเปิดอกคุยดูนะคะ ไม่ชอบใจอะไรยังไง จะได้ปรับตัวกัน เป็นกำลังใจให้มากๆค่ะ
อย่างที่เพื่อนๆว่ากันแหละค่ะ ทางออกที่ดีที่สุด คือต้องหันหน้าเข้าคุยกันค่ะ ไม่งั้นฉากที่กันตรงกลางมันจะหนาขึ้นๆนะคะ หาจังหวะที่อยู่กันสองคนคุยกันไปเลยค่ะ ระบายความรู้สึกออกไปให้หมด แล้วก็ถามคุณสามีนะคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกต่างๆ ปัญหาต่างๆ เค้าอาจจะหมกมุ่นอยู่กับปัญหาที่ทำงาน แต่ไม่อยากให้เราเครียด เลยไม่บอก รึเปล่าคะ ยังไงรีบคุยกันเถอะค่ะ ก่อนที่จะเครียดไปมากกว่านี้ แล้วอะไรๆจะแย่ไปกว่านี้ค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ :)
ต้องคุยกันค่ะ คุยแบบเปิดใจเลยนะคะ อย่าไปนึกเอาเอง เพราะไม่มีใครรู้ใจใครไปซะทุกอย่างค่ะ อย่าปล่อยให้เนิ่นนาน เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ สำหรับกำลังใจจากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนค่ะ เหตุการณ์ยังไม่สู้ดีขึ้น
ตอนนี้ก้อจิตตกน้อยลง จิตจะตกมากๆตอนดวงอาทิตตกดินค่ะ
พยายามจะทำให้ดีที่สุด แต่อดคิดมากไม่ได้ ขอบคุณนะคะ^^
ลองเปลี่ยนบรรยากาศดูมั้ยคะ
เหมือนไปฮันนีมูนอีกรอบ เติมความหวานให้ชีวิต ในบรรยากาศใหม่ๆ
อะไร อะไร อาจจะดีขึ้นนะคะ
เป็นกำลังใจใ้ห้นะคะ
Originally Posted by organ_kaviya
พี่ดอริสที่น่ารัก อย่าเพิ่งท้อแท้นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ นู๋ก้อเพิ่งแต่งงานมาแค่2ปี เลยยังไม่กล้าเเนะนำอะไรค่ะ แต่ นู๋กับสามี ถ้ามีอะไรไม่พอใจกัน จะต้องมาเคลียร์กันค่ะ จะไม่ปล่อยไว้แบบมาคุ คู่นู๋ไม่สวีทจี๋จ๋า ไม่เดินจูงมือเท่าไหร่ค่ะ แต่จะอยู่แบบเพื่อนซี้กันมากกว่าอยากให้พี่ดอริส หาจังหวะดีๆ คุยกับสามีค่ะ ยอมรับซึ่งกันและกัน ชอบหรือไม่ชอบอะไรให้บอกกัน นะคะ นู๋จะคอยเป็นกำลังใจให้นะคะ แล้วจะเเวะเข้ามาหาเรื่อยๆค่ะ พี่ดอริสที่น่ารัก เลิกเศร้าน๊าพี่สาว
ขอบคุณมากค่ะ คู่พี่ดอริสก้อไม่สวีทเท่าไหร่เหมือนกันอะค่ะ เขาทำงานหนักแล้วก้อเครียดมากๆ ไม่มีเวลาไปเที่ยวแน่ๆค่ะ พยายามคิดในแง่ดีไว้ว่า แค่เครียดเฉยๆ ไม่มีเรื่องผู้หญิงหรืออื่นๆ หรือถ้่ามีก้อ ยิ่งจิตตกไปใหญ่เลยแน่ๆ
ใจเย็นๆค่ะ ..
ช่วงสองปีแรกหลังการแต่งงาน เป็นช่วงการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่อย่างมโหฬารทั้งเค้าและเราและครอบครัว(สามี/ภรรยา)
มันเหมือนสะสมค่ะแล้วต่างก็คิดว่าอีกฝ่ายก็น่าจะรู้จนกลายเป็นเก็บและกดมันไว้ พอเห็นอะไรที่ตัวเองไม่ชอบซ้ำๆเข้าเรื่อยๆก็กลายเป็นเงียบเพื่อเลี่ยงปัญหา
แล้วก็หาอะไรทำเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะต้องพูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กัน
นานวันเข้ากลายเป็นทำอะไรก็ผิดไปหมด..ขัดหูขัดตา
อีกอย่างคือ..พอแต่งงานแล้วกลายเป็นเราและเค้าดูแลและเอาใจใส่กันน้อยลง
ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าทำไมแต่งแล้วมันไม่เหมือนตอนเป็นแฟน
ลองปรับมาเป็นดูแลตัวเองให้มากขึ้น มีความสุขกับตัวเองให้ร่าเริงแจ่มใส
อะไรที่เคยทำตอนเป็นแฟน..เช่น SMSข้อความบอกรัก ทำอาหารโปรดให้ทาน
พอให้บรรยากาศอึดอัดลดลง แล้วก็เปิดอกคุยกันค่ะ..หลังจากนั้นก็ไปฮันนีมูนอีกรอบ
เป็นกำลังใจให้
และขอให้เรื่องอึดอัดผ่านพ้นไปแล้วหวานกันเหมือนเดิมนะคะ .. เอาใจช่วยค่ะ ;)
แมงเข้าใจในจุดนี้คะ เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หลาย ๆ คู่สมรสมีนะคะ ไม่ใช่แค่คุณdoris คนเดียวหรอกคะ กับแมงเองก็เคย ด้วยความเคยชินที่เราอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกันกับสามีมานาน บางสิ่งบางอย่างอาจหายไป เค้าอาจเหนื่อยกับการงาน กลับมาอาจเฉยชาเพราะเหนื่อยที่จะพูดคุย แล้วก็อย่าไปเปรียบเทียบกับสมัยก่อนแต่งงานนะคะ เพราะอย่างที่หลายคนเคยบอกไว้ว่า จะเลือกแต่งงานกับผู้ชายสักคน ให้ดูสิ่งที่เค้าทำกับครอบครัวพ่อแม่ เพราะนั่นคือคนที่เค้าใกล้ชิดคุ้นเคย เค้าก็อาจจะปฎิบัติกับเราตามความที่เป็นคนใกล้ชิด ไม่เหมือนสมัยเป็นแฟนที่ต้องมีความเกรงใจ ต่อให้เหนื่อยยังไงก็ต้องมีพูดคุยฉอเลาะ เพราะความแตกต่างมันอยู่ที่ตรงนี้คะ พอเป็นสามีภรรยากันแล้ว ความเกรงใจก็จะหายไป เพราะความคุ้นเคย และ เคยชิน
แมงเข้าใจในความเหนื่อยของคุณdoris คะ ทั้งในเรื่องสามีและคุณพ่อสามี แต่ด้วยความที่แมงเป็นคนตรง เคยมีปัญหานี้กับสามีคะ คือเราอยู่กันด้วยความเคยชิน กลับมาต่างคนต่างไม่ค่อยพูดกัน แยกย้ายมีกิจกรรมของตัวเอง ทำอะไรกันไปตามหน้าที่ (โทรหาถามเรื่องกินข้าว หรือไปจับจ่ายของวันอาทิตย์) จนมันมีความเย็นหลังมาสะกิดใจเรา แมงก็มุ่งหน้าพูดคุยกับสามีเลยคะ
