[SIZE="2"]
ไม่รู้จะปรึกษาใครแล้วครับ ขออนุญาตใช้พื้นที่ ขอคำปรึกษาเพื่อนๆใน SBN และขอถือโอกาสระบาย
ไปในตัวนะครับ
เรื่องราวอาจจะยาวหน่อย ยังไงต้องขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ ผมจะค่อยๆเรียบเรียงให้เข้าใจง่ายที่สุด
ครับ
เรื่องของเรื่อง คือ เมื่อสิ้นปีก่อน แฟนผมขอร้องให้ผมช่วยเป็นคนกู้เงินซื้อบ้านให้เค้าหน่อย เนื่อง
จากว่าครอบครัวเค้า พ่อติดแบล็คลิสต์ แม่ไม่ได้ทำงาน ตัวเขาเองมีภาระผ่อนรถกลัวจะยื่นกู้ไม่ผ่าน
เลยขอร้องให้ผมช่วยยื่นกู้ให้หน่อย วงเงินกู้ 5.5 ล้านบาท ปรากฎว่ากู้ผ่าน ได้ 100 % ครับ
ส่วนการผ่อนรายเดือนต่อไปอีก 30 ปี ทางแฟนและครอบครัวเค้าจะจัดการกันเองไม่ให้เดือดร้อนมาถึง
ผม
ต่อมาในช่วงเวลาไล่เรี่ยกัน คือช่วงสิ้นปีก่อน เค้ามาขอร้องให้ผมช่วยกู้บ้านอีกหลังให้หน่อย ราคาบ้าน
3 ล้าน เค้าบอกว่าจะเอามาเก็งกำไร เปิดให้เช่า ตอนนี้ได้คนเช่าแล้ว สัญญาระยะยาว ดังนั้นค่าผ่อนไม่
มีปัญหา ก็เอาจากค่าเช่าบ้านน่ะล่ะ
ครั้งนี้ยื่นกู้กับอีกธนาคารครับ ก็กู้ผ่านอีกเหมือนกัน แต่ได้แค่ 95 %
ซึ่งบ้านทั้งสองหลัง ที่ผมเป็นผู้กู้ให้แฟน ได้ทำเรื่องโอนเรียบร้อยแล้วเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา
โดยที่บ้านทั้งสองหลังนั้น ยื่นกู้คนละธนาคาร โดยที่ธนาคารทั้งสอง ไม่ทราบว่าผมทำเรื่องกู้สองแห่ง
เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลในเครดิตบูโร และประวัติผมเองก็เรียบร้อยดี จึงกู้ผ่านได้ไม่ยาก
ผมเอง เมื่อได้ช่วยเค้าลุล่วงไปแล้ว ก็เบาใจ คิดว่าคงไม่มีอะไรต้องช่วยเหลือกันอีก
แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นครับ
เมื่อประมาณกลางเดือนที่ผ่านมา เซลล์ของธนาคารแห่งหนึ่ง โทรหาแฟนผม บอกว่า เค้ามีข้อเสนอน่า
สนใจมากๆ คือ เค้าไปเจอทาวโฮมแห่งหนึ่ง เพิ่งสร้างใหม่ ขายในราคาถูกมาก เพียงแค่ 4 ล้านบาท
แต่ทาวโฮมแห่งนั้นสภาพดีมากๆ ตัวเซลล์เองยืนยัน ว่าเค้าจะสามารถช่วยให้กู้ได้ถึง 6 ล้านกว่าๆ แต่
ต้องรีบยื่นกู้ให้ได้ก่อนสิ้นเดือนนี้ ก่อนที่เครดิตบูโรจะโชว์ตอนสิ้นเดือน
แฟนผมเองได้ฟัง ก็เกิดความโลภ ( ต้องพูดตรงๆเลย ) อยากได้เงินส่วนต่าง 2 ล้าน ก็มาขอร้องผม
อีก ว่า ให้ช่วยกู้ให้หน่อย เครดิตบูโรของเดิมยังไม่โชว์เลย คิดว่าหลังนี้คงได้อีกแน่ๆ จะได้เิงินส่วนต่าง
มาเหมือนฟรีๆ 2 ล้าน
ผมเองก็แย้งไปว่า มันไม่ใช่เงินฟรีซะหน่อย มันเป็นเงินที่ไปกู้เค้ามา พูดง่ายๆก็คือเป็นหนี้น่ะล่ะ ไหนจะ
ต้องเสียดอกให้อีก แล้วที่สำคัญจะผ่อนยังไงไหว
ถึงแม้ตัวแฟนผมเอง จะมีเงินเดือนแสนกว่าบาท แต่ภาระที่เค้าต้องผ่อนรถ ผ่อนบ้านที่เพิ่งโอนไป ไหน
จะรายจ่ายที่ต้องให้ครอบครัว คิดแล้ว จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าผ่อนบ้านหลังนี้
แฟนผมเค้าบอกว่า เค้าคิดไว้แล้ว ว่าก็เปิดเป็นออฟฟิศให้เช่าไป ก็ถ้ามีคนเช่า ยังไงก็ต้องทำสัญญา
ระยะยาวแน่ๆ หรือให้ฝรั่งเช่า ในราคาไม่สูงมาก เค้าบอกว่าหาได้แน่ๆ เพราะบ้านมันดีมากๆ
แตุ่้ถ้ายังหาไม่ได้จริงๆ ก็เอาไอ้เงินส่วนต่าง 2 ล้านนี่ล่ะ กันเอาไว้คอยผ่อนรายเดือนไป
เค้าบอกว่างานนี้มีแต่ได้ ไม่มีเสีย และไม่มีปัญหามาถึงผมแน่นอน เค้าจะจัดการผ่อนเอง
