พอดีว่าวันนี้เรียนเรื่องวัฒนธรรมของประเทศต่าง ๆ ค่ะ เลยอยากรู้ว่า ที่เมืองไทยบ้านเรา
เวลาผู้ชายกับผู้หญิงเป็นแฟนกัน เวลาไปเที่ยวกัน ไปกินข้าว หรือไป shopping ผู้ชายจำเป็นต้องจ่ายให้
ผู้หญิงรึเปล่า แล้วอย่างถ้าคนแต่งงานกัน ผู้ชายต้องให้เงินผู้หญิงใช้รึเปล่า เหมือนกับว่าให้เอาไว้ใช้จ่ายแต่
ละเดือน ถึงแม้ว่าผู้หญิงจะทำงานก็ตามผู้ชายยังจะต้องให้เงินผู้หญิงรึเปล่าคะ...เหมือนกับว่าเอาไว้ใช้จ่าย
ในบ้าน ค่ากับข้าวหรือ อาจจะเป็นค่าอื่น ๆ ในบ้าน ช่วยตอบหน่อยนะคะ เพราะตอนนี้หาคำตอบไม่ได้เลย
เหมือนกับว่าบางคนก็บอกว่า แชร์กัน บางคนก็บอกว่า ผู้ชายออก งง ค่ะ แล้วถ้าจะแต่งงานกัน
จำเป็นรึเปล่าคะว่าผู้ชายต้องมีบ้านเป็นของตะเอง ในกรณีซื้อบ้านใหม่เพื่อนแต่งงาน ผู้ชายต้องเป็นคนซื้อบ้านรึเปล่าคะ
หรือช่วยกันออกค่าบ้านกับผู้หญิงคนละครึ่ง ...ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะ
จําเป็น อย่างมาก เพราะมันเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจอย่างนึง
กลับกัน ถ้าผู้หญิง เป็นคนจ่ายหรือ เลื้ยง คนก็จะมองว่า ผู้ชายเกาะกิน
เคยเดท กับผู้ชายคนนึง จะบอกว่า งกมากมากเลยคะ ไม่ออกอะไรให้เลย จ่ายใครจ่ายมัน เราเลย
say good bye ถึงแม้เค้าไม่ได้ขอเงินเรา แต่เค้าก็เป็นผู้ชาย เป็นสุภาพบุรุษ อย่างน้อย เดทแรก
ควรเลี้ยงนะคะ แต่ถ้าอนาคตได้อยู่ร่วมกัน อาจจะไม่จําเป็นก็ได้ เพราะผู้หญิง เราก็สามารถหาเงิน
เองได้เพลอเพลอ อาจจะหาเงินได้มากกว่าสามีอีก แต่นั้นก็แล้วแต่คนนะคะ โดยส่วนตัว คิดว่า
ยังไงผู้ชายยังไง ก็ต้องมีหน้าที่เป็นผู้น้ำ ควรให้บ้าง จะมากจะน้อย ก็ควรให้บาง เพราะมันแสดงว่า
เออ เราเลื้ยงภรรยา คนนี้ได้นะ
สำหรับเรา เราว่าจำเป็นอย่างยิ่งค่ะ ที่คบกันแล้วผู้ชายต้องเป็นฝ่ายจ่ายค่าทานข้าว
ดูหนัง เวลาไปเที่ยวกัน
ไม่ได้เห็นแก่ตัวนะคะ แต่มันเป็นการแสดงความเอาใจใส่อย่างนึงค่ะ
พอเค้าเสนอมาแบบนี้ เราอาจจะเลี้ยงเค้ากลับในมื้อถัดไปก็ได้
คุณผู้ชายเลี้ยงข้าว คุณเองก็อาจจ่ายค่าไอศกรีมก็ได้
คือแนวช่วยๆเหลือกัน ไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่ไปต้องมีการตั้งกฎเกณฑ์ไว้ว่าต้องหารครึ่งกันนะ
มันดูอึดอัดเกินไปหน่อยค่ะ เราไม่สนับสนุนให้หารครึ่ง
เราเคยอ่านในเน็ตมีคนมาโพสต์ว่า ผู้ชายชวนเค้าไปทานข้าวเย็นกัน
เป็นร้านอาหารกึ่งๆดูดีนิดนึง พอพนักงานมาคิดเงิน สมมติว่า600บาท
ผู้ชายบอกกับผู้หญิงคนนี้ว่า เอ่อ คนละ300ครับ
เราอ่านแล้วอยากเข้าไปกระโดด"ดร็อปคิก"อีตานั่นจริงๆ
อะไรหว่า ชวนผู้หญิงไปกินข้าวแท้ๆ ดันไปให้เค้าหารครึ่ง
สำหรับเราถ้าไปทานข้าวกันครั้งแรก เราไม่เอ่ยว่าเราช่วยออกนะ
แต่จะเสนอเลี้ยงไอศกรีมแทน
สำหรับแฟนเราคนนี้ ตอนคบกันใหม่ๆเค้าจะไม่ยอมให้เราออกเลยค่ะ
จนเราบอกว่าขอออกเงินมั่งเหอะนะ กินเงินเดือนที่บ้านทั้งคู่เหมือนกัน
บางมื้อเราก็ขอเลี้ยงเค้า สรรหาไปกินโน่นกินนี่ หมดกับค่ากินไปก็เยอะค่ะ
ส่วนเรื่องบ้าน ตอนนี้ที่บ้านแฟนเค้าสร้างบ้านให้อยู่หลังนึงในเนื้อที่บ้านเดิมค่ะ
เป็นที่ต่างหากไม่ใช่ในหมู่บ้านนะคะ พ่อแม่เค้าจะให้อยู่หลังเราแต่งงานค่ะ
แต่ประเด็นสำคัญคือก่อนที่พ่อแม่เค้าจะสร้างบ้านให้ ดันไม่รู้มาก่อน
เลยไปซื้อบ้านในหมู่บ้านแลนด์แอนด์เฮ้าส์ไว้หลังนึง แต่ที่บ้านเค้าอยากให้อยู่ใกล้ๆ
เลยมีสองหลังเฉยเลย
เรื่องบ้านแลนด์ เราบอกว่าจะช่วยนะ
แต่แฟนบอกว่าไม่ต้อง เค้าจัดการเอง เลยกะว่าจะซื้อเฟอร์นิเจอร์มาลงให้แทน
ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับแต่ละคนค่ะ ว่าเค้ามายด์หรือไม่กับเรื่องพวกนี้
-- ตอนเป็นแฟนยังไม่แต่งงานกัน--
เราคิดกลับกัน อกเขาอกเรา เค้าทำงานเราก็ทำงานต่างคนต่างมีเงินใช้ ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่ฝ่ายชายต้อง "PAY ALL"
โดยเฉพาะกับพวกเสื้อผ้า, เครื่องสำอางค์ ของใช้ส่วนตัว (ยกเว้นรวยจัดกับเรื่องวัฒนธรรมอย่างที่คุณตัวเล็กว่า)
เพราะผู้ชายที่จ่ายให้ผู้หญิงในลักษณะนี้ มันไม่เหมือนคู่รักสักเท่าไหร่ แต่เหมือนจ่ายเพื่อแลกกับอะไรสักอย่างมากกว่า (ขอโทษที่พูดตรงๆ)
ยกเว้นเสียแต่ว่า คุณโชคดี๊ โชคดีเจอผู้ชายอย่างนั้น จ่ายให้หมด (เราหามา 20 ปีหละ ไม่เคยเห็นแม้แต่เงา) T_T
และควรคิดให้ดี หนีให้ห่างกับผู้ชายที่ take care เราดีแต่ดีเกินกว่าพ่อแม่ของตัวเค้าเอง
-- ส่วนตอนแต่งงานกันแล้ว--
ถึงตรงนี้เป็นเรื่องที่ต้องเปิดใจคุยกันแล้วค่ะ อย่างตอนเป็นแฟนก็แค่มีน้ำใจให้กันและกันบ้างตามเหตุตามผล
แต่พอแต่งงานกัน มันก็จะกลายเป็นความรับผิดชอบถาวรกับหลายๆ เรื่อง เช่น เรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน
เรื่องค่าใช้จ่ายลูก เรื่องค่าใช้จ่ายพ่อแม่ เรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งต้องตกลงกันให้เคลียร์
ส่วนใหญ่ที่แคทเห็นเพื่อนๆ ที่แต่งงานแล้วใช้กันก็มี 2 แบบ
1. หลังจากรู้ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ในบ้าน ฝ่ายชายจะให้เป็นเงินเดือนทุกเดือน มากน้อยก็แล้วแต่ตกลงกัน
เพื่อให้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนกลางภายในบ้าน และส่วนนึงให้ฝ่ายหญิงไว้ใช้บ้างตามกำลังทรัพย์
2. ตกลงกันเลยว่า ใครมีหน้าที่รับผิดชอบส่วนไหน ก็แบ่งกันจ่ายไป แต่แบบนี้จะมีปัญหาจุกจิกมากหน่อย
เพราะบางทีอยู่กันไปนานๆ มันจะมีค่านู่นค่านี่หยุมหยิม ที่ไม่อยู่ในข้อตกลงมาให้รำคาญใจบ้าง
แต่ส่วนใหญ่ฝ่ายชายจะรับผิดชอบหลายเรื่องมากกว่าฝ่ายหญิงนะ
แต่ขอเป็นว่า จะแต่งหรือยังไม่แต่งก็ควรถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน "อย่าเห็นแก่ตัว" สำคัญมากค่ะ :D:D
.
.
.
จริงๆผู้ชายก็ควรเลี้ยงนะ ถือเป็นการให้เกียรติและแสดงน้ำใจอย่างนึงที่ควรแสดงต่อผู้หญิงว่าภายภาคหน้าเค้าก็สามารถพึ่งได้ แต่ทว่าในทางกลับกันผู้หญิงก็ต้องมีการให้เกียรติและเกรงใจผู้ชายด้วยเช่นกัน โดยการแสดงน้ำใจกลับบ้างในบางครั้ง ไม่ใช่ให้ฝ่ายชายจ่ายให้อย่างเดียวทุกอย่างเสมอไป นั่นก็หมายถึงว่าฝ่ายหญิงก็ควรเอาใจใส่เรื่องพวกนี้ด้วยเช่นกัน
แต่ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ฝ่ายหญิงต้องให้ฝ่ายชายจ่ายให้ทุกอย่างอ่ะนะ ถึงแม้จะได้มาด้วยสิเหน่ห์หา แต่ในทางจริยธรรมก็ควรจะมีการแลกเปลี่ยนหรือแสดงน้ำใจกลับด้วยเช่นกัน
สำหรับจูน คือ แชร์กันค่ะ
จิงๆ คบกันใหม่ๆ เค้าก็จะออกให้ แต่ด้วยค.ที่เราเป็นคนชอบเลี้ยงเพื่อนบ้างอยู่แล้ว เลยเลี้ยงเค้ามากกว่า
ที่บ้านก็สอนมาอ่ะค่ะ ว่าควรแชร์กันนะ เราก็เออ ไม่ได้เดือดร้อนไรนี่นา แค่ค่าข้าว ค่าดูหนัง... บลาๆๆๆๆ
ส่วนเรื่องที่พอแต่งงานกันแล้ว ที่บ้านจูนพ่อออกทุกอย่างค่ะ แถมให้เงินเดือนแม่อีกต่างหากด้วย
ยังไม่รวมโบนัสพิศวาสเป็นครั้งคราว^^
โชคดีที่ที่บ้านแฟนก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่มันก็แล้วแต่บ้านของแต่ละบ้านอ่ะค่ะ
โดยส่วนตัวจูนชอบแบบที่ที่บ้านเป็นอยู่ ฟันธง!!!!