ว่าอะไรมันเป็นอะไร อย่าใช้อารมณ์นะคะ ใช้วิธีพูดคุยกันว่า เรามีอะไรต้องคุยกันนะ วันนั้นอาจจะไปทานอาหารนอกบ้านกัน เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศไม่ให้มันเป็นบรรยากาศในบ้าน จะอ้างว่าได้ วอเช่อฟรี หรืออะไรก็ได้คะ ในกรณีที่ถ้าคุณสามีเป็นคนประหยัด (เช่นสามีแมงเป็นต้น) แล้วก็คุยปรับความเข้าใจ ว่ามันเกิดอะไร อย่างน้อย ๆ ถึงเราจะไม่หวานแหววกุกกิ๊กกัน แต่เราก็เป็นสามีภรรยากัน ให้มีความรู้สึกต่อกันบ้าง เมื่อเราเปิดใจคุยกับเค้า เค้าก็จะเปิดใจคุยกับเรา เช่นอย่างสามีแมง ซึ่งเป็นคนพูดน้อย พอเราเคลียว่า ทำไมนะ เรารู้สึกมันเย็นชาและใกล้เหมือนไกล เค้าก็บอกว่า เค้าก็รู้สึกนะ แต่เค้าเหนื่อย กลับมาบ้านก็เหนื่อย ไม่อยากทำอะไร กลับมาก็ผ่อนคลาย อ่านหนังสือ ทำกิจกรรมส่วนตัว (ดูทีวี ดูบอล สารคดีอะไรไปตามเรื่อง) แล้วก็นอน เค้าก็ยอมรับว่าเค้าผิดที่เหมือนเห็นเราเป็นตุ๊กตาตั้งโชว์ เผอเรอและลืมไป แต่เค้าเองก็มีรู้สึกบ้างว่าเราก็เหมือนกันนะ เราก็เหมือนมีโลกของเราที่เค้าเข้าไปหาเราไม่ได้เหมือนกัน ทีนี้เราสองคนเลยคุยกันว่าเราเหนื่อย เราไปพักผ่อนกันดีกว่านะ ก็เริ่มสนุกคะ เริ่มคิดหากิจกรรมเที่ยว เริ่มกลับมาเป็นเหมือนสมัยเป็นแฟน (คือเราลุยกันมากคะสมัยก่อน) เริ่มคิดหากิจกรรม ไปพักผ่อน ก็เริ่มมีความสัมพันธ์ที่ดีกลับมา (รวมทั้งเรื่องเพศสัมพันธ์ อันนี้ไม่อายที่จะบอกเล่าว่ามันจำเป็นคะ) พอกลับมาจากพักผ่อน เราก็เริ่มดีขึ้น หากิจกรรมทำร่วมกัน เช่น เค้าเหนื่อยจากงาน ไอ้เราก้เหนือ่ยเหมือนกัน แต่ก็เข้าไปออดอ้อน นวด ๆ สามีเล็กน้อย เอาขนมให้เค้ากิน ชวนนั่งเล่นไพ่ วิพากวิจารกีฬา หรืออะไรร่วมกัน ก็เริ่มจูนหากันคะ หาอะไรที่มันเป็นความเคยชิน แต่ปรับแต่งให้มันมีชีวิตชีวา อย่างการไปซื้อของร่วมกันวันอาทิตย์ เราก็เปลี่ยนเป็น เธอ ไปดอนหวายกันมั้ย ซื้อกับข้าวที่นั่นก็น่าสนุกดี อะไรอย่างนี้น่ะคะ พิมพ์มาสะยาว แมงคิดว่าภรรยาทุกคนต้องเจอเหมือนกันคะ อยูที่กลเม็ดว่าเราจะแกไขปรับปรุให้มีชีวิตชีวาอย่างไร แมงเองก็ยังไม่มีลูกคะ เชื่อเถอะคะคุณ doris ตอนนี้ยิ่งโอกาศเหมาะเพราะไม่มีลูกเราก็สามารถไปเที่ยวกันได้ตัวปลิว ๆ ดีไม่ดี เที่ยวกลับมาอาจจะได้น้องนะคะ :D
ยังไงให้กำลังใจนะคะ ส่วนเรื่องคุณพ่อสามี เราก็ปรึกษาสามีด้วยก็ดีนะคะ หรือไม่ก็ทำแบบแมง คือเดินหน้าเข้าคุยกับท่านเลยคะ อย่างเช่นของแมงคือพ่อสามีจะเงียบ ๆ เงียบมาก เอาใจยาก แมงก็จะทำเข้าไปคุย พ่อคะ หนูได้ยินเสียงลม หวิว ๆ ผ่าน ๆ พ่อพูดอะไรบ้างก็ได้นะคะ อยากกินอะไรก็บอกหนู เพราะทุกวันนี้หนูได้ยินแต่เสียงลม เดี๋ยวหนูก็ทำกับข้าวลมให้พ่อสะหรอก แต่พูดแบบ ขำ ๆ คะ คือแล้วแต่ลักษณะนิสัยของพ่อสามีแต่ละคนด้วยนะคะ อย่างของแมงท่านเงียบ ๆ ท่านไม่ขำด้วยคะ แต่พอแมงพูดมาก ๆ ขำมาก ๆ ท่านก็ขำ แล้วก็พูดกับเราแบบ "อืม วันนี้อยากกินน้ำพริกนะ หวังว่าคงไม่มีเป็นลมตดมาให้นะ" อะไรแบบนี้คะ
อย่าท้อนะคะ สู้ ๆ คะ มีอะไรปรึกษากันได้คะ :D
ขอบคุณมากๆๆค่ะ :) จะพยายามเข้าใจเขาให้มากๆๆนะค่ะ
Originally Posted by AnnAnnAntz
ใจเย็นๆค่ะ ..
ช่วงสองปีแรกหลังการแต่งงาน เป็นช่วงการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่อย่างมโหฬารทั้งเค้าและเราและครอบครัว(สามี/ภรรยา)
มันเหมือนสะสมค่ะแล้วต่างก็คิดว่าอีกฝ่ายก็น่าจะรู้จนกลายเป็นเก็บและกดมันไว้ พอเห็นอะไรที่ตัวเองไม่ชอบซ้ำๆเข้าเรื่อยๆก็กลายเป็นเงียบเพื่อเลี่ยงปัญหา
แล้วก็หาอะไรทำเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะต้องพูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กัน
นานวันเข้ากลายเป็นทำอะไรก็ผิดไปหมด..ขัดหูขัดตา
อีกอย่างคือ..พอแต่งงานแล้วกลายเป็นเราและเค้าดูแลและเอาใจใส่กันน้อยลง
ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าทำไมแต่งแล้วมันไม่เหมือนตอนเป็นแฟน
ลองปรับมาเป็นดูแลตัวเองให้มากขึ้น มีความสุขกับตัวเองให้ร่าเริงแจ่มใส
อะไรที่เคยทำตอนเป็นแฟน..เช่น SMSข้อความบอกรัก ทำอาหารโปรดให้ทาน
พอให้บรรยากาศอึดอัดลดลง แล้วก็เปิดอกคุยกันค่ะ..หลังจากนั้นก็ไปฮันนีมูนอีกรอบ
เป็นกำลังใจให้
และขอให้เรื่องอึดอัดผ่านพ้นไปแล้วหวานกันเหมือนเดิมนะคะ .. เอาใจช่วยค่ะ ;)
จะยามยามนะค่ะ ขอบคุณมากๆๆๆค่ะ เพื่อนๆๆน่ารักทุกคนเลยค่ะ *_* ซึ้งจริงๆ
Originally Posted by AnnAnnAntz
ใจเย็นๆค่ะ ..