ผมเองก็จนปัญญา ไม่รู้จะปฎิเสธยังไง เพราะผมไม่เคยปฎิเสธอะไรเค้ามาก่อนเลย จะอ้างอะไรเค้าก็รู้
หมด ว่าผมไม่มีภาระอะไรเลย เงินเดือนเพียวๆ ไม่มีข้ออ้างอะไรเลย ที่จะปฎิเสธ และความที่ผมรักเค้า
มาก
ผมเลยตกลง เอาก็เอา ทั้งๆที่ใจผมไม่อยากให้เค้าสร้างหนี้ให้ตัวเองไปมากกว่านี้เลย
ตอนนี้แฟนผมเอง เป็นคนดำเนินเรื่องทุกอย่าง ผมทำแค่เตรียมเอกสาร
แฟนผม เค้าปรึกษากันกับเซลล์และเจ้าของบ้านที่จะขาย ว่าจะยื่นกู้ 6-7 ล้าน แต่จริงๆเจ้าของจะขายใ
ห้ที่ 4 ล้าน ( เซลล์และเจ้าของบ้านรู้ว่าผมกู้บ้านไปแล้ว 2 หลัง ) ที่สำคัญต้องรีบทำก่อนเครดิตบูโร
จะโชว์ตอนสิ้นเดือนนี้
โดยการจะทำแบบนี้ได้ พวกเค้ามีทริคมากมาย โดยผมอาจจะต้องเสียเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อแต่ง
statement เพิ่ม และยัดใต้โต๊ะฝ่ายสินเชื่อ ( ให้ตายสิ ผมไม่อยากทำเลย )
ซึ่งทั้งหมดนี้ ผมไม่ต้องทำอะไร อย่างที่บอก แฟนผมจะจัดการเอง แม้กระทั่ง เวลาแบงค์โทรมาตรวจ
สอบข้อมูล ก็จะโอนสายผมไปให้แฟนอัตโนมัติ โดยแฟนจะเป็นคนเจรจากับแบงค์เอง ( ลืมบอกไป
ครับ ว่าผมและแฟนเป็นชายทั้งคู่ แบงค์ไม่รู้หรอก ว่าคนที่เค้าคุยด้วยไม่ใช่ผม )
โดยแฟนผม ได้เตรียมสคริปต์ต่างๆ ที่จะตอบกับบรรดาแบงค์ที่จะโทรเข้ามาเช็ค คือเตรียมการไว้รัดกุม
มาก กะว่างานนี้ได้แน่ๆ
บอกตรงๆ ว่าตัวผมเอง นอนไม่หลับเลย กังวลมากๆ ว่าไอ้ที่แฟนบอก เซลล์บอก เจ้าของบ้านบอก ว่า
ทุกอย่างจะผ่านฉลุยไม่มีปัญหา มันจะไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิครับ
ก็อย่างที่รู้ว่าเศรษฐกิจตอนนี้มันแย่แค่ไหน ( แต่แฟนผมไม่เคยสนใจเลย เค้าถือว่ารายได้เค้ามั่นคง )
ผมกลัวว่าสุดท้ายจะผ่อนไม่ไหว แล้วภาระหนี้จะมาตกที่ผม
แต่ตอนนี้ดูเหมือนผมจะทำอะไรไม่ได้เลย จะไม่ช่วยก็ไม่ได้ ต้องตกกะไดพลอยโจน ผมจะทำยังไงดี
ครับ ผมอยากให้การยื่นกู้ครั้งนี้ไม่ผ่านจริงๆ
แต่มันคงยากมาก เพราะเค้า( แฟน,เซลล์,เจ้าของบ้าน ) จะทำทุกวิถีทาง ให้กู้ได้ ทั้งแต่งบัญชีใหม่
ยัดเงินใต้โต๊ะ สารพัดทริค และตัวผมเอง ลำพัง statement เดิมก็ดีมากๆ เงินเดือนสูงมาก และไม่มี
ภาระอะไรเลย เค้าบอกว่า ไม่มีเหตุผลที่จะกู้ไม่ผ่าน อย่างผม ถือว่าเป็นผู้ขอกู้ชั้นดี
ผมจะทำยังไงดีครับ จะมีทางบ้างไหม ที่เครดิตบูโร ของบ้านสองหลังที่โอนไปต้นเดือน จะโชว์ไวๆ
ก่อนปลายเดือนนี้ โชว์อาิทิตย์นี้ได้เลยยิ่งดี เพราะตอนนี้พวกเค้าเริ่มยื่นเอกสารกันแล้ว แบงค์เริ่มโทร
มาสอบถามแล้ว
มีทางไหนไหมครับ ที่จะให้เครดิตบูโร โชว์ก่อนสิ้นเดือน แบงค์อื่นเค้าจะได้ตรวจสอบเจอ จะได้ยื่นกู้ไม่
ผ่าน
เ
พื่อนๆอ่านแล้วอาจจะรู้สึกว่า ทำไมผมช่างโง่เง่า ยอมให้แฟนขนาดนี้ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ
เหตุผลมันไม่มีหายไปจากสมองเลย เมื่อเห็นเค้าเข้ามาขอร้องให้ช่วย
ผมยอมรับว่าผมหน้ามืดตาบอด รักเค้ามาก อาจเป็นเพราะผมไม่มีพ่อแม่แต่เด็ก ขาดความรัก พอมาเ
จอเขา เขามาเติมเต็มสิ่งที่ผมขาด เข้ามาทำให้ชีวิตผมมีความหมายขึ้น
ผมจนปัญญามากๆแล้วครับ ไม่รู้จะไปถามที่ไหน จะไปถามที่พันทิพย์ ก็กลัวแฟนจะมาอ่านเจอ ก็มีแต่
เวปนี้ ที่แฟนไม่เข้า