เห็นด้วยกับคุณ KAT ค่ะ เราว่าไม่จำเป็นที่การไปทานข้าว หรือไปไหนด้วยกัน แล้วผู้ชายต้องเป็นคนออกคนเดียว เค้าเลี้ยงเราบ้าง เราเลี้ยงเค้าบ้าง ;)
ส่วนถ้าแต่งงานไปแล้ว ก็คงต้องคุยกันอ่ะนะคะ
มันไม่มีกฎตายตัวหรอกค่ะ
มันขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการให้สัมพันธภาพมันเป็นแบบไหนน่ะค่ะ คืออยากให้เรา 2 คนอยู่ในสถานะเท่าเทียมกันก็ต้องแชร์กันออก แต่ถ้าเราและเค้ามั่นใจว่าเราจะสามารถบริหารเงินภายในบ้านได้ ผู้ชายควรให้เงินเดือนเราทั้งหมดค่ะและไม่ควรถามเราด้วยว่าเอาไปใช้อะไรบ้าง อันนี้คือที่เราตกลงกันกับแฟน
หลายคนอาจจะว่าเราว่าเห็นแก่ตัว แต่เราเห็นความเป็นจริงในข้อนึงว่าเมื่อใดก็ตามที่ผู้ชายถือเงิน มักจะมีผู้หญิงอื่น ๆ เข้ามาป้วนเปี้ยนเสมอ ต่อให้ผู้ชายเค้ารักเรามากแค่ไหนแต่คนเรามันมีเผลอไผล สถานการณ์พาไปกันได้เพราะผู้ชายปฏิเสธไม่ค่อยเป็น ดังนั้นตัดปัญหาไปเลย ให้เราเป็นคนถือเงิน แล้วเราจะจัดการแบ่งเองว่าจะให้เค้าเดือนละเท่าไหร่ แต่ถ้ามีกรณีพิเศษ เช่น ไปงานลูกน้องต้องใส่ซองหรือเค้าอยากเปลี่ยนมือถือใหม่ หรือซื้อนาฬิกาใหม่ อันนี้มาเบิกได้ค่ะ เราให้เพราะมันเป็นเงินของเขา แต่ขอให้มีที่มาที่ไปนิดนึงว่าจะเอาไปทำอะไร
ตอนนี้หมั้นกันแล้วก็เริ่มทำแบบนี้เลยค่ะ เพราะถ้าไปทำเอาหลังแต่งงานเค้าอาจจะรู้สึกว่า...อะไรวะ แต่ก่อนไม่เห็นต้องให้เลย อะไร ๆ ก็แชร์กันออก ตอนนี้หมดอิสรภาพแล้วยังยึดเงินไปอีก ดังนั้นเราเริ่มตอนหมั้นเลยอะค่ะ บอกเค้าว่าซ้อม ๆ ไว้ก่อน เราจะเป็นแบบนี้กันหลังแต่งงานนะ แล้วดูว่าเค้าทนได้ไหม รับได้เปล่า ถ้าเค้าอยู่ในสัมพัธภาพแบบที่เราต้องการนี้ได้ก็ค่อยแต่งงานค่ะ
[SIZE="4"]ตอนที่เป็นแฟนกันเค้าก็เลี้ยงแต่ไม่ตลอดเพราะบางที่เราก็อยากจะจ่ายบ้าง (แต่ส่วนใหญ่เค้าจะเลี้ยง)
พอแต่งงานกันแล้วต่างคนก็รู้ว่าใครมีรายรับเท่าไหร่ ก็เอาเงินนั้นแหละจ่ายเหลือเท่าไหร่ก็เก็บ(หรือจะเอาไปใช้จ่ายสนองความต้องการแต่ก็ต้องได้รับความเห็นชอบของทั้งสองฝ่าย)
จริงๆๆแล้วเราไม่มีบัตรเครดิตที่เป็นบัตรหลักนะ แต่ปรกติแล้วสามีจะจ่ายตลอด หรือไม่ก็ใช้เดบิต เพราะรายจ่ายทุกอย่างจะเข้าบัญชีกลาง แล้วจ่ายที่เดียวสิ้นเดือน
เมื่อสมัยโน้น สิบปีมาแล้วเวลาที่เราจะออกเดทนะค่ะ ไม่เคยได้เสียเงินซักกะบาทเลย อะไรมาจีบเราก็ต้องออกเงินเลี้ยงเราซิ แต่เราก้ออาจจะเลี้ยงกลับเป็นพวกไอศครีมหรือของหวานเล็กๆน้อยไป แต่มื้อใหญ่ก็ให้เค้าจ่ายไป :D
แต่หลังแต่งงานแล้วกรณีของเราคือ สามีจ่ายทุกอย่างค่ะ เพราะหน้าที่ของเค้าคือหาเงิน หน้าที่เราคือเลี้ยงลูก และเราต้องลาออกจากงานด้วยเพราะฉะนั้นจ่ายมาซะดีๆ เอเวอรี่ติ้ง จิงเกอร์เบล เหอะๆๆๆ :D และอยากจะบอกว่วมีเพื่อนเราคนหนึ่งตัวเค้าเองกับสามีมีหน้าที่การงานที่ดีเงินเดือนแพงกันทั้งคู่ แต่เค้าก็ออกค่าใช้จ่ายกันคนละครึ่ง แล้วบางครั้งสามีให้เงินเวลาเธอจะไปช้อปปิ้งหรือไปเที่ยวเมืองนอก เธอก็เอาค่ะไม่เกี่ยงงอนว่า "ชั้นก็มีเงินของชั้นเองไม่ต้องมาจ่ายให้ชั้นหรอก" และก้เอามาเก็บฝากธนาคารไว้เธอบอกว่า "ชั้นไม่ได้ขอนี่แต่ให้ชั้นก้เอา" เราว่าเป็นอะไรที่ฉลาดมากเพราะผู้ชายนะค่ะบางที่เค้าก้ออยากจะมีความรู้สึกว่าได้ Support อะไรกับผู้หญิงบ้าง
แต่ในกรณีของน้องสาวคือทั้งตัวน้องสาวและน้องเขยทำงานกันทั้งคู่ ฝ่ายสามีจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมด พวกค่าน้ำค่าไฟ สบู่แชมพู ยาสีฟันอะไรยังงี้ แต่ค่าผ่อนบ้านนี้ช่วยกันคนละครึ่งแต่สามีออกเยอะกว่านิดหน่อย ส่วนค่ารถก็จ่ายรถใครรถมัน ค่าเรียนหนังสือลูกก้อช่วยกันคนละครึ่งและหมือนเดิมสามีออกเยอะกว่านิดหน่อย อีกแล้ว เราว่ามันขึ้นอยู่กับที่เราตกลงกันนะ :D