ช่วงสองปีแรกหลังการแต่งงาน เป็นช่วงการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่อย่างมโหฬารทั้งเค้าและเราและครอบครัว(สามี/ภรรยา)
มันเหมือนสะสมค่ะแล้วต่างก็คิดว่าอีกฝ่ายก็น่าจะรู้จนกลายเป็นเก็บและกดมันไว้ พอเห็นอะไรที่ตัวเองไม่ชอบซ้ำๆเข้าเรื่อยๆก็กลายเป็นเงียบเพื่อเลี่ยงปัญหา
แล้วก็หาอะไรทำเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะต้องพูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กัน
นานวันเข้ากลายเป็นทำอะไรก็ผิดไปหมด..ขัดหูขัดตา
อีกอย่างคือ..พอแต่งงานแล้วกลายเป็นเราและเค้าดูแลและเอาใจใส่กันน้อยลง
ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าทำไมแต่งแล้วมันไม่เหมือนตอนเป็นแฟน
ลองปรับมาเป็นดูแลตัวเองให้มากขึ้น มีความสุขกับตัวเองให้ร่าเริงแจ่มใส
อะไรที่เคยทำตอนเป็นแฟน..เช่น SMSข้อความบอกรัก ทำอาหารโปรดให้ทาน
พอให้บรรยากาศอึดอัดลดลง แล้วก็เปิดอกคุยกันค่ะ..หลังจากนั้นก็ไปฮันนีมูนอีกรอบ
เป็นกำลังใจให้
และขอให้เรื่องอึดอัดผ่านพ้นไปแล้วหวานกันเหมือนเดิมนะคะ .. เอาใจช่วยค่ะ ;)
Originally Posted by Jellyfish
แมงเข้าใจในจุดนี้คะ เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หลาย ๆ คู่สมรสมีนะคะ ไม่ใช่แค่คุณdoris คนเดียวหรอกคะ กับแมงเองก็เคย ด้วยความเคยชินที่เราอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกันกับสามีมานาน บางสิ่งบางอย่างอาจหายไป เค้าอาจเหนื่อยกับการงาน กลับมาอาจเฉยชาเพราะเหนื่อยที่จะพูดคุย แล้วก็อย่าไปเปรียบเทียบกับสมัยก่อนแต่งงานนะคะ เพราะอย่างที่หลายคนเคยบอกไว้ว่า จะเลือกแต่งงานกับผู้ชายสักคน ให้ดูสิ่งที่เค้าทำกับครอบครัวพ่อแม่ เพราะนั่นคือคนที่เค้าใกล้ชิดคุ้นเคย เค้าก็อาจจะปฎิบัติกับเราตามความที่เป็นคนใกล้ชิด ไม่เหมือนสมัยเป็นแฟนที่ต้องมีความเกรงใจ ต่อให้เหนื่อยยังไงก็ต้องมีพูดคุยฉอเลาะ เพราะความแตกต่างมันอยู่ที่ตรงนี้คะ พอเป็นสามีภรรยากันแล้ว ความเกรงใจก็จะหายไป เพราะความคุ้นเคย และ เคยชิน
แมงเข้าใจในความเหนื่อยของคุณdoris คะ ทั้งในเรื่องสามีและคุณพ่อสามี แต่ด้วยความที่แมงเป็นคนตรง เคยมีปัญหานี้กับสามีคะ คือเราอยู่กันด้วยความเคยชิน กลับมาต่างคนต่างไม่ค่อยพูดกัน แยกย้ายมีกิจกรรมของตัวเอง ทำอะไรกันไปตามหน้าที่ (โทรหาถามเรื่องกินข้าว หรือไปจับจ่ายของวันอาทิตย์) จนมันมีความเย็นหลังมาสะกิดใจเรา แมงก็มุ่งหน้าพูดคุยกับสามีเลยคะ
ว่าอะไรมันเป็นอะไร อย่าใช้อารมณ์นะคะ ใช้วิธีพูดคุยกันว่า เรามีอะไรต้องคุยกันนะ วันนั้นอาจจะไปทานอาหารนอกบ้านกัน เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศไม่ให้มันเป็นบรรยากาศในบ้าน จะอ้างว่าได้ วอเช่อฟรี หรืออะไรก็ได้คะ ในกรณีที่ถ้าคุณสามีเป็นคนประหยัด (เช่นสามีแมงเป็นต้น) แล้วก็คุยปรับความเข้าใจ ว่ามันเกิดอะไร อย่างน้อย ๆ ถึงเราจะไม่หวานแหววกุกกิ๊กกัน แต่เราก็เป็นสามีภรรยากัน ให้มีความรู้สึกต่อกันบ้าง เมื่อเราเปิดใจคุยกับเค้า เค้าก็จะเปิดใจคุยกับเรา เช่นอย่างสามีแมง ซึ่งเป็นคนพูดน้อย พอเราเคลียว่า ทำไมนะ เรารู้สึกมันเย็นชาและใกล้เหมือนไกล เค้าก็บอกว่า เค้าก็รู้สึกนะ แต่เค้าเหนื่อย กลับมาบ้านก็เหนื่อย ไม่อยากทำอะไร กลับมาก็ผ่อนคลาย อ่านหนังสือ ทำกิจกรรมส่วนตัว (ดูทีวี ดูบอล สารคดีอะไรไปตามเรื่อง) แล้วก็นอน เค้าก็ยอมรับว่าเค้าผิดที่เหมือนเห็นเราเป็นตุ๊กตาตั้งโชว์ เผอเรอและลืมไป แต่เค้าเองก็มีรู้สึกบ้างว่าเราก็เหมือนกันนะ เราก็เหมือนมีโลกของเราที่เค้าเข้าไปหาเราไม่ได้เหมือนกัน ทีนี้เราสองคนเลยคุยกันว่าเราเหนื่อย เราไปพักผ่อนกันดีกว่านะ ก็เริ่มสนุกคะ เริ่มคิดหากิจกรรมเที่ยว เริ่มกลับมาเป็นเหมือนสมัยเป็นแฟน (คือเราลุยกันมากคะสมัยก่อน) เริ่มคิดหากิจกรรม ไปพักผ่อน ก็เริ่มมีความสัมพันธ์ที่ดีกลับมา (รวมทั้งเรื่องเพศสัมพันธ์ อันนี้ไม่อายที่จะบอกเล่าว่ามันจำเป็นคะ) พอกลับมาจากพักผ่อน เราก็เริ่มดีขึ้น หากิจกรรมทำร่วมกัน เช่น เค้าเหนื่อยจากงาน ไอ้เราก้เหนือ่ยเหมือนกัน แต่ก็เข้าไปออดอ้อน นวด ๆ สามีเล็กน้อย เอาขนมให้เค้ากิน ชวนนั่งเล่นไพ่ วิพากวิจารกีฬา หรืออะไรร่วมกัน ก็เริ่มจูนหากันคะ หาอะไรที่มันเป็นความเคยชิน แต่ปรับแต่งให้มันมีชีวิตชีวา อย่างการไปซื้อของร่วมกันวันอาทิตย์ เราก็เปลี่ยนเป็น เธอ ไปดอนหวายกันมั้ย ซื้อกับข้าวที่นั่นก็น่าสนุกดี อะไรอย่างนี้น่ะคะ พิมพ์มาสะยาว แมงคิดว่าภรรยาทุกคนต้องเจอเหมือนกันคะ อยูที่กลเม็ดว่าเราจะแกไขปรับปรุให้มีชีวิตชีวาอย่างไร แมงเองก็ยังไม่มีลูกคะ เชื่อเถอะคะคุณ doris ตอนนี้ยิ่งโอกาศเหมาะเพราะไม่มีลูกเราก็สามารถไปเที่ยวกันได้ตัวปลิว ๆ ดีไม่ดี เที่ยวกลับมาอาจจะได้น้องนะคะ :D
ยังไงให้กำลังใจนะคะ ส่วนเรื่องคุณพ่อสามี เราก็ปรึกษาสามีด้วยก็ดีนะคะ หรือไม่ก็ทำแบบแมง คือเดินหน้าเข้าคุยกับท่านเลยคะ อย่างเช่นของแมงคือพ่อสามีจะเงียบ ๆ เงียบมาก เอาใจยาก แมงก็จะทำเข้าไปคุย พ่อคะ หนูได้ยินเสียงลม หวิว ๆ ผ่าน ๆ พ่อพูดอะไรบ้างก็ได้นะคะ อยากกินอะไรก็บอกหนู เพราะทุกวันนี้หนูได้ยินแต่เสียงลม เดี๋ยวหนูก็ทำกับข้าวลมให้พ่อสะหรอก แต่พูดแบบ ขำ ๆ คะ คือแล้วแต่ลักษณะนิสัยของพ่อสามีแต่ละคนด้วยนะคะ อย่างของแมงท่านเงียบ ๆ ท่านไม่ขำด้วยคะ แต่พอแมงพูดมาก ๆ ขำมาก ๆ ท่านก็ขำ แล้วก็พูดกับเราแบบ "อืม วันนี้อยากกินน้ำพริกนะ หวังว่าคงไม่มีเป็นลมตดมาให้นะ" อะไรแบบนี้คะ
อย่าท้อนะคะ สู้ ๆ คะ มีอะไรปรึกษากันได้คะ :D