ใครพอมีไอเดียอะไรบ้าง ช่วยผมทีครับ ผมเครียดนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว[SIZE="2"]
ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ครับ ขอนำรูปมาลง เพื่อให้กระทู้นี้ สามารถโชว์รูปที่หน้าเวบได้ ครับ
เคล็ดลับง่ายๆ ที่ช่วยให้กระทู้ของเพื่อนๆ สามารถโชว์ที่หน้าเวบ และคนอื่นๆ เข้าถึงกระทู้นี้ได้ง่ายขึ้น ครับ
และยังช่วยให้ชุมชนที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน สวยงาม และน่าอยู่ยิ่งขึ้นครับ
ขอบคุณภาพจากลิงก์ http://www.bangkokbiznews.com/2009/01/02/thumb/324400_homeloanthumb3bkk.jpg ครับ
ขออภัยครับ หากรูปที่เรานำมาไม่เหมาะสม และขอชวนเจ้าของกระทู้เข้ามาแก้ไขได้ครับ
ทีมงาน SBNTown
คุยกันตรงๆ ไม่ได้ใช่รึป่าวคะ
เพราะถ้าคุยกันได้แบบเปิดอกก็น่าจะเข้าใจกันได้ง่ายกว่า
ถ้าคุยกันไม่ได้ลองโทรคุยกับทางแบงค์ด้วยตัวเองได้รึป่าวคะ ว่าเรากู้ไปสองที่แล้วนะ แบบว่าเปิดโปงหนี้ตัวเอง แหะๆ.. ไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านแบงค์อะไรเท่าไร เลยไม่รู้จะช่วยแนะนำยังไงดี
แต่อยากจะบอกว่าลองปฎิเสธแฟนสักครั้งน่าจะง่ายกว่าอ่ะค่ะ ถ้ารักกันจริงๆเค้าน่าจะเข้าใจเรานะคะ
เพราะแบบนี้เป็นการนำความเดือดร้อนมาให้เรา แบบไม่เกรงใจเราเลย เพราะกู้แล้วเป็นชื่อเรา หนี้ = หนี้เรา:(
ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี ควรจะระวังเรื่องการงานด้วยอ่ะค่ะเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่แน่นอนเสมอไป
อยากให้ จขกท ระวังเรื่องเงินทองหน่อยนะคะ เพราะบางทีมันก้อไม่เข้าใครออกใครเหมือนกัน
เข้าใจว่ารักแฟนค่ะ แต่ควรจะรักตัวเองด้วย ไม่กู้ให้เพิ่มไม่ได้หมายความว่าไม่รักนี่คะ
ขอให้หาทางออกได้ไวไวค่ะ
P.S. เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ถ้าไม่ชอบใจยังไงขออภัยไว้ก่อนนะคะ :cool:
อ่า... ทีแรกนึกว่าจะเป็นคำถามเรื่องกู้เงิน แต่สรุปแล้วไม่ใช่นี่นา...
คงบอกได้อย่างเดียวว่าเข้าใจความอึดอัดของคุณนะคะ แต่ไม่รู้จะให้คำแนะนำอะไร เพราะเป็นเรื่องของคุณ กับแฟนคุณมากกว่า
เรื่องที่แฟนคุณแนะนำให้ทำ ก็คงมองเป็นการลงทุนก็ได้ แต่ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงอยู่แล้วค่ะ และการลงทุนที่ต้องไปกู้ยืมมานั้น เสี่ยงยิ่งกว่า
เราเห็นด้วยกับคุณ ที่ไม่อยากเป็นหนี้นะคะ
ถ้าเป็นไปได้... คุณก็อาจจะคุยกับแฟนคุณว่า อย่าเป็นหนี้เพิ่มอีกเลย เพราะการเป็นหนี้มันแย่กว่าการไม่มีเงินอีกค่ะ เก็บเงินทีละน้อย ยังไงรวมๆ ก็ยังได้แน่ๆ ไม่มีเสีย แต่ลงทุนโดยเป็นหนี้เพื่อหวังกำไรมาก ผลก็มีทั้งได้ และเสีย
ส่วนเรื่องเซลนั่นไม่ต้องไปสนใจหรอกค่ะ ว่าเค้าจะเตรียมการมาอย่างดียังไง และถ้าคุณเปลี่ยนใจไม่กู้ เซลจะเสียใจอะไรไม่ต้องไปสนหรอกค่ะ เพราะทุกอย่างมันเป็นผลประโยชน์ของเค้าทั้งนั้น เซล และเจ้าของบ้านมีแต่ได้ ไม่มีเสีย แต่งานนี้ถ้าจะมีใครเสีย ก็เห็นจะเป็นคุณคนเดียวนะคะ ถึงตอนนี้ก็เริ่มเสียแล้วเนี่ย เสียความรู้สึกนิดๆ
และ... คุณก็คงรู้ดีอยู่แล้วล่ะค่ะ ว่าถ้าตัดสินใจไปแล้ว คุณก็ต้องยอมรับผลที่จะเกิดขึ้น และไม่สามารถโทษใครได้เลย เพราะทุกอย่างเป็นชื่อคุณหมดเลย...