เรื่องของการเป็นแฟนกัน เดทครั้งแรกเราว่าผู้ชายควรเลี้ยงค่ะตามมารยาท เพราะแค่ครั้งแรกคุณหารครึ่งแล้วเราก็พอรู้นิสัยบางอย่างบ้างแล้ว แต่พอเป็นแฟนกันแล้ว เราแชร์กันค่ะ คือถ้าเค้าเลี้ยงเรา มื้อหน้าเราก็เลี้ยงเค้ามั่ง เค้าซื้อของให้เรา เราก็ซื้อให้มั่งค่ะ ไม่รู้สิคะมันเป็นนิสัยเราที่ไม่ชอบให้ใครมาซื้อหรือเลี้ยงตลอด ที่บ้านพี่ชายจะสอนอย่างนี้น่ะค่ะ ว่าอย่าให้ใครมาพูดไม่ดีเกี่ยวกับเลี้ยงนู่นเลี้ยงนี่ เราออกเงินเลี้ยงไปเลยหรือถ้าเค้าไม่เอาก็หารคนละครึ่งกัน แต่ถ้าเค้าไม่ยอมจะเลี้ยง เราก็เลี้ยงเค้ากลับในมื้อต่อไปค่ะ ( แต่ถ้าเราไม่ชอบเค้าก็จบที่มื้อแรกโดยที่เราจะเลี้ยงไปเลยแล้วจบกันไปค่ะ) กับเพื่อนเราก็เป็นคนเลี้ยง บางทีก็หารกันค่ะ
-ส่วนถ้าแต่งงานกันแล้ว ก็แล้วแต่ตกลงกัน แชร์ๆๆกันก็ได้ค่ะ ส่วนเรื่องบ้านแล้วแต่ค่ะ พวกรุ่นพี่รุ่นน้องที่แต่งกันไปและที่กำลังจะแต่งอยู่เร็วๆๆนี้ เค้าก็ย้ายเข้าไปบ้านแฟนเค้าค่ะเพราะบ้านหลังใหญ่
-เราว่ายังไงก็แล้วแต่มันอยู่ที่ความรัก ความเข้าใจ และความรู้สึกค่ะแต่ก็ต้องไม่เอาเปรียบกันด้วยนะคะ เราว่าควรคุยกันตั้งแต่ทีแรกค่ะ มีปัญหาอะไรไม่เข้าใจหรือที่ไม่ชอบ ควรคุยกันให้เข้าใจค่ะ
แฟนเราเขาบอกว่า ที่เขาชอบเราเพราะเราแย่งเขาจ่ายตังค์ ไม่ยอมให้เขาจ่าย และ ไม่ขอเขาซื้อของ หรือแบบตอนจ่ายตังค์ก็ไม่ได้นั่งดูเฉยๆอะ มีพูดอะไรบ้าง โยเราคิดว่าเดทแรกก็ควรให้เขาออกแต่ต่อไปเราว่าคบกันนานๆไม่จำเป็นนะคะ เรื่องปกติเพราะเป็นนิสัยส่วนตัวเรา
เราก็งง ผู้หญิงสมัยนี้คบกันแรกๆก็ขอผู้ชายซื้อของเลยเหรอ 55
โดยสำหรับเราเขาจะเลี้ยงก็ให้เลี้ยงเป็นครั้งคราวไม่ได้เลี้ยงทุกมื้อหรือไม่ถ้าเขาจ่ายค่าดูหนังเราก็จะจ่ายค่าของกิน
ส่วนคำตอบว่าใครจะจ่ายไม่จ่ายควรดู กระเป๋าสตางค์เขาด้วย ฐานะการเงินฝ่ายชายว่าถ้าจะให้เลียนแบบหนังฮอลีวูดไหวไม๊ .. เพราะให้เขาจ่ายหมดแล้วเขากลับบ้านจะกินอะไร หรือในทางกลับกันถ้าเขาพอมีตังค์ที่จะสามารถเทคแคร์คุณได้ทั้งหมดทั้งในช่วงโปรโมชั่นและหมดโปรถือว่าคุณโชคดีมากๆๆ 555..
ยังไงก็ต้องผู้ชายคะ...... :)
ไม่ว่าจะเดทแรก เป็นแฟนกัน หรือแต่งงานมีลูกมีช่องไปแล้ว ผู้ชายก็ต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบในเรื่องเงิน จะมากน้อย หรือทั้งหมดนั่นก็เป็นอีกเรื่องนึงคะ
และเราอาจจะช่วยเค้าออกบ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องทุกครั้งคะ เพราะเค้าคือผู้ชาย เป็นสุภาพบุรุษ เป็นช้างเท้าหน้า และเป็นหัวหน้าครอบครัวค่ะ
ขออนุญาตออกความเห็นมั้งนะคับ เฮียว่าถ้าเป็นเดทแรกเนียะ ฝ่ายชายควรเป็นคนออกให้นะคับ แต่ถ้าเป็นครั้งต่อๆไปเนียะ เพื่อความยุติธรรมสำหรับเฮีย เฮียคิดว่าน่าจะหารกัน เพราะสมัยนี้มันก้อมีผู้หญิงบางประเภทเหมือนกันที่คิดแต่จะปลอกลอกผู้ชาย ถ้าคิดในแง่นี้มันก้อเป็นการไม่ยุติธรรมกับฝ่ายชายเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเฮียว่าหารกันคนละครึ่งๆดีที่สุดเวลาไปกินข้าวหรือดูหนัง ส่วนเรื่องช๊อปปิ้งเนียะแล้วแต่ความพอใจคับ ไม่จำเป็นว่าผู้ชายต้องเป็นคนจ่ายตังค์ให้ผู้หญิงเสมอไปเวลาที่เป็นแฟนกัน เพราะมันเป็นของใช่ส่วนตัวของผู้หญิง แต่หากฝ่ายชายอยากออกเงินให้ก้อสุดแท้แต่
ในกรณีกลับกัน ถ้าแต่งงานกันแล้ว อันนี้แล้วแต่ตกลงนะคับว่าทั้งคู่มีทรรศนะคติแบบไหน ถ้าแบบใหม่หน่อยก้อคนละครึ่งในเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน เรื่องลูก และอื่นๆ แต่ถ้าเป็นสังคมไทย ฝ่ายชายก้อต้องรับผิดชอบมากกว่าฝ่ายหญิงเพราะเป็นผู้นำครอบครัว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แล้วแต่กรณีคับ
สำหรับเรา ถ้าผู้ชายไม่ออกตังเดทแรก จบ....
(โชคดียังไม่เคยเจอ แต่เพื่อนเราเคยเจอ เค้าหารค่าสลัด+ค่าน้ำ เพื่อนเราแทบอยากเลี้ยงผช.เลย)
ครั้งต่อๆ มา เราขอเลี้ยงบ้าง เดี๋ยวหาว่าเกาะผู้ชายกิน
ถ้าแต่งแล้ว ขอออกน้อยๆ หน่อย อยากเอาตังตัวเองเก็บอ่ะ ผช. ตังเหลือ เดี๋ยวเอาไปเลี้ยงกิ๊ก
ส่วนเรื่องค่าบ้านอะไรพวกนี้ต้องตกลงกันอีกที เพราะเรามีความคาดหวังอยากได้เป็นของตัวเอง
ผู้หญิงแต่งงานแล้ว เหมือนของเซลล์ เอามาขายต่อลำบาก ดังนั้นมีความเสี่ยงในการแต่งงาน
อาจจะช่วยออกตังบ้าง เพราะผช. ก็ต้องมีภาระในการเลี้ยงดูครอบครัว หรือ สังคมเค้าเองบ้าง