ก่อนอื่นต้องขอเอาใจช่วยให้คุณดอริสคลี่คลายปัญหาได้ไวๆนะคะ ส่วนตัวพิและสามีเราจะมีข้อตกลงกันก่อนแต่งงานคือ... เราต้องคุยกันแบบเปิดเผยไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามจะน้อยใจเรื่องไหนโกธรกันเรื่องอะไร จะคุยกันค่ะจะไม่มีการปิดบังกัน เพราะถ้าเริ่มมีความลับหรือปิดบังกันเมื่อไหร่ปัญหาที่ว่าเล็กๆจะกลายเป็นปัญหาใหญ่โตขึ้นมา...ทันที!!!! โดยส่วนตัวพิกะสามีอยู่คนละที่ซึ่งก็จะใช้เวลาคุยโทรศัพท์กันทุกวันและบินไปกลับกันเอา...ซึ่งเราสองคนอยู่ไกลกันคนละซีกโลก เราสองคนไม่สามารถมองเห็นพฤติกรรมซึ่งกันและกันได้ตลอด แต่จะยึดคติคือความรัก ความเชื่อใจ การให้เกียรติซึ่งและกันและกัน เปิดเผย และซื่อสัตย์... พิว่าทั้งหมดนี้มันสำคัญนะเพราะคนเราเป็นสามีภรรยากันไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลเราก็สามารถหาเรื่องมาทะเลาะเบาะแว้งหรือมีคนอื่นได้ ถ้าคนใดคนนึงอยากทำ...จริงไหม?? เพราะฉะนั้นเราเลยถือคติว่าจะต้องซื่อสัตย์และให้เกรียติคนที่เรารักและจะไม่ทำให้ใครคนใดคนนึงเสียใจ ตั้งแต่แต่งและมีลูกมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรใหญ่โตกันค่ะ มีแต่งอนกันบ้างนิดหน่อยแต่จะไม่ปล่อยให้เกินข้ามคืน ไม่เค้าง้อเราก่อนเราก็ง้อเค้าก่อนค่ะ....ทุกๆครั้งในการคุยโทรศัพท์หรือเจอหน้ากัน เราก็จะบอกรักกันตลอดค่ะ...อย่างน้อยๆๆพิว่าคำว่ารัก ฟังเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อแถมยังเหมือนน้ำทิพย์ที่มาชะโลมใจเราด้วยค่ะ ;-) แต่ในเคสของคุณดอริส : ทุกอย่างมันยังไม่สายเกินแก้ค่ะ... 1.ก่อนอื่นลองดูว่าเราเปลี่ยนไปไหมหลังจากแต่งงานกะเค้า ?? อันนี้หมายถึงทุกๆเรื่องนะคะ2.เหมือนที่เพื่อนๆแนะนำค่ะ ทำใจให้สบายอย่าเครียส...แล้วค่อยๆลองคุยกะเค้า ลองบอกสิ่งที่เรารู้สึกและลองคุยกันว่าเราสองคนควรปรับส่วนไหน ยังไง... ของอย่างงี้ต้องร่วมมือกันทั้ง2ฝ่ายนะคะ 3.หมั่นเอาใจใส่เค้าให้มากขึ้น และลองหาวันหยุดไปเที่ยวกันสองต่อสอง... 4.อันนี้สำคัญนะคะ >> เรื่องบนเตียงค่ะ ลองสังเกตุดูนะคะว่าพฤติกรรมบนเตียงของคุณและเค้าเปลี่ยนไปไหม คนส่วนใหญ่ชอบมองเรื่องอื่นก่อน แต่สำหรับผู้ชาย(เหมือนอย่างคุณเป๊บซี่..ว่าไว้ข้อความด้านบนอ่ะค่ะ)เรื่องพวกนี้สำคัญนะคะ สำคัญพอๆกับการทานข้าวก็ต้องดื่มน้ำอ่ะคะ :D:D เรื่องบนเตียงไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเรื่องนั้นเรื่องเดียวนะคะ อาจหมายถึงการโอบกอดหรือหอมแก้มก่อนนอน แค่นี้ก็รู้สึกอบอุ่นแล้วล่ะค่ะ เพราะอย่างที่เพื่อนๆว่าแต่งงานแค่2ปี มันก็ยังอยู่ช่วงเริ่มต้นของการปรับตัว เพราะฉะนั้นการเริ่มที่จะคุยหรือปรับตัวกันระหว่างคุณสองคนก็ยังเป็นเรื่องที่ทำได้ ยังไม่สาย อย่าปล่อยให้เรื่องนี้เลยตามเลย เลยค่ะ มันจะทำให้ชีวิตการแต่งงานของคุณดูน่าเบื่อและพิเชื่อว่าไม่มีใครที่จะอดทนอยู่กับความน่าเบื่อได้นาน ถึงวันนั้นแล้วมันอาจทำให้ทุกอย่างสายเกินแก้นะคะ.... พิเอาใจช่วยคุณดอริสอีกแรงนึงค่ะ สู้ๆๆ นะคะ สู้เพื่อเรียกชีวิตรักของเรากลับมาค่ะ.....พิเองไม่ใช่คนเก่งหรือรอบรู้อะไร ถ้าคุณดอริสอยากได้เพื่อนอีกซักคน พิยินดีเป็นเพื่อนคุณดอริสนะคะ..... ยินดีที่จะช่วยและเป็นกำลังใจให้ค่ะ
[SIZE="5"]สู้ๆน่ะค่ะพี่สาวคนสวย
ยังไง เราก็เลือกคนนี้ คนที่ดีที่สุด มาแล้ว อารมณ์คนเราก็งี้แหละ เด๋วดีเด๋วร้ายอ่ะเนอะ
ยิ่งผู้ชายน่ะ พอแต่งงานก็เหมือนเข้าสู่วัยทอง 555+
เป็นกำลังใจให้พี่สาวคนนี้เสมอน่ะจ๊ะ....
ผู้หญิงเราก็ดีนะค่ะ พอได้คุยเรื่องสามีปุ๊บ ก็สามารถเม้าท์ ไม่ใช่ให้คำปรึกษากันได้เลย อกเค้าอกเราน่ะค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
ปล่อยไว้แบบนี้นานเกินไปไม่ดีแน่
ถ้ามีมือที่สามเข้ามาในช่วงแบบนี้ น่ากลัวเลยค่ะ
ลองคุยกันดีๆ ให้เข้าใจกัน ว่าเค๊ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า
หรือเราทำอะไรให้เค๊าไม่พอใจหรือเปล่า
คุยกันแบบกัลญาณมิตรนะ อย่าคุยแบบเจ้าหนี้มาตามทวงนี้หละ:D
ขอให้เข้าใจกัน และรักกันนานๆๆๆๆๆ ตลอดไปนะคะ
เพิ่งรู้ว่าน้องดอริสแต่งงานแล้ว อ่านแล้วต้องถอนหายใจเลย เจอแบบนี้ก็คงเครียดเป็นธรรมดา ยังไงลองคุยกับเค้าดูนะคะ ว่าเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น เป็นสามีภรรยากัน ต้องคุยกันได้ทุกเรื่อง เป็นแบบนี้แล้วเสียสุขภาพจิตน่ะค่ะ ยังไงพี่เอาใจช่วยนะคะ
aja aja fighting (เอ่อ อารมณ์บ้าละครเกาหลีฮ่ะ เพิ่งกลับมาดู full house ทางยูทู้บอีกรอบ หลังจากดูมาแล้วหลายรอบ เลยเอาคำฮิตของพระเอกนางเอกเวลาบอกกันและกันให้สู้ ๆ มาใช้ อิอิ)
จะพยายามนะค่ะ คือตอนก่อนแต่งก้อตกลงไง้แบบนี้เหมือนกันคะ แต่พอถึงเวลาจริงๆ ไม่เปนตามนั้น
ดอริสพยายามจะเข้าใจเขามากที่สุด ที่บ้านนี้มีแต่ผู้ชาย และเป็นประเภทที่ว่า ไม่เข้าใจเรื่องผู้หญิงเอาซะเลย เขาอยู่กันแบบแมนๆค่ะ พูดน้อย ส่วนเราพูดมาก จนเขาคงจะรำคาญ ดอริสก้อพยายามปรับตัวนะค่ะ พยายามนะ แต่บางทีก้อเหนื่อยยๆ ค่ะ แต่ขอบคุณมากนะค่ะ คุณพิ **
Originally Posted by Phicha_pk
ก่อนอื่นต้องขอเอาใจช่วยให้คุณดอริสคลี่คลายปัญหาได้ไวๆนะคะ ส่วนตัวพิและสามีเราจะมีข้อตกลงกันก่อนแต่งงานคือ... เราต้องคุยกันแบบเปิดเผยไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามจะน้อยใจเรื่องไหนโกธรกันเรื่องอะไร จะคุยกันค่ะจะไม่มีการปิดบังกัน เพราะถ้าเริ่มมีความลับหรือปิดบังกันเมื่อไหร่ปัญหาที่ว่าเล็กๆจะกลายเป็นปัญหาใหญ่โตขึ้นมา...ทันที!!!!