ถ้าเป็นไปได้ วิธีที่น่าจะเวิร์คที่สุด น่าจะเป็นการคุยกับแฟนให้เข้าใจก็ดีนะคะ ไม่ต้องไปหาหนทางให้เครดิตแสดงรายการกู้ของคุณหรอกค่ะ เพราะยังไง เซล และคนอื่นๆ ที่อยากให้คุณกู้ได้ เค้าก็จะมีวิธีทำให้คุณกู้ผ่านอยู่ดีล่ะค่ะ
ขอโทษทีค่ะ คำตอบไม่ได้ช่วยอะไรเลย แค่จะมาบอกว่า เข้าใจคุณค่ะ
ขอให้คุยกับแฟนรู้เรื่องดีเร็วๆ นะคะ... ขอให้ทันการณ์
เอ่อ........ไม่รู้จะออกความเห็นยังไงดีอ่ะค่ะ เรากับแฟนไม่ยุ่งเรื่องเงินทองกัน หรือ เครดิตกันอ่ะค่ะ
Originally Posted by berry
คุยกันตรงๆ ไม่ได้ใช่รึป่าวคะ
เพราะถ้าคุยกันได้แบบเปิดอกก็น่าจะเข้าใจกันได้ง่ายกว่า
ถ้าคุยกันไม่ได้ลองโทรคุยกับทางแบงค์ด้วยตัวเองได้รึป่าวคะ ว่าเรากู้ไปสองที่แล้วนะ แบบว่าเปิดโปงหนี้ตัวเอง แหะๆ.. ไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านแบงค์อะไรเท่าไร เลยไม่รู้จะช่วยแนะนำยังไงดี
แต่อยากจะบอกว่าลองปฎิเสธแฟนสักครั้งน่าจะง่ายกว่าอ่ะค่ะ ถ้ารักกันจริงๆเค้าน่าจะเข้าใจเรานะคะ
เพราะแบบนี้เป็นการนำความเดือดร้อนมาให้เรา แบบไม่เกรงใจเราเลย เพราะกู้แล้วเป็นชื่อเรา หนี้ = หนี้เรา:(
ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี ควรจะระวังเรื่องการงานด้วยอ่ะค่ะเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่แน่นอนเสมอไป
อยากให้ จขกท ระวังเรื่องเงินทองหน่อยนะคะ เพราะบางทีมันก้อไม่เข้าใครออกใครเหมือนกัน
เข้าใจว่ารักแฟนค่ะ แต่ควรจะรักตัวเองด้วย ไม่กู้ให้เพิ่มไม่ได้หมายความว่าไม่รักนี่คะ
ขอให้หาทางออกได้ไวไวค่ะ
P.S. เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ถ้าไม่ชอบใจยังไงขออภัยไว้ก่อนนะคะ :cool:
[SIZE="2"]
ขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็นนะครับ ยินดีมากเลยที่มีคนเข้ามาตอบ
เรื่องเปิดอกคุย ผมคุยไปหลายรอบมากแล้วครับ แต่เค้ามีเหตุผลโต้กลับหมดเลย
ว่ายังไงก็จะไม่มีปัญหามาถึงผม การงานเค้ามั่นคงดีครับ ไม่โดนเลย์ออฟแน่ๆ ติดแต่เค้ากู้ซื้อรถ
จะกู้บ้านอีกไม่ผ่านแน่ๆ
คุยกัน ทะเลาะกันหลายหน สุดท้ายก็จบลงที่ผมใจอ่อนจนได้ จนกับเหตุผลด้วยครับ เค้าก็รู้ว่าผมไม่
อยากกู้ให้ แต่เค้าก็ต้องขอให้ช่วย เพราะไม่มีใครที่ไหนจะช่วยเค้าได้อีกแล้วนอกจากผม จนใจจริงๆครับ
ส่วนเรื่องโทรไปคุยกับแบงค์เอง ผมกลัวว่าแฟน,เซลล์, เจ้าของบ้านที่จะขาย จะรู้รึปล่าวครับ ว่าผมเป็นคนโทรไปเปิดโปงหนี้สิน ( ไม่ทราบว่าเรียกแบบนี้ถูกไหม )
เพราะตอนนี้ ผมไม่ต้องรับสายใดๆจากแบงค์เลย เบอร์ที่แบงค์จะโทรมาตรวจสอบ จะโอนสายอัตโนมัติไปที่เครืื่องแฟนผมครับ แฟนผมจะเป็นคนตอบทุกอย่างแทนผมเอง ( โดยที่คนโทรไม่รู้หรอกครับว่าคนที่คุยด้วยน่ะไม่ใช่ผม ดังนั้นผมคงไม่มีโอกาสบอกกับจนท.แบงค์ที่โทรมาแน่ๆ ว่าผมมีหนี้บ้านอยู่อีก 2 หลัง
ที่กู้ไปก่อน 2 หลังนี่แบงค์เดียวกันรึเปล่าคะ
ตอนที่เรากู้ซื้อบ้านทางแบงค์อธิบายว่าเค้าจะให้กู้แค่ 59 เท่าของเงินเดือน ถ้าเกินกว่านี้ต้องมีหลักทรัพย์อื่นค้ำ อันนี้ของคนที่ไม่เคยมีประวัติในเครดิตบูโรฯ จะกู้ได้เท่านี้เพราะเค้าถือว่ายังไม่มีเครดิต (เราแอบงง!)