* ความเห็นส่วน(แก่)ตัวนะคะ
ฮืม
เมื่อ 10+ ปีก่อน ผมเป็น นักศึกษา ที่บ้านจนมาก(คุณพ่อ คุณแม่เสียหมดแล้ว) ตอนเรียนแพทย์ ต้องสอนพิเศษและทำงานตาม พิซ่า KFC เพื่อหารายได้พิเศษ บางสัปดาห์ ต้องทานมาม่า สลับกับ ข้าวไข่ดาว บางมื้อก็ขอเพื่อนทาน แต่เคยมีเดทกับแฟน แต่แฟนก็รู้ว่าผมไม่มีจริงๆเป็นแพทย์ด้วยกันและตรงกันข้าม แฟนรวยมากๆ ทานข้าวในห้างเล็กๆ ผมพยายามจะออกเงิน แต่ครั้งนั้น และครั้งเดียวผมตัดสินใจ ผมก็ไม่เคยคบผู้หญิงอีกเลย ระหว่างเรียน ตั้งหน้าตั้งตาทำงานและตั้งใจเรียน อย่างเดียวเท่านั้น จนเรียนแพทย์จบ เพราะผมไม่มีเวลา และต้องทำงานหาเงินตลอด แต่ถ้าผมมีผมตั้งใจว่าจะออกให้ทุกสิ่งทุกอย่างนะครับ
5 ปีก่อน เริ่มทำงานเริ่มมีรายได้แต่ส่วนใหญ่ก็ใช้หนี้ที่กู้มาเพื่อใช้เรียน แต่เดททุกครั้ง จ่ายทุกครั้งครับ
ปัจจุบัน ออกให้ ทุกอย่างที่อยากได้ครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนผู้หญิง และที่ทำงานเวลาออกไปทานที่ไหน และกี่คนก็ตาม ผมออกให้หมดครับ
ส่วนตัวนะครับ ควรออกให้นะครับ
เห็นด้วยกับคำตอบคุณ KAT มากๆเลยจ้ะ
เดทแรก ผู้ชายขอเดท เค้าควรจ่ายตัง
ระหว่างการคบหาดูใจจนกระทั่งเลื่อนขั้นมาเป็นแฟน ใช้วิธีแชร์จ้ะ ถึงแม้ว่าเค้าจะเอ่ยปากขอออกให้ แต่พี่จะบอกเค้าทุกครั้งว่า ต่างฝ่ายต่างมีรายได้ ออกมากินมาเที่ยว สนุก มีความสุขทั้งคู่เพราะฉะนั้น ต้องช่วยกันออก รู้สึกว่าไม่อยากเอาเปรียบมั้งค่ะ เป็นแค่แฟนกันน่ะ อนาคตจะลงเอยยังไงไม่รู้เลย จะให้เค้าเอาเงินมาจ่ายเพื่อเราทำไม แต่ถ้าเป็นโอกาสพิเศษ วันครบรอบ วันเกิด สอบผ่าน อันนี้ แฟนเลี้ยงบ้างก็ดูน่าจะเหมาะสมดีนะคะ อารมณ์เหมือนว่าคบหากันแบบเพื่อนสนิท ถ้าเราคิดว่าเค้าเป็นเพื่อนที่สนิทแบบพิเศษมากๆของเราคนหนึ่ง มันก็ทำให้เราไม่รู้สึกอยากเอาเปรียบเค้าเลยแม้แต่นิด อันนี้อาจจะยกเว้นได้ ถ้าพี่เกิดเจอแจ๊คพอต ไปคบหากับทายาทบ่อน้ำมันหรือเหมืองเพชรนะคะ อันนั้นคงยอมให้เค้าออกมากกว่าเพราะคาดเดาได้ว่าการใช้ชีวิต ที่กินที่เที่ยวคงมากเกินกว่าที่เราจะ afford 50% ไหว คือการที่เค้าแค่เอ่ยปากก็แสดงถึงความมีน้ำใจแล้วนะ คบหากันในฐานะแฟน มันคงขึ้นอยู่กับหลายๆอย่างมั้งค่ะ ว่าเรามองหาอะไรจากเค้า ความอบอุ่น ความใจดี ความดีสำหรับพี่ แม่ชอบสอนไว้ว่า เราหาเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นจะเป็นการดีที่สุด เพราะสมมติว่าวันนึงวันใด เราไม่มีคนมา support เราตรงนี้แล้ว เรายังอยู่ได้ ไม่ขาดหายอะไรไป ก็อะไรทำนองนั้น
พอพูดถึงเรื่องนี้ ก็บอกตรงๆ ว่าต้องขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่มาตั้งกระทู้ได้ค่อนข้างโดนใจ คนเลยวัยเต่งตึงอย่างพี่มากๆเลยจ้ะ เพราะเด็กๆสมัยนี้บางคน แบบว่ายังเป็นนักศึกษาขอตังพ่อแม่กันอยู่เลย แล้วประมาณว่า น้องๆ ผู้ชายที่เป็นแฟนต้องคอยเอาใจน้องผู้หญิงโดยการซื้อข้าวของให้ อันนี้พี่ว่ามันเกินไปมากๆนะจ้ะ คบหากัน ความรัก การดูแลเอาใจใส่ ไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยการซื้อข้าวของให้เสมอไปนะคะ นี่ก็แอบกลัวเหมือนกัน เกิดอนาคตพี่แต่งงานแล้วมีลูกชาย แล้วค่านิยมนี้มันยังมีเยอะอยู่ สงสัยถ้าลูกพี่ไม่รวย คงหาภรรยาไม่ได้แน่ๆ เลยจ้ะ :cool:
ส่วนหลังแต่งงาน คิดว่าแล้วแต่จะตกลงกันนะคะ ที่พี่คิดแพลนไว้บ้างก็ว่า ยังคงช่วยๆแชร์กันออกเหมือนเดิม แต่เค้าอาจจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายบางอย่างมากขึ้นกว่าส่วนของเรา ในฐานะ หัวหน้าครอบครัว อันนี้เนื่องจากพี่คงไม่เลิกทำงาน แล้วอยู่บ้านเป็นแม่บ้านเฉยๆนะคะ (ซึ่งเป็นไปได้ยากมากๆ) ถ้าต้องจับพลัดจับผลูมาเป็นแม่บ้าน อันนี้สามีต้องออกโลดจ้ะ
เรื่องบ้าน ไม่จำเป็นมั้งค่ะ ที่ผู้ชายต้องมีบ้านก่อนจะสามารถขอผู้หญิงแต่งงานได้ คือถ้ามีก็ดี แต่ถ้าไม่มี พี่ว่าก่อนแต่งงานก็ไปเลือกดูบ้านด้วยกัน แต่งแล้วช่วยกันผ่อนเป็นสมบัติของครอบครัว ของเราสองคนน่าจะดีจ้ะ เพราะบางทีเวลาเราตัดสินใจจะมีครอบครัว ก็ต้องคิดเผื่อหา โรงเรียนให้ลูกไว้ล่วงหน้าด้วย จะได้ช่วยกันคิด ช่วยกันตัดสินใจ น่าจะดีที่สุด