โดยส่วนตัวพิกะสามีอยู่คนละที่ซึ่งก็จะใช้เวลาคุยโทรศัพท์กันทุกวันและบินไปกลับกันเอา...ซึ่งเราสองคนอยู่ไกลกันคนละซีกโลก เราสองคนไม่สามารถมองเห็นพฤติกรรมซึ่งกันและกันได้ตลอด แต่จะยึดคติคือความรัก ความเชื่อใจ การให้เกียรติซึ่งและกันและกัน เปิดเผย และซื่อสัตย์... พิว่าทั้งหมดนี้มันสำคัญนะเพราะคนเราเป็นสามีภรรยากันไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลเราก็สามารถหาเรื่องมาทะเลาะเบาะแว้งหรือมีคนอื่นได้ ถ้าคนใดคนนึงอยากทำ...จริงไหม?? เพราะฉะนั้นเราเลยถือคติว่าจะต้องซื่อสัตย์และให้เกรียติคนที่เรารักและจะไม่ทำให้ใครคนใดคนนึงเสียใจ ตั้งแต่แต่งและมีลูกมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรใหญ่โตกันค่ะ มีแต่งอนกันบ้างนิดหน่อยแต่จะไม่ปล่อยให้เกินข้ามคืน ไม่เค้าง้อเราก่อนเราก็ง้อเค้าก่อนค่ะ....ทุกๆครั้งในการคุยโทรศัพท์หรือเจอหน้ากัน เราก็จะบอกรักกันตลอดค่ะ...อย่างน้อยๆๆพิว่าคำว่ารัก ฟังเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อแถมยังเหมือนน้ำทิพย์ที่มาชะโลมใจเราด้วยค่ะ ;-)
แต่ในเคสของคุณดอริส : ทุกอย่างมันยังไม่สายเกินแก้ค่ะ...
1.ก่อนอื่นลองดูว่าเราเปลี่ยนไปไหมหลังจากแต่งงานกะเค้า ?? อันนี้หมายถึงทุกๆเรื่องนะคะ
2.เหมือนที่เพื่อนๆแนะนำค่ะ ทำใจให้สบายอย่าเครียส...แล้วค่อยๆลองคุยกะเค้า ลองบอกสิ่งที่เรารู้สึกและลองคุยกันว่าเราสองคนควรปรับส่วนไหน ยังไง... ของอย่างงี้ต้องร่วมมือกันทั้ง2ฝ่ายนะคะ
3.หมั่นเอาใจใส่เค้าให้มากขึ้น และลองหาวันหยุดไปเที่ยวกันสองต่อสอง...
4.อันนี้สำคัญนะคะ >> เรื่องบนเตียงค่ะ ลองสังเกตุดูนะคะว่าพฤติกรรมบนเตียงของคุณและเค้าเปลี่ยนไปไหม คนส่วนใหญ่ชอบมองเรื่องอื่นก่อน แต่สำหรับผู้ชาย(เหมือนอย่างคุณเป๊บซี่..ว่าไว้ข้อความด้านบนอ่ะค่ะ)เรื่องพวกนี้สำคัญนะคะ สำคัญพอๆกับการทานข้าวก็ต้องดื่มน้ำอ่ะคะ :D:D เรื่องบนเตียงไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเรื่องนั้นเรื่องเดียวนะคะ อาจหมายถึงการโอบกอดหรือหอมแก้มก่อนนอน แค่นี้ก็รู้สึกอบอุ่นแล้วล่ะค่ะ
เพราะอย่างที่เพื่อนๆว่าแต่งงานแค่2ปี มันก็ยังอยู่ช่วงเริ่มต้นของการปรับตัว เพราะฉะนั้นการเริ่มที่จะคุยหรือปรับตัวกันระหว่างคุณสองคนก็ยังเป็นเรื่องที่ทำได้ ยังไม่สาย อย่าปล่อยให้เรื่องนี้เลยตามเลย เลยค่ะ มันจะทำให้ชีวิตการแต่งงานของคุณดูน่าเบื่อและพิเชื่อว่าไม่มีใครที่จะอดทนอยู่กับความน่าเบื่อได้นาน ถึงวันนั้นแล้วมันอาจทำให้ทุกอย่างสายเกินแก้นะคะ....
พิเอาใจช่วยคุณดอริสอีกแรงนึงค่ะ สู้ๆๆ นะคะ สู้เพื่อเรียกชีวิตรักของเรากลับมาค่ะ.....