แต่ถ้ามีประวัติหนี้สินในเครดิตบูโรฯ และมีประวัติชำระหนี้ดีมาโดยตลอด ทางแบงค์อาจปล่อยให้กู้ได้ 100% หรืออาจบวกค่าตกแต่งไปได้อีกเป็น 105% นะคะ
ของคุณ จขกท นี่ลองคุยกับแฟนก่อนดีกว่าค่ะเพราะหนี้สินจะเป็นของคุณนะ แต่เราว่าคุยกับผู้จัดการแบงค์สาขานั้น ๆ เลยก็ได้ค่ะเพราะเคยมีหลายเคสที่เซลล์เตี๊ยมกับเจ้าของบ้านที่จะขายว่าจะให้ลูกค้าที่มาซื้อบ้านกู้ผ่านให้ได้โดยเซลล์จะได้ส่วนแบ่งจากคนที่จะขายบ้าน คนที่จะซื้อบ้านก็ให้ความร่วมมือปลอมแปลงเอกสารและแต่งบัญชี ต่อไปคนที่ซื้อบ้านเกิดผ่อนไม่ไหวมีสิทธิ์โดนฟ้องนะคะ โดนยึดบ้านแล้วอาจโดนเรื่องปลอมแปลงเอกสารด้วย (คดีอาญาค่ะ ติดคุกนะ)ส่วนคนที่ซวยคือผู้จัดการแบงค์น่ะค่ะเพราะเชื่อใจเซลล์ที่เป็นลูกน้องชงเรื่องมาให้ตัวเองเซ็นต์อนุมัติ ผู้จัดการอาจถูกไล่ออกเพราะทางผู้บริหหารก็คิดว่ารู้เห็น ได้ผลประโยชน์จากเจ้าของที่ขายบ้าน ส่วนเซลล์อาจโดนแค่ไล่ออกแต่เค้าก็มีเงินใต้โต๊ะรองรังไว้แล้ว
ปลอมแปลงเอกสารคดีอาญานะคะ...ขอเตือน
อืมมมมมมม.....พูดไม่ออกอ่าค่ะ
เพราะรักเค้า เราเลยตกกระไดพลอยโจนไปด้วย
ยังไงก็พูดตรงๆๆเลยว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ต่างชาติไม่ค่อยเข้ามาช่วงนี้
นี่ก็เป็นเหตุผลด้วยว่าทำไมเค้าถึงรีบขายบ้านในราคาถูกๆๆได้ เพราะไม่งั้นใครจามาขายราคาไม่แพง
อีกอย่างบอกเลยค่ะว่าเราก็ไม่สบายใจ นอนไม่หลับ เพราะบอกตรงๆๆๆเลยว่าเรื่องเงินๆๆทองๆๆตอนนี้ไม่มีใครอยากเป็นหนี้ แถมตอนนี้ก็กู้บ้านไปแล้วสองหลังด้วย ........ บอกแฟนว่า ตอนนี้เราเครียดๆ ไม่สบายใจ ลองชะลอๆๆๆๆๆไว้ก่อนดีไม๊ ให้เราสบายใจหน่อย
ทำนองนี้อ่าค่ะ
[SIZE="2"]ขอบคุณ คุณ Meesook ครับ ที่เข้าใจผม ตอนนี้ผมอึดอัดและหาทางออกไม่เห็นเลยครับ
คุยกับเค้า( แฟน ) เค้าก็ไม่ค่อยจะรับฟังผมเลย ในครั้งแรกๆ ผมพยายามคิดว่ามันเป็นกรรมเวร
ที่อาจจะเคยไปทำกับเค้าไว้ในชาติก่อน ชาตินี้เลยต้องตามใช้ แต่ทำไมมันไม่สิ้นสุดเสียที
ผมพยายามบอกเค้าหลายหนแล้ว ว่าครั้งนี้จะไม่ช่วยๆ แต่สุดท้ายก็แพ้ ต้องช่วยอีกจนได้
คุณ Keeki เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ว่าแฟนกันไม่ควรยุ่งเรื่องเงินของกันและกัน แต่ของผม มันถลำลึกมาก
แล้วครับ ตอนนี้เลยได้แต่นั่งทุกข์ ขอบคุณสำหรับความเห็นนะครับ
[SIZE="3"]เราว่าจขกท.รักแฟนมากเลย แต่รักเค้าแล้วต้องรักตัวเองด้วยนะ อะไรที่มันมากไปมักไม่ดี
เรากลัวว่าสุดท้ายแฟนคุณจะมีปัญหาผ่อนไม่ไหว เพราะเรื่องเงินต้องยอมรับว่าไม่เข้าใครออกใคร
การที่คุณทั้ง2คนเป็นชายทั้งคู่ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะจดทะเบียนสมรส และหากวันหนึ่งคุณ2คนเลิกกันเรากลัวตอนนั้นคุณจะต้องรับปัญหาคนเดียวทั้งหมด
สุดท้ายขอให้เรื่องราวผ่านไปด้วยดีละกัน เป็นกำลังใจให้ เพราะเรื่องกู้นี่เราไม่รู้เรื่องเลย
เกิดมาไม่เคยกู้เงินที่ไหนเพราะไม่มีเครดิตจะไปกู้555 ว่าแต่จขกท.เป็นหมอหรือเปล่า
Originally Posted by 69
ที่กู้ไปก่อน 2 หลังนี่แบงค์เดียวกันรึเปล่าคะ
ตอนที่เรากู้ซื้อบ้านทางแบงค์อธิบายว่าเค้าจะให้กู้แค่ 59 เท่าของเงินเดือน ถ้าเกินกว่านี้ต้องมีหลักทรัพย์อื่นค้ำ อันนี้ของคนที่ไม่เคยมีประวัติในเครดิตบูโรฯ จะกู้ได้เท่านี้เพราะเค้าถือว่ายังไม่มีเครดิต (เราแอบงง!)