ชอบความเห็นคุณ authentic_only มาก ๆ เลยค่ะ ผู้หญิงแต่งงานแล้วเหมือนของเซลล์จริง ๆ แหละ อันนี้ต้องยอมรับความจริง
ขอบ่นหน่อย ผู้ชายสมัยนี้บางคน ย้ำนะคะว่าบางคน ไม่ได้รักแฟนนักหนาหรอก บางคนคิดแค่ว่าเอาผู้หญิงคนนี้แหละวะ หน้าที่การงานดี มีเงินเดือนเลี้ยงตัวได้ ไม่มาเบียดเบียนกรูแน่ แถมเดี๋ยวแต่งไปก็ไปช่วยกันผ่อนบ้านผ่อนรถอีก ดีกว่าไปเอาผู้หญิงไม่มีงานทำหรือเงินเดือนน้อย ๆ...เจอมาเยอะแล้วค่ะผู้ชายแบบนี้ รักสบาย คือจะมีครอบครัวอยู่แล้วแต่ไม่คิดจะเสียสละเลย อยากให้ผู้ชายเข้าใจว่าการรักผู้หญิงซักคนเนี่ย คุณต้องให้ได้ทุกอย่าง บางคนซื้อรถราคาเป็นล้านเนี่ยไม่เสียดายเลยนะ แต่สินสอดจะมาขอผู้หญิงนี่ต่อแล้วต่ออีก ขอเมียนี่ถูกกว่าซื้อรถอีก เราไม่ใช่คนหน้าเลือดอะไรหรอกแต่มันน่าคิดไหมล่ะ
หุหุ
คบมา สิบปี แฟนก้ยังทำหน้าที่จ่ายให้ตลอดอะคับ เหมือนเดิม
ส่วนตัวคิดว่า ที่เค้าจ่ายให้ทุกสิ่งอย่าง เพราะ เป้นการแสดงออกว่า เค้าสามารถดูแล เราได้อะคับ
แต่นุ้งกบ ก้ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีตังค์ นะงับ ก้จ่ายได้ แต่ทุกครั้งเวลานุ้งกบ จ่ายให้ เค้าก้ส่งเงินคืนมาให้
แต่ก้ไม่ได้ให้จ่ายหมดทุกอย่างนะงับ งง ไหม คือ ของบางอย่างที่เค้าเห้นไม่สมควรแล้ว
นุ้งกบ ยังดันทุรัง นุ้งกบ ก้ต้องจ่ายเองคับ หรือค่าเสื้อผ้าลูกๆๆๆๆๆๆ
สรุป ก้แล้วแต่ คู่ของแต่ละคนอะคับ ว่า ตกลงกันแบบไหน
แต่ถ้าจะมาจีบช้านแล้วไม่จ่ายเนี่ย
ถอยไปไกลๆๆๆเรย ดีกว่าไหม คิๆๆๆๆๆๆๆๆ
ให้ชั้นเลี้ยง ก้ ถอยไปนะจ้ะ มันหน้าที่ ผู้ชายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เราว่ามันจำเป็นมากที่ฝ่ายชายจะต้องเปนคนออกคชจ. ในการเดท...
แต่ก็ใช่ว่าจะให้เค้าออกทุกครั้งไป ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องดู ฐานะฝ่ายชายด้วย...
อย่าไปเบียดเบียนเค้าซะน่าเกลียด...
แต่สำหรับเรา เราก็มีบ้าง เล็กๆน้อยๆ ขนม นม เนย ไรพวกนี้ เราจะเปนคนออก
สำหรับคนที่ฐานะปานกลาง
แต่สำหรับคนไหน ที่เค้ามีฐานะดีหน่อย เรามะเคยออกเลยอะ...
แต่เราก็ไม่เคยขอตัง หรือทำตัวเปนดาวไถ...
นอกซะจากเค้าจะให้เอง ก็มีบ้าง...
แต่บางคนก็ดีมาก สุภาพบุรุษสุดๆ...บอกให้เราออกมาเจอ แถมยังออกค่าน้ำมันให้อีกก็มี
พาไปเลี้ยงทุกเดท แถมยังพาไปช๊อปปิ้งอีกตะหาก..อิอิ:D
สรุป...เราว่าต้องดูกำลังทรัพย์ และฐานะ ฝ่ายชายด้วยอะค่ะ...
อืมม ตอบยากแฮะ ความเห็นอาจจะไม่ค่อยเหมือนตะวันตกนะที่เค้าจะครึ่งๆเป๊ะๆ
ของเรา (เฉพาะเราเอง)
ขอตอบกรณีที่ทั้งหญิงและชายทำงานมีรายได้นะคะ
เราอยากให้ผู้ชายเป็นฝ่ายออกเงินโดยรวมมากกว่าที่เราออก เช่น ซื้อบ้านก็ออกจำนวนมากกว่า ซื้อรถก็ออกมากกว่า ถ้าเช่าบ้านผู้ชายควรออกค่าเช่าค่ะ ถ้าให้เราออกครึ่งๆ(แม้ว่าเราจะจ่ายได้) เราก็ไม่เอา เซย์กู๊ดบายเหมือนกัน แต่เรื่องหยุมหยิมเช่น ค่าน้ำค่าไฟ ประปา อื่นๆ เล็กน้อยให้ผู้หญิงเป็นคนออก
เรื่องเล็กน้อย เช่น กินข้าว ดูหนัง ไปเที่ยว ผลัดกันออกก็ได้ ไม่ต้องถึงขั้น 50:50 เป๊ะๆ
ถ้ามีลูก ลูกดันเรียนโรงเรียนแพงๆ ก็ควรจะให้ผู้ชายช่วยออกก้อนใหญ่ เราอาจจะออกเงินอื่นๆเช่น ให้เงินลูกไปเรียน (มากกว่าค่าเทอมมั้ยฟระ ;) ) เบ็ดเตล็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับลูก ไม่ต้องให้ลูกไปขอพ่อบ่อยๆหยุมหยิม เพราะแฟนอาจจะรู้สึกเหมือนโดนดูดตลอดเวลาก็ได้
คือสรุป ยังงัย ควรให้ผู้ชายออกมากกว่าอยู่ดี เพราะเรา (เราจริงๆ) ค่อนข้างคาดหวังว่าคนที่จะมาเป็นแฟนหรือสามีเรา ต้องรับผิดชอบให้ครอบครัวและสมาชิกในครอบครัวอยู่ดีกินดี มีสภาพชีวิตที่ดีได้ ต้องมีศักยภาพพอในทุกด้าน เพราะเรื่องแต่งงานก็ซีเรียสค่ะ ถ้าไม่เป็นช่นนั้น จะแต่งงานกันทำไม สู้อยู่คนเดียวมีเงินช็อปกระเป๋าเล่นอย่างเพียงพอไม่ดีกว่าเหรอคะ