พิเองไม่ใช่คนเก่งหรือรอบรู้อะไร ถ้าคุณดอริสอยากได้เพื่อนอีกซักคน พิยินดีเป็นเพื่อนคุณดอริสนะคะ..... ยินดีที่จะช่วยและเป็นกำลังใจให้ค่ะ

ก่อนอื่นต้องขอเป็นกำลังใจให้คุณDoris ด้วยคนนะคะ ถ้าคิดว่าเรารักสามีคนนี้ ต้องรักในความเป็นเขาด้วย ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น หันหน้าคุยกัน ระยะเวลาผ่านไปเพียงสองปีเอง สำหรับพี่ผ่านไปสามสิบสามปีแล้ว มีทุกรูปแบบ เคยมีปัญหากับคุณแม่สามี เคยไปอำเภอเพื่อขอหย่า แต่ด้วยความอดทนของเรา และที่สำคัญบนพื้นฐานจากความรักของเรา เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ผ่านไปได้ จนถึงทุกวันนี้
Originally Posted by due
ปล่อยไว้แบบนี้นานเกินไปไม่ดีแน่
ถ้ามีมือที่สามเข้ามาในช่วงแบบนี้ น่ากลัวเลยค่ะ
ลองคุยกันดีๆ ให้เข้าใจกัน ว่าเค๊ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า
หรือเราทำอะไรให้เค๊าไม่พอใจหรือเปล่า
คุยกันแบบกัลญาณมิตรนะ อย่าคุยแบบเจ้าหนี้มาตามทวงนี้หละ:D
ขอให้เข้าใจกัน และรักกันนานๆๆๆๆๆ ตลอดไปนะคะ
คิดเหมือนพี่ดิวเลยค่ะ ว่าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ เท่าที่ดูๆแล้วคุณก็พยายามปรับตัวและทนทุกอย่างนี่นาแต่ทำไม๊ ทำไมเวลาที่คุยกับเราแล้วถามคำตอบคำละที่เวลาคุยกับเพื่อนแล้ว เฮฮา ตอนก่อนที่จะแต่งงานนีน่ากับคุณสามีเคยเกิดเหตุการ์ณแบบนี้เหมือนกันสมัยที่เป็นแค่แฟน "พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย พยายามทำดีก็แล้ว เอาอกเอาใจสารพัด แต่พ่อตัวดีก็ทำเป็นเมินเฉย เย็นชา" จนนีน่าทนไม่ไหว ปรี้ดแตกจับเข่าคุยกัน ปรากฎว่า "เค้าไปชอบผู้หญิงอีกคนหนึ่งค่ะ" และอยากจะเลิกกับเราแต่ว่าไม่รู้จะทำอีท่าไหน เลยต้องทำ "มึนตึง" ใส่เราซ่ะงั้น :( คุณดอริส บอกเค้าไปเลยค่ะว่าเราไม่สบายใจเลยนะที่เค้าทำแบบนี้ ลองค่อยๆพูดกันดู อาจจะชวนเค้าไปพักผ่อนต่างจังหวัดกันบ้าง คนเป็น "สามีภรรยากัน" มีอะไรต้องเปิดอกคุยกันนะค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นไปด้วยดีนะค่ะ ;)
ไปเที่ยวกันสองคนเลยคะ ยิ่งไม่มีลูกยิ่งไปไม่ยาก
เปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนสถานที่
เวลาออนรู้สึกว่า มาคุๆ (ทั้งคู่รู้สึกเครียด)
เราจะต้องหาทางออกทางอื่นดูนะคะ เพราะเราว่า
สภาพแวดล้อมมันจำเจน่าเบื่อ แต่ไปข้างนอก
คลายเครียด เห็นอะไรใหม่ๆ มี topic อะไร
ให้คุยกันก็จะช่วยได้คะ
ชีวิตคู่มันอาจจะต้องมี balance กันบ้างนะคะ
ไปเที่ยว ตจว เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง
ไป drink ที่สวยๆ กันสองคนบ้าง (เจอแต่พ่อสามีทั้งวันมันก็เซ็งสิคะ)
เราไปแต๊ดแต๊กับเพือ่นผู้หญิงเราบ้าง ไป fitness shopping ของเราบ้าง
เขาไปตีกอล์ฟ เล่นบอล สังสรรค์กับเพื่อนเขาบ้าง
คือให้แต่ละคนได้ไปมีสังคมตัวเองบ้าง มีเวลาสองคนบ้าง อยู่คนเดียวบ้าง
ให้มี segment ที่สมดุลย์พอๆ กัน เวลาอยู่ด้วยกันคนสองคน
ที่มีพลังชีวตที่สดใสเจอกัน มันก็จะสดชื่นนะคะ
สู้ๆ นะคะ
ต้องพยายามเข้าใจกันและกันจ๊ะ สู้ๆ
อยากไปเหมือนกันค่ะ แต่ตอนนี้คิดว่าเขาคงไม่อยากไปกับเรา พูดด้วยยังเฉยๆๆเลยค่ะ - -
ขอบคุณคุณออนมากนะคะ :)
Originally Posted by veryorn
ไปเที่ยวกันสองคนเลยคะ ยิ่งไม่มีลูกยิ่งไปไม่ยาก
เปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนสถานที่
เวลาออนรู้สึกว่า มาคุๆ (ทั้งคู่รู้สึกเครียด)
เราจะต้องหาทางออกทางอื่นดูนะคะ เพราะเราว่า
สภาพแวดล้อมมันจำเจน่าเบื่อ แต่ไปข้างนอก
คลายเครียด เห็นอะไรใหม่ๆ มี topic อะไร
ให้คุยกันก็จะช่วยได้คะ
ชีวิตคู่มันอาจจะต้องมี balance กันบ้างนะคะ
ไปเที่ยว ตจว เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง
ไป drink ที่สวยๆ กันสองคนบ้าง (เจอแต่พ่อสามีทั้งวันมันก็เซ็งสิคะ)
เราไปแต๊ดแต๊กับเพือ่นผู้หญิงเราบ้าง ไป fitness shopping ของเราบ้าง
เขาไปตีกอล์ฟ เล่นบอล สังสรรค์กับเพื่อนเขาบ้าง
คือให้แต่ละคนได้ไปมีสังคมตัวเองบ้าง มีเวลาสองคนบ้าง อยู่คนเดียวบ้าง
ให้มี segment ที่สมดุลย์พอๆ กัน เวลาอยู่ด้วยกันคนสองคน
ที่มีพลังชีวตที่สดใสเจอกัน มันก็จะสดชื่นนะคะ
สู้ๆ นะคะ
ขอบคุณค่ะพี่ หนูก้อแบบว่า... เฮ่อออ อยากให้ผ่านจุดยากๆๆไปปเร๊วๆ ก้อรู็ว่าต้องอดทน แต่ก้อแบบว่า หวนคิอดถึงตอนเปนโสดไม่ได้ หวนคิดถึงที่บ้าน พ่อแม่พี่น้องเรา ชีวิตคู่นี่มันเหนื่อยมากๆๆๆนะค่ะ ยิ่งเป็นผู้หญิงเนี้ย - -
Originally Posted by wawe
ก่อนอื่นต้องขอเป็นกำลังใจให้คุณDoris ด้วยคนนะคะ ถ้าคิดว่าเรารักสามีคนนี้ ต้องรักในความเป็นเขาด้วย ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น หันหน้าคุยกัน ระยะเวลาผ่านไปเพียงสองปีเอง สำหรับพี่ผ่านไปสามสิบสามปีแล้ว มีทุกรูปแบบ เคยมีปัญหากับคุณแม่สามี เคยไปอำเภอเพื่อขอหย่า แต่ด้วยความอดทนของเรา และที่สำคัญบนพื้นฐานจากความรักของเรา เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ผ่านไปได้ จนถึงทุกวันนี้
อ่านแล้วนอยเลยค่ะ ><
Originally Posted by srichardson
คิดเหมือนพี่ดิวเลยค่ะ ว่าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ เท่าที่ดูๆแล้วคุณก็พยายามปรับตัวและทนทุกอย่างนี่นาแต่ทำไม๊ ทำไมเวลาที่คุยกับเราแล้วถามคำตอบคำละที่เวลาคุยกับเพื่อนแล้ว เฮฮา ตอนก่อนที่จะแต่งงานนีน่ากับคุณสามีเคยเกิดเหตุการ์ณแบบนี้เหมือนกันสมัยที่เป็นแค่แฟน "พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย พยายามทำดีก็แล้ว เอาอกเอาใจสารพัด แต่พ่อตัวดีก็ทำเป็นเมินเฉย เย็นชา" จนนีน่าทนไม่ไหว ปรี้ดแตกจับเข่าคุยกัน ปรากฎว่า "เค้าไปชอบผู้หญิงอีกคนหนึ่งค่ะ" และอยากจะเลิกกับเราแต่ว่าไม่รู้จะทำอีท่าไหน เลยต้องทำ "มึนตึง" ใส่เราซ่ะงั้น :(