[SIZE="2"]
ตอนกู้บ้าน 2 หลังแรก กู้คนละแบงค์ครับ แต่ยื่นเอกสารพร้อมๆกัน เครดิตบูโรผมไม่มีปัญหา ประวัติคลีน statement เข้าขั้นดีมากครับ เค้าเลยปล่อยผ่าน ( อันนี้ผมก็ยังงง ว่าผ่านได้ไง )
ส่วนเรื่องปลอมแปลงเอกสารบ้านหลังใหม่นี่ ผมก็กลัวอยู่ครับ เพราะมันคดีอาญาชัดๆ แต่เรื่องดำเนินการพวกนี้ ผมไม่รู้เรื่องเลย พวกเค้าทำกันเองหมด
ส่วนเรื่องโทรไปคุยกับ ผจก แบงค์ ผมสามารถโทรไปได้เลยเหรอครับ เค้าจะไม่แปลกใจเหรอ ว่าทำไมพูดไม่เหมือนกับที่ลูกน้องเค้าได้ข้อมูลมา ( จากการโทรคุยกับแฟนผม ) แล้วเค้าจะเชื่อผมไหมครับ
ขอบคุณครับสำหรับข้อคิดเห็น ผมเองไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย เลยต้องมาพึ่งเพื่อนๆครับ
Originally Posted by ~ k E t S y ~
อืมมมมมมม.....พูดไม่ออกอ่าค่ะ
เพราะรักเค้า เราเลยตกกระไดพลอยโจนไปด้วย
ยังไงก็พูดตรงๆๆเลยว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ต่างชาติไม่ค่อยเข้ามาช่วงนี้
นี่ก็เป็นเหตุผลด้วยว่าทำไมเค้าถึงรีบขายบ้านในราคาถูกๆๆได้ เพราะไม่งั้นใครจามาขายราคาไม่แพง
อีกอย่างบอกเลยค่ะว่าเราก็ไม่สบายใจ นอนไม่หลับ เพราะบอกตรงๆๆๆเลยว่าเรื่องเงินๆๆทองๆๆตอนนี้ไม่มีใครอยากเป็นหนี้ แถมตอนนี้ก็กู้บ้านไปแล้วสองหลังด้วย ........ บอกแฟนว่า ตอนนี้เราเครียดๆ ไม่สบายใจ ลองชะลอๆๆๆๆๆไว้ก่อนดีไม๊ ให้เราสบายใจหน่อย
ทำนองนี้อ่าค่ะ
[SIZE="2"]ลองพูดมาหมดแล้วครับ แต่ไม่เป็นผล เค้ายืนยันนั่งยัน นอนยัน ว่าไม่มีปัญหา สบายใจได้ ผมก็จนใจครับ
ถ้าจบงานนี้ ผมคงต้องพยายามตัดใจจากเค้าแล้วกระมังครับ แต่มันยากเหลือเกิน
Originally Posted by meandu
[SIZE="3"]
สุดท้ายขอให้เรื่องราวผ่านไปด้วยดีละกัน เป็นกำลังใจให้ เพราะเรื่องกู้นี่เราไม่รู้เรื่องเลย
เกิดมาไม่เคยกู้เงินที่ไหนเพราะไม่มีเครดิตจะไปกู้555 ว่าแต่จขกท.เป็น
หมอหรือเปล่า
[SIZE="2"]
ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ ผมก็ภาวนาให้ทุกอย่างจบลงด้วยดีเช่นกัน นอนไม่หลับเลย
ส่วนเรื่องอาชีพ ผมไม่ใช่หมอครับ แต่เป็นอาชีพที่มีเครดิตมากๆ ได้เอกสิทธิ์ สิทธิประโยชน์ในเรื่องธุรกรรมการเงินมาก
พอๆกับหมอครับ ( อันนี้ทางแบงค์บอกมาครับ ผมเองก็เพิ่งทราบ เพราะเกิดมาเพิ่งเคยกู้เงินนี่ล่ะครับ )
ไม่รู้จะบอกอะไรอ่ะคะ เพราะไม่เคยทำแบบนี้เลย เคยแต่ทำของตัวเอง ไม่เกี่ยวกะแฟนคะ
แต่ดูๆ แล้วมันก็แอบผิด กม. นะคะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา เราว่าคุณต้องโดนคนเดียวอ่ะ ไม่อยากให้เสี่ยงเลย
แต่เข้าใจ ว่ารักแฟนมากก.กก มันก็เลยยากที่จะปฏิเสธ ลองใจแข็งดูซักครั้งซิคะ ดูว่าเค้าจะมีปฏิกิริยายังไง แล้วค่อยคุยกันอีกที
เรื่อเงินไม่เข้าใครออกใครนะคะ พี่น้องกันยังโกงกันได้เลยคะ ...