แต่ถ้าจะคบกันเล่นๆเป็นแค่แฟนกัน ก็ไม่ต้องคิดอะไรมากค่ะ แค่เข้ากันได้เฉยๆ ไม่เอาเปรียบเราก็พอ
ตอนเราเริ่มมีแฟนสมัยก่อน(ตอนเด็กๆที่ยังเรียนมหาลัย) เราก็ผลัดๆกันจ่ายค่ะ แต่วันพิเศษเช่น เดทแรก ไปกินข้าวร้านหรูๆ แฟนก็จ่ายค่ะ เพราะตอนนั้นต่างคนต่างก็ขอเงินพ่อแม่เหมือนกัน ต้องช่วยกันค่ะ
Originally Posted by thongchai9309
ฮืม
เมื่อ 10+ ปีก่อน ผมเป็น นักศึกษา ที่บ้านจนมาก(คุณพ่อ คุณแม่เสียหมดแล้ว) ตอนเรียนแพทย์ ต้องสอนพิเศษและทำงานตาม พิซ่า KFC เพื่อหารายได้พิเศษ บางสัปดาห์ ต้องทานมาม่า สลับกับ ข้าวไข่ดาว บางมื้อก็ขอเพื่อนทาน แต่เคยมีเดทกับแฟน แต่แฟนก็รู้ว่าผมไม่มีจริงๆเป็นแพทย์ด้วยกันและตรงกันข้าม แฟนรวยมากๆ ทานข้าวในห้างเล็กๆ ผมพยายามจะออกเงิน แต่ครั้งนั้น และครั้งเดียวผมตัดสินใจ ผมก็ไม่เคยคบผู้หญิงอีกเลย ระหว่างเรียน ตั้งหน้าตั้งตาทำงานและตั้งใจเรียน อย่างเดียวเท่านั้น จนเรียนแพทย์จบ เพราะผมไม่มีเวลา และต้องทำงานหาเงินตลอด แต่ถ้าผมมีผมตั้งใจว่าจะออกให้ทุกสิ่งทุกอย่างนะครับ
5 ปีก่อน เริ่มทำงานเริ่มมีรายได้แต่ส่วนใหญ่ก็ใช้หนี้ที่กู้มาเพื่อใช้เรียน แต่เดททุกครั้ง จ่ายทุกครั้งครับ
ปัจจุบัน ออกให้ ทุกอย่างที่อยากได้ครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนผู้หญิง และที่ทำงานเวลาออกไปทานที่ไหน และกี่คนก็ตาม ผมออกให้หมดครับ
ส่วนตัวนะครับ ควรออกให้นะครับ
^
^
^
พี่ธงชัย เรียนคณะนี้ยังสามารถมีเวลาหาลำไพ่พิเศษได้หรือคะ นับถือๆๆๆค่ะ
หุหุ เท่าที่จำความได้ แค่ไปเรียนให้ครบก็แทบไม่มีเวลาจะไปทำอย่างอื่นแล้วค่ะ ^^
มันไม่ได้มีอะไรที่ตายตัวนะค่ะ แล้วแต่คู่ค่ะ
สำหรับเราตอนเป็นแฟน ช่วงแรกๆ แชร์ค่ะ หลังๆ แฟนเราออกเกือบหมด มีบางครั้งเราก็จะออกบ้าง (ไม่อยากให้เค้าออกคนเดียวตลอด)
หรือบางทีก็ซื้อเป็นขนมนมเนย ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้เค้าแทนน่ะค่ะ
ส่วนตอนแต่งงานแล้ว ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่แฟนออกค่ะ แล้วแฟนก็ให้ค่าใช้จ่ายรายเดือนต่างหากให้ด้วยค่ะ
คือตอนแรกเราว่าจะไม่เอา แต่พ่อบอกว่าต้องมีบ้างเป็นธรรมเนียม ฮี่ฮี่ เลยเออ ดีดี เอามาช๊อปปิ้ง อิอิ
แรกๆ ยังมีซื้อข้าวของเข้าบ้านบ้างนะค่ะ หลังๆ เวลาไปห้างทีไร แฟนต้องรอเราช๊อปทุกที เค้าเลยแวะซุปเปอร์ซื้อของเองซะเลย
(ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างค่ะ แฮ่ๆ)
ส่วนเรื่องซื้อบ้าน แต่งบ้าน แฟนเราออกหมดค่ะ คือสำหรับเราช่วยออกได้ค่ะ แต่คนริเริ่มที่จะทำมันต้องเป็นผู้ชายค่ะ
:):)
Originally Posted by srichardson
เมื่อสมัยโน้น สิบปีมาแล้วเวลาที่เราจะออกเดทนะค่ะ ไม่เคยได้เสียเงินซักกะบาทเลย อะไรมาจีบเราก็ต้องออกเงินเลี้ยงเราซิ แต่เราก้ออาจจะเลี้ยงกลับเป็นพวกไอศครีมหรือของหวานเล็กๆน้อยไป แต่มื้อใหญ่ก็ให้เค้าจ่ายไป :D แต่หลังแต่งงานแล้วกรณีของเราคือ สามีจ่ายทุกอย่างค่ะ เพราะหน้าที่ของเค้าคือหาเงิน หน้าที่เราคือเลี้ยงลูก และเราต้องลาออกจากงานด้วยเพราะฉะนั้นจ่ายมาซะดีๆ เอเวอรี่ติ้ง จิงเกอร์เบล เหอะๆๆๆ :D และอยากจะบอกว่วมีเพื่อนเราคนหนึ่งตัวเค้าเองกับสามีมีหน้าที่การงานที่ดีเงินเดือนแพงกันทั้งคู่ แต่เค้าก็ออกค่าใช้จ่ายกันคนละครึ่ง แล้วบางครั้งสามีให้เงินเวลาเธอจะไปช้อปปิ้งหรือไปเที่ยวเมืองนอก เธอก็เอาค่ะไม่เกี่ยงงอนว่า "ชั้นก็มีเงินของชั้นเองไม่ต้องมาจ่ายให้ชั้นหรอก" และก้เอามาเก็บฝากธนาคารไว้เธอบอกว่า "ชั้นไม่ได้ขอนี่แต่ให้ชั้นก้เอา" เราว่าเป็นอะไรที่ฉลาดมากเพราะผู้ชายนะค่ะบางที่เค้าก้ออยากจะมีความรู้สึกว่าได้ Support อะไรกับผู้หญิงบ้าง แต่ในกรณีของน้องสาวคือทั้งตัวน้องสาวและน้องเขยทำงานกันทั้งคู่ ฝ่ายสามีจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมด พวกค่าน้ำค่าไฟ สบู่แชมพู ยาสีฟันอะไรยังงี้ แต่ค่าผ่อนบ้านนี้ช่วยกันคนละครึ่งแต่สามีออกเยอะกว่านิดหน่อย ส่วนค่ารถก็จ่ายรถใครรถมัน ค่าเรียนหนังสือลูกก้อช่วยกันคนละครึ่งและหมือนเดิมสามีออกเยอะกว่านิดหน่อย อีกแล้ว เราว่ามันขึ้นอยู่กับที่เราตกลงกันนะ :D ชอบ ค่ะพี่ ชอบ มาก จะลงไปดิ้น ฮามาก "เอเวอรี่ติ้ง จิงเกอร์เบล" มันโดนนนนนน