คุณดอริส บอกเค้าไปเลยค่ะว่าเราไม่สบายใจเลยนะที่เค้าทำแบบนี้ ลองค่อยๆพูดกันดู อาจจะชวนเค้าไปพักผ่อนต่างจังหวัดกันบ้าง คนเป็น "สามีภรรยากัน" มีอะไรต้องเปิดอกคุยกันนะค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นไปด้วยดีนะค่ะ ;)
[SIZE="7"]เป็นกำลังใจให้นะครับ
[SIZE="7"]เป็นกำลังใจให้นะครับ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ ไม่รู้จะให้คำปรึกษายังไงดี สู้ๆนะคะ
ใจเย็น และอย่าคิดมากค่ะ
เราเองใช้วิธีตาบอด หูหนวก เป็นใบ้ และปัญญาอ่อนเป็นบางครั้ง
ขอให้เลี่ยงการทะเลาะ เพราะคิดซะว่าชีวิตคนเราสั้นนัก ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า
บางครั้งผู้ชายก้ออยากเป็นฮ๊โร่นะคะ
ลองใช้คำพูดขอความช่วยเหลือ(แทนการพูดเหมือนจะสั่ง) ในสิ่งที่เราต้องการให้เค้าทำ
เราใช้วิธ๊นี้ประจำเลย ได้ผลดีด้วย
ลองทำต้วหรือแต่งต้วเหมือนตอนก่อนแต่งงานนะคะ
อาจจะนำความสดใสกลับมาสู่คุณเองและครอบครัวค่ะ
สุดท้าย อดทน อดทน อดทน และอดทนค่ะ
ขอให้คู่ของคุณจขก.กลับมาหวานเหมือนเดิมเร็วๆนะคะ:D
อยากรู้ว่าคนขาย คนซื้อไปไหนกันหมด ห้องซื้อขายเงียบม๊ากมาก
คำถามที่อยากให้ช่วย ลูกปิดเทอม จะเข้ากรุงเทพคะ อยู่บ้านนอกนานมาก
จะไปช้อปปิ้งแต่ลูกบ่นว่าไปเดินห้างไม่อยากไป แต่อยากให้ลูกไปด้วย
เป็นคนติดลูกงอมแงมคะ ไม่อยากให้ลูกอยู่บ้าน แต่แม่อยากไปช้อปปิ้ง
แถวเซ็นทรัลเวิร์ดนะคะ แต่ลูกนะซิ ไม่ชอบให้ลูกอยู่ร้านเกมส์นะคะ
ช่วยหน่อยนะคะ ขอบคุณคะ
Originally Posted by little23
อยากรู้ว่าคนขาย คนซื้อไปไหนกันหมด ห้องซื้อขายเงียบม๊ากมาก
คำถามที่อยากให้ช่วย ลูกปิดเทอม จะเข้ากรุงเทพคะ อยู่บ้านนอกนานมาก
จะไปช้อปปิ้งแต่ลูกบ่นว่าไปเดินห้างไม่อยากไป แต่อยากให้ลูกไปด้วย
เป็นคนติดลูกงอมแงมคะ ไม่อยากให้ลูกอยู่บ้าน แต่แม่อยากไปช้อปปิ้ง
แถวเซ็นทรัลเวิร์ดนะคะ แต่ลูกนะซิ ไม่ชอบให้ลูกอยู่ร้านเกมส์นะคะ
ช่วยหน่อยนะคะ ขอบคุณคะ
ขอโทษ K. little 23 ด้วยนะคะ แต่เราว่าถ้าจะตั้งกระทู้ของตัวเอง ไปตั้งกระทู้ใหม่ดีกว่าคะ เพราะนี่เป็นกระทู้ K. Doris อ่ะคะ น่าจะให้เกียรติ จขกท. นิดนึงนะคะ เพราะมันเบี่ยงประเด็นอ่ะคะ ส่วน คำถามเราอ่านแล้วงงคะ ต้องการให้ช่วยอะไรอ่ะคะ อ่านแล้วเหมือนประโยคบอกเล่าซะมากกว่าคะ เลยไม่รู้จะช่วยยังไงคะ :confused::confused:
[SIZE="5"]ไม่รุ้จะช่วยยังไงแตเปนกำลังใจให้คุณDORISนะคะ:)
Originally Posted by Ohh
ขอโทษ K. little 23 ด้วยนะคะ แต่เราว่าถ้าจะตั้งกระทู้ของตัวเอง ไปตั้งกระทู้ใหม่ดีกว่าคะ เพราะนี่เป็นกระทู้ K. Doris อ่ะคะ น่าจะให้เกียรติ จขกท. นิดนึงนะคะ เพราะมันเบี่ยงประเด็นอ่ะคะ ส่วน คำถามเราอ่านแล้วงงคะ ต้องการให้ช่วยอะไรอ่ะคะ อ่านแล้วเหมือนประโยคบอกเล่าซะมากกว่าคะ เลยไม่รู้จะช่วยยังไงคะ :confused::confused:
ดอริสก้องงๆค่ะ - -'
ขอบคุณพี่สาวมากค่ะ หนูก้อพยายามนะค่ะ ตอนนี้ รอ อย่างเดียวค่ะ
คือรอให้เขาดีขึ้น ไม่ค่อยอยากคิดมาก หาไรทำไปเรื่อยๆ SBN เนี้ยเป็นสังคมที่ดีจังเลยนะค่ะ รู้สึกดีกับเพื่อนๆๆในนี้ให้กำลังใจมากๆๆค่ะ ขอบคุณค่ะ:)
Originally Posted by narumon
ใจเย็น และอย่าคิดมากค่ะ
เราเองใช้วิธีตาบอด หูหนวก เป็นใบ้ และปัญญาอ่อนเป็นบางครั้ง
ขอให้เลี่ยงการทะเลาะ เพราะคิดซะว่าชีวิตคนเราสั้นนัก ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า
บางครั้งผู้ชายก้ออยากเป็นฮ๊โร่นะคะ
ลองใช้คำพูดขอความช่วยเหลือ(แทนการพูดเหมือนจะสั่ง) ในสิ่งที่เราต้องการให้เค้าทำ
เราใช้วิธ๊นี้ประจำเลย ได้ผลดีด้วย
ลองทำต้วหรือแต่งต้วเหมือนตอนก่อนแต่งงานนะคะ
อาจจะนำความสดใสกลับมาสู่คุณเองและครอบครัวค่ะ
สุดท้าย อดทน อดทน อดทน และอดทนค่ะ
ขอให้คู่ของคุณจขก.กลับมาหวานเหมือนเดิมเร็วๆนะคะ:D
[SIZE="1"][SIZE="2"]เห็นใจคุณ จขกท มากค่ะ ชีวิตคู่ต้องใช้ความอดทนเยอะมาก ถ้ามีปัญหาอย่าเก็บไว้นานค่ะ หันหน้าคุยกันและอย่าคิดไปเองคนเดียว บางทีมันอาจไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะค่ะ ยังไงก็ขอให้ คุณ จขกท ผ่านป้ญหาเครียด ๆ เหล่านี้ไปเร็ว ๆ นะ เอาใจช่วยค่ะ สู้ๆๆๆๆ
จริงๆเติ้ลว่าช่วงนี้ ก็ลองสวดมนต์ไหว้พระ ทำบุญตักบาตร
อุทิศส่วนบุญแก่เจ้ากรรมนายเวร อาจจะส่งผลดีและทำให้จิตใจสงบขึ้นนะครับ
เป็นกำลังใจให้ ^^
แวะมาอ่านความคืบหน้าคะ ว่าเป็นยังไงบ้าง
ได้มีโอกาศคุย หรือ เปิดอกกับสามีหรือยังคะ
แล้วก็ชวนเที่ยวตจว เที่ยวตากอากาศเปลี่ยนสถานที่บรรยากาศอย่างที่แมงแนะนำน่ะคะ
อยากรู้ความคืบหน้าคะ เอาใจช่วยนะคะ :)
มาติดตามค่ะ.. บรรยากาศดีขึ้นมั๊ยคะ
ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป น๊าา
เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ :D
อย่าไปเครียดเลยนะคะ สวดมนต์ไหว้พระ ทำใจให้สบายหรือหากิจกรรมอื่น ๆ ที่ทำแล้วรู้สึกดี ๆ
บางทีสาเหตุที่เราหาไม่เจอก็อาจเกิดจากกรรมเก่าก็ได้ค่ะ (คือสามีเราเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราค่ะ) เคยดูละครจากชีวิตจริง ชุด 84,000 พระธรรมขันธ์ ทางช่อง 5 เวลา 6 โมงเย็น วันจันทร์ ถึง พฤหัสฯ นะคะหลายๆเรื่องที่เกี่ยวกับปัญหาครอบครัว ส่วนใหญ่สาเหตุมาจากกรรมเก่าของเราค่ะ ถ้าเราหมั่นปฏิบัติสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ แล้วแผ่เมตตา อะไรๆ ก็น่าจะดีขึ้นนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