ปล. ไม่ได้พูดให้ จขกท. เครียดน๊าาา :(
Originally Posted by oatachi
คุณ Keeki เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ว่าแฟนกันไม่ควรยุ่งเรื่องเงินของกันและกัน แต่ของผม มันถลำลึกมาก แล้วครับ ตอนนี้เลยได้แต่นั่งทุกข์ ขอบคุณสำหรับความเห็นนะครับ อยากบอกว่ามันเรื่องโยงไปครอบครัวเค้าด้วยแหละ พูดยากค่ะ อย่างแม่เราเนี่ยบอกเลยว่าทำอะไรทำเองค่ะ อย่าไปยุ่งกัยครอบครัวทางแฟนเรา แต่ถ้าเป็นของเราสองคนก็ว่ากันอีกที
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ :D
เอ... แต่ทำไมแฟนคุณไม่ลองกู้เองด้วยล่ะค่ะ กู้ร่วมก็ได้นะคะ เงินเดือนแสนกว่าบาท ผ่อนรถอยู่ ก็น่าจะกู้ร่วมได้ค่ะ
ลองเสนอให้แฟนคุณกู้ร่วมด้วยก็ดีนะคะ จะได้รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบร่วมกัน อะไรประมาณนั้น ให้เหตุผลกับแฟนคุณว่า เมื่อผ่อนหมด จะได้เป็นเจ้าของบ้านร่วมกัน ไม่ต้องห่วงว่ากู้ร่วมแล้วจะไม่ผ่าน ถึงมีชื่อแฟนคุณกู้ร่วมกับชื่อคุณ ยังไงก็น่าจะผ่าน เพราะเค้าดูว่าถ้าคนใดคนหนึ่งโอเค เค้าก็อนุมัติค่ะ
ลองดูนะคะ...
ความโลภไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
แนะนำให้บอกแฟนไปตรงๆเลยค่ะ ว่ากู้ให้ไป 2หลังแล้วนะ ภาระอยู่ที่คุณคนเดียวนะคะ ถ้ามีเรื่องขึ้นมานี่ประวัติคุณจะโดนขึ้น list เลยนะคะ ต่อไปนี้จะขอกู้อะไรเนี่ย จะยากสสสสสสสสสสส มากๆ
ถ้ายังไม่แต่งงานนี่เสี่ยงมากๆอ่ะค่ะ ต้องเคลียร์ไปเลยว่าเราไม่เอาแล้ว ให้หมดซักหลังนึงไปก่อนก้อยังดี
ถ้าอธิบายเหตุผลอะไรก็ไม่ชนะเค้า งั้น แค่พูดว่า " ไม่ " ก็พอค่ะ อิอิอิ
เราเคยช่วยเค้ามาตลอด ถ้าเพียงครั้งนี้เราปฏิเสธ เค้าก็ไม่น่าโกรธนะคะ เป็นกำลังใจค่ะ
เออ...ใช่ ทำไมแฟนคุณเค้าไม่กู้ร่วมล่ะคะเพราะถ้าผ่อนหมดแล้วมันจะมีแต่ชื่อคุณเป็นเจ้าของบ้านนะคะ คุณบอกว่าเค้าจะเป็นคนส่งค่าบ้าน ถ้าถึงเวลานั้นเค้าอยากให้บ้านเป็นชื่อเค้ามันต้องเสียค่าโอนอีกต่างหากนะคะ ราคาบ้านค่อนข้างสูงค่าโอนแพงอยู่นะคะ
ต้องให้เค้ากู้ร่วมด้วยน่ะค่ะ เวลาโอนจะมีชื่อคุณและเค้าเป็นเจ้าของร่วมกันหลังโฉนด ลองใช้เหตุผลนี้อ้างกับเค้าดูค่ะ
...เอ็นดูเขา เอ็นเราขาดน๊า...
อ่านจขกท.แล้วอยาก ตีมือแรงๆ จริงๆ -*-
เรื่องการ ไปให้คนอื่นใช้ชื่อ หรือ การไปค้ำประกันเนี้ยะ โดยใช้ชื่อเราเนี้ย ห้ามเด็ดขาด ถ้าไม่ได้ จดทะเบียน เป็นสามีภรรยากัน ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมา ในภายหลัง การผ่อนบ้านไม่ใช่จะผ่อนกันแค่ ปีสองปีน๊า นี่เป็น 10ๆ ปี ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมา จขกท. จะไหวไหมเนี้ยะ ขนาด ญาติพี่น้อง เขายังไม่ให้ทำการค้ำกันแบบนี้เลย
แล้วเศรษฐกิจแบบนี้ ไอ้ที่จะไปเร็วทีสุด ก็อสังหาริมทรัพทย์นี่แหล่ะ ฝรั่งเยอะซะที่ไหน เมืองไทยเด๋วนี้ ถ้ามันจะกำไรง่ายๆแบบนั้นจริงๆ นานหน้า ไม่ซื้อไปก่อนแล้วเหรอ หรือเกิดอีก 5 ปี 10 ปี บ้านมีปัญหา หรือ แยกกันเดิน แฟนโดนไล่ออกจากงานขึ้นมา อะไรแบบนี้ จะทำยังไง มีอะไรรับประกันได้บ้าง ว่าแฟนจะได้ ทำงานเงินเดือนเป็นแสนๆ แบบนี้ตลอดไปอะ