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในนี้ทุกคนมาก ๆ นะคะ ที่เข้ามาตอบ
เพิ่งโพสกระทู้ไปเมื่อวาน ประมาณ ครึ่งชั่วดมงเข้ามาดูใหม่ไม่มีใครตอบเลย
เลยคิดว่าสงสัยคงไม่มีใครสนใจกระทู้นี้แล้วมั้ง แอบนอยนิด ๆ ค่ะ แต่พอวันนี้
เข้ามาดูอีกที ดีใจมากค่ะ ที่ทุกคนเข้ามาออกความคิดเห็น เพราะโดยส่วนตัวแล้ว
ตัวเล็กก็คิดว่า โดยรวม ๆ แล้ว ผู้ชายก็ควรที่จะเป็นฝ่ายออกมากกว่าผู้หญิง
แต่พอดีว่า topic ที่ได้ เกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศคุณเกี่ยวกับการใช้เงินระหว่าง
ผู้ชายกับผู้หญิงที่เป็นแฟนกัน จนถึงแต่งงานกันเป็นยังไง เพื่อนทุกคนที่เรียนด้วยกัน
(พอดีว่าตอนนี้เรียนอยู่ต่างประเทศนะคะ) ที่เป็นคนยุโรปเค้าก็จะแชร์กันทุกอย่าง
ถึงแม้ว่าแต่งงานกัน เค้าก็จะมีบัญชีที่เทำขึ้นมาป็นส่วนกลางเอาไว้แชร์ค่าใช้จ่าย
ส่วนกลางในบ้านกัน พอเราบอกเค้าไปว่าที่เมืองไทยเป็นแบบนี้ทุกคนก็ตกใจมาก
แล้วก็สงสัยว่าทำไมผุ้ชายต้องออกเงินให้ผู้หญิงเวลาเดท แล้วทำไมผู้ชายต้องรับผิดชอบ
เรื่องเงินมากกว่าผู้หญิงเวลาแต่งงานกัน แล้วทุกคนรวมทั้งอาจารย์ที่สอนก็เลยอยาก
หาข้อมูลจริง ๆ เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เราก็เลยกลัวว่าจะให้ข้อมูลผิดรึเปล่าเพราะเรา
ตอบตามความเข้าใจและประสบการณ์ของเรา แต่พอได้อ่านทุกความคิดเห็นจากเพื่อน ๆ
พี่ ๆ ทุกคนในนี้แล้วก็สบายใจแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณทุกคนมาก ๆ นะคะที่เข้ามาแสดง
ความคิดเห็นในกระทู้นี้ค่ะ
ปล.เพื่อนที่มาจากยุโรปยังบอกอีกว่า ชั้นเกิดผิดประเทศจริง ๆ ถ้าเป็นแบบที่ยูพูดแบบนั้น
จริง ๆ ชั้นว่าชั้นควรไปเกิดที่เมืองไทยมากกว่าบ้านชั้นอีก เท่านั้นแหละเพื่อนในห้องขำ
กันทุกคน...
สำหรับหยก หยกว่าน่าจะแชร์กันมากกว่า ถ้าเป็นแฟนกันนะคะ
เพราะตอนนี้หยกก้อมีแฟน แต่ก้อยังเรียนมหาลัยอยู่ทั้งคู่ นู๋และแฟนก้อยังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่เลยค่ะ
บางทีบางครั้ง เราก้อต้องแชร์กันบ้าง ไม่ได้ยกให้เรื่องเงินเป็นของฝ่ายชายโดยตรง
ขอตอบว่าไม่จำเป็น
แต่
ผู้ชายควรจะ offer ส่วนผู้หญิงจะรับไม่รับก็แล้วแต่ค่ะ
ตัวโก้เองรับมั่งไม่รับมั่งไม่อยากติดหนี้อะไรไปให้ลำบากใจถ้าจะเลิก 55 อีกอย่าง เราควรแสดงน้ำใจจากเราบ้าง
คือส่วนตัวค่อนข้าง sensitive กับเรื่องเงิน ถ้ารับอะไรใครมาแล้ว จะรีบหาทางคืนในรูปแบบอื่นๆ
เช่นเลี้ยงคืน ซื้อของให้วันวาระต่างๆ นาๆ ไม่งั้น ถ้าติดไปเยอะๆ แล้วจะเกิดความเกรงใจท่วมปากอ่ะค่ะ
ที่สำคัญมาก ไม่อยากให้ฝ่ายชายรู้สึกว่าเรารับอย่างเดียว ไม่ให้อะไรเลย เหมือนเห็นแก่ตัวอ่ะ อันนี้กรณีที่เรามีใจนะคะ
ส่วนเพื่อน เคยมีแฟนที่ รับตลอดๆ รับทุกอย่างไม่เคยให้อะไรเลย พอจะเลิกให้ก็โวยวายเรียกร้องเพราะเคยได้มาก่อน
ปัจจุบันเลิกไปแล้ว เพราะทุกคนรู้สึกว่าเธอไม่ได้เห็นเพื่อนเป็นแฟน แต่เห็นเป็นโรบินสัน มีทุกสิ่งที่สุขสันต์อ่ะค่ะ...
และก็โดนพูดต่อๆ ไปในภายหลังว่า คนนี้มัน "หลอกแดก" นี่ ซึ่งสำหรับโก้ เป็นคำที่แรงมาก
เพราะฉะนั้น คงพูดยาก ว่าควรรับหรือไม่ควรรับ คงขึ้นกับกรณีไป
ถ้าไม่อยากรับ ก็อย่าเปิดโอกาสให้เค้าให้ค่ะ ง่ายกว่าไปเถียงกันหน้าโต๊ะทานข้าวว่ามื้อนี้ใครจะจ่ายน้า ^^
ส่วนถ้าแต่งงานกัน อยากให้ออกกันตามสัดส่วนของเงินเดือนค่ะ คนได้เยอะกว่าก็ออกเยอะกว่า
เพราะต่างคนก็มีภาระทางครอบครัวของตัวเองที่ต้องดูแล รวมถึงงานอดิเรกส่วนตัว
จริงๆ ไม่ต้องให้เงินก็ได้ แต่อยากได้การเอาอกเอาใจบริการดูแลใส่ใจมากกว่า
เพราะเงินหาเองได้ค่ะ ความใส่ใจหาซื้อจากคนที่ต้องการไม่ได้นะเออ
แล้วอีกอย่าง ไม่อยากได้ชื่อว่า เกาะสามีกิน ค่ะ
ทั้งๆ ที่อยากไปเป็นชาวเกาะจะตาย 5 5 5 แต่ศักดิ์ศรีมันค้ำคอง่ะ ก็เลยต้องทำงานเก็บตังค์งกๆ ของตัวเองต่อปายยยยยย