K. Doris สู้สู้นะคะ
ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไขคะ เชื่อว่ามันจะต้องผ่านพ้นไปได้ซักวัน
ลองเปิดใจคุยกัน และลองทำอย่างที่เพื่อนๆ แนะนำมานะคะ เผื่อว่าอะไรจะดีขึ้นคะ
ตอนนี้ ยังมีเวลาให้พูด ให้คุย ให้ทำโน่นนี่ด้วยกัน อย่าปล่อยให้มันคาราคาซังก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้นะคะ
เอาใจช่วยค่า :D:p
เป็นกำลังใจให้นะคะ
เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน เกือบเลิกแล้ว แต่แก้ได้ทัน
วิธีของเราคือ หลังจากทนอึดอัดไม่ไหว ก็ขอเวลาเงียบๆคุยกันดีดีด้วยเหตุและผล ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
ยังอยากอยู่ด้วยกันหรือไม่ หรือ อยากแยกย้าย
ถ้าตัดสินใจจะอยู่ด้วยกันต่อไป ก็น่าจะอยู่ให้ชีวิตมีความสุข
เราใช้วิธีแจกหนังสือ"ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์" เอาไปคนละเล่ม
ขอร้องให้อ่านให้จบ เพราะต้องการความเข้าใจจากทั้งสองฝ่าย ต้องช่วยกัน
อ่านแล้วเราจะเข้าใจเค้า เค้าก็เข้าใจเรามากขึ้น
รับรู้ตรงกันว่าหญิง/ชายแตกต่าง เราจะไม่เอาบรรทัดฐานของเรา มาตัดสินอีกฝ่าย
มันก็ทำให้ชีวิตคู่มีความสุขขึ้นเยอะนะคะ ไม่โกรธกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
จริงๆสามีคุณDORISอาจมีอะไรคาใจ หรือ อาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้นะคะ อย่าเพิ่งเดาไปก่อน
ผู้หญิงไม่มีวันรู้ใจผู้ชาย เหมือนที่ผู้ชายก็เดาใจเราผิดประจำ
อยากให้เริ่มต้นที่เปิดใจคุยกันน่ะค่ะ คนรักกัน ต้องไม่มีคำว่าทิฐินะคะ
ขอให้แก้ปัญหาได้เร็วๆนะคะ สู้สู้ค่ะ
พี่ดอริส แวะมาเยี่ยมคร้า เป็นไงบ้าง มีความคืบหน้ายังไง เป็นห่วงคร้า อย่าท้อน๊าค๊า
สามีอาการดีขึ้นแล้วค่ะ ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ให้กำลังใจมานะค่ะ;)
ตอนนี้เราเข้าใจกันแล้วค่ะ ว่าทำไมเขาถึงเปนแบบนั้น คือเรื่องของเรืองคือ เขาพยายามเลิกสูบบุหรี่ โดยที่ไม่บอกเราค่ะ จนหงุดหงิดพาลอารมณ์เสียไปซะหมด
ตอนนี้คุยกันแล้วค่ะ เขาก็ขอโทษที่ทำไม่ดีใส่เรา โดยที่ไม่บอกเหตุผล
ข่าวดีคือ เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วค่ะ :)
ข่าวร้ายคือ เขากลับไปสูบบุหรี่ค่ะ :(
เฮ่อออ ...
ดีใจด้วยนะคะ เวลาเห็นคนมีความสุข ก็สุขใจกับเค้าไปด้วย เรื่องบุหรี่นี่เล็กน้อยค่ะ ขอให้เข้าใจกันเหมือนเดิม แล้วทุกอย่างจะดีตามมาเองค่ะ :D
Originally Posted by Doris
สามีอาการดีขึ้นแล้วค่ะ ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ให้กำลังใจมานะค่ะ;)
ตอนนี้เราเข้าใจกันแล้วค่ะ ว่าทำไมเขาถึงเปนแบบนั้น คือเรื่องของเรืองคือ เขาพยายามเลิกสูบบุหรี่ โดยที่ไม่บอกเราค่ะ จนหงุดหงิดพาลอารมณ์เสียไปซะหมด
ตอนนี้คุยกันแล้วค่ะ เขาก็ขอโทษที่ทำไม่ดีใส่เรา โดยที่ไม่บอกเหตุผล
ข่าวดีคือ เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วค่ะ :)
ข่าวร้ายคือ เขากลับไปสูบบุหรี่ค่ะ :(
เฮ่อออ ...
พี่Doris ขาาาา.. หนูขอโทษนะคะแบบว่า..เรื่องมันหักมุมมากมายจริงๆค่ะ และขำลีลาในการเขียนของพี่ข่าวดีและข่าวร้ายทำให้ลดความตึงเครียดในการอ่านกระทู้นี้ได้เยอะเลยค่ะสามีเป็นคนสูบบุหรี่เหมือนกันก็คิดซะว่า..เรารักเค้าแบบที่เค้าเป็น คือเค้าชอบสูบบุหรี่ เราชอบชอปปิ้ง ก็เจ๊ากันไปถ้าสบโอกาสก็หาเวลาหยอดเค้าว่า "ที่รักขา..เค้าเป็นห่วงตัวเองนะ..สูบน้อยๆลงหน่อยก็ดีนะคะ"แต่อย่าบ่อยนะพี่ เดี๋ยวเค้าจะสูบมากกว่าเดิมเพราะเราบอกบ่อย สุดท้าย..แอนดีใจด้วยนะคะพี่ที่เรื่องราวจบลงด้วยดีและเข้าใจกัน :) :)
ลดความตึงเครียดได้จริง ๆ คะ สุดท้ายไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลย เป็นเพียงผลจากที่เค้าพยายามเลิกสูบบุหรี่เลยมีอาการหงุดหงิด ถ้าเค้ายังมีความตั้งใจอยากจะเลิกสูบอยู่ ก็มีหลายวิธีที่จะลดบุหรี่โดยที่ไม่หงุดหงิดมากนะคะ อย่างที่แมงรู้ ๆ มาคือเค้าจะให้ยา หรือ แผ่นนิโคตินแปะ ทำนองนั้นค่ะ เรื่องนี้คิดว่าน่าจะพาคุณสามีเข้าพบแพทย์เพราะเห็นว่ามีคลีนิคเกี่ยวกับเลิกบุหรี่โดยตรงหลายที่นะคะ จะได้เป็นขั้นเป็นตอน ไม่หงุดหงิด และได้ผลด้วยค่ะ ส่วนตัวแมง แฟนก็สูบบุหรี่คะ ไม่เคยคิดจะสั่งห้ามให้เค้าเลิกเพราะเราคบกันมันเหมือนเป็นกฏไปปริยายว่าเราจะไม่เปลี่ยนกัน ไม่สั่งอะไรกันถ้ามันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย คบกันแบบสบายใจ เราก็เคยบอกเค้าไปว่าพื้นฐานมันคือเราเชื่อในตัวเค้า ในผู้ชายที่เราเลือก เมื่อเราเชื่อในตัวเค้า เค้าก็จะมีวิจารณญาณเองคะ ว่าเค้าควรจะเลิก ควรจะลด บุหรี่เมื่อไร ทุกวันนนี้เค้าก็ลดลงคะ ไม่สูบเป็นกิจวัตร แต่เวลาสังสรรค์กับเพื่อนฝูงก็มีบ้างน่ะคะ ยังไงก็เอาใจช่วยนะคะ ดีใจด้วยคะ ที่ทุกอย่างคลี่คลาย :)
อุ้ย กลับมาดีแล้วเหรอคะ ยินดีด้วยนะคะ
ดีใจด้วยนะคะ ที่สามีกลับมาเป็นคนเดิมแล้ว เรื่องบุหรี่เอาไว้หาวิธีที่เหมาะๆ แล้วค่อยๆ เลิกก็ได่ค่ะ:p
เหอ เหอ เหอ กว่าจะอ่านจบลุ้นแทบแย่เลย
สุดท้ายเค้าติดบุหรี่ เย้ เย้ เย้ ดีกว่าติดอย่างอื่นนะคะ
ไปซื้อบุหรี่ไฟฟ้าสิคะ ตอนนี้แฟนสูบอยู่ สูบแล้วอารมณ์ดีมั๊กมากก
มีลูกเร็ว ๆ สิคะ จะได้ดีขึ้น อิอิ ขยัน ขยันนะคะ ^___^