เป็นแฟนกันเฉยๆ อย่าเลยนะ ทำแบบนี้อะ ถึงจะรักกันมากแค่ไหนก็ตาม เหมือนเรารักเขา เรายอมเสียเปรียบเขาหมด แต่ไม เขาไม่ยอมเรามั่งอ่ะ นี่จะเป็นข้อพิสูจน์เลยนะ ว่า เขารักเราจริงหรือเปล่า ทำไม ต้องให้เรามา ใช้ชื่อเราขอกู้ไรแบบนี้ ลองคิดดูนะ ถ้าเขามีพี่น้อง พี่น้องเขาจะยอมเป็นคนยื่นให้เขาแบบนี้ไหม เรื่องนี้ มันเป็นเรื่องเกี่ยวพันการกู้ยืมระยะยาว ให้ใกล้ตัวกันแค่ไหน แต่ไม่จดทะเบียน หรือ เป็นพ่อแม่ เราห้ามไปทำ แม้กะพี่น้อง ยังห้ามเลย มันอันตรายมั๊กๆ
บอกไปเลยว่า แค่ 2 หลังจะแย่อยู่และ แล้ว ไปผ่อน หลังที่3 ไหนว่า ค่ารถ ก็เหนื่อยแล้วไง อย่าเลยย บอกถ้าจะทำ ก็ทำในชื่อแฟนไป อย่าเอาเราไปยุ่งเลย ถ้ารักกันจริงๆ ก็ต้องเข้าใจเราด้วย ไม่ใช่ให้เรารักอยู่ฝ่ายเดียว ยอมอยู่ฝ่ายเดียว เขาก็ต้องรักเรา ด้วยซิ
ปล. 2 หลังแรก อยากให้ไปยุติการกู้ยืมจริงๆ ผับผ่าสิ กู้ให้คนอื่นมีที่ไหนเนี้ยะ -*- แม้แต่พี่น้อง ยังยากเลย ลองคุยกัน ถ้าเขา ไม่ยอม ทะเลาะกะเรา นี่เหมือนไม่รักกันจริงแล้วอ่ะ
เข้าใจว่าเจ้าของกระทู้รักแฟนมากจริงๆ แต่แฟนของคุณเจ้าของกระทู้รักคุณจริงๆถึงขั้นที่ถ้ามีปัญหาแล้วจะไม่ปล่อยให้คุณรับกรรมคนเดียวรึเปล่าคะ (อันนี้พูดกันตรงๆนะคะ ต้องขอโทษด้วยถ้าทำให้เคืองใจค่ะ) เพราะเรื่องเงินก็อย่างที่หลายๆคนว่าแหละคะว่ามันไม่เข้าใครออกใคร ถ้าวันนึงเกิดปัญหามาว่าเค้าไม่สามารถผ่อนได้หรือเกิดต้องเลิกรากันไปฯลฯ แล้วเค้าไม่รับผิดชอบส่วนนี้ละ ก็ต้องคิดบ้างนะคะ(อันนี้เป็นห่วงนะคะ เพราะเพื่อนเราก็เคยเจอประมาณเดียวกันนี้แหละคะ เซ็งเป็ดไปเลย) คือเรื่องกู้หรือติดต่อกะธนาคารเนี้ยไม่ทราบจะช่วยยังไงเหมือนกันค่ะ เพราะไม่เคยทำธุรกรรมอะไรประมาณนี้เลย แต่อยากจะเตือนสติไว้ซักหน่อย ว่าถึงจะรักเค้ายังไงก็ต้องเป็นห่วงตัวเองบ้างนะคะ
อีกอย่างถ้าเรายืนกรานไม่ยอมซะอย่าง(เหมือนที่เค้ายืนกรานจะทำท่าเดียว)ลายเซ็นก็ลายเซ็นเราถ้าเราไม่เซ็นเค้าก็คงมาว่าอะไรไม่ได้ค่ะ(ช่วยได้มั๊ยเนี้ย อาจจะแรงไปหน่อยนะคะขอโทษด้วย) อีกอย่างที่อยากให้เก็บไปคิดค่ะว่า ถ้าเค้ารักเรามากจริงเค้าคงไม่อยากทำให้เราไม่สบายใจหรือลำบากใจขนาดนี้หรอกค่ะถึงจะเป็นคนเอาแต่ใจแค่ใหนก็ตามเหอะจริงมั๊ยคะ ซื้อบ้านนะคะไม่ใช่กระเป๋า เครดิตเราทั้งนั้นคิดดีๆนะคะ เอาใจช่วยให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้ค่ะ
โทรไปที่แผนกสินเชื่อของแบ๊งค์ ขอติดต่อผู้จัดการ ที่ไม่ใช่เซลล์คนนั้น
บอกว่าโทรมาตามรายละเอียดเรื่องการยื่นกู้ บอกเค้าว่าเป็นห่วงว่าได้หรือเปล่า
เพราะปัจจุบันผ่อนอยู่สองหลัง...
ทางแบ๊งค์น่าจะพิจารณาเองได้ค่ะว่าควรหรือไม่
ขอบอกอีกที่ว่าเงินไม่เข้าใครออกใครนะคะ
เป็นแฟนกันสุดท้ายโดนกันไปหกเจ็ดหลักแล้วค่ะ
ส่วนตัวยังต้องผ่อนให้กับอดีตอยู่เลย ... ถือว่าทำให้เพื่อนน่ะ เฮ้อ
ห้ามเลียนแบบนะคะ ไม่ดีมากๆ กลายเป็นว่า เงินส่วนนี้ซื้อเพื่อนไปเลย
ได้แต่หวังว่า เค้าจะคืน จะได้ไม่รู้สึกแย่ต่อกัน
ไปโพสท์ในพันธ์ทิพย์เลยค่ะ ถ้าแฟนอ่าน คคห.ที่เสนอเข้ามา อาจทำให้เค้ามองตัวเองออกว่าเรียกร้องมากเกินไปค่ะ
อ่านแล้วเห็นใจจขกท จังค่ะ คิดว่าควรจะหัดปฏิเสธบ้างน่ะค่ะ
เพราะคุณก็กู้แทนมา 2 หลังแล้ว ถ้าจะเพิ่มอีกหลังนึงมันดูจะหนักเกินไป
ลองหาทางคุยกับแฟนดูว่าให้ผ่อนหมดซักหลังนึงก่อนจะดีกว่ามั้ย
หรือไม่ก็ลองให้กู้ร่วมดูค่ะ ติดภาระแค่ผ่อนรถไม่น่าจะกู้ไม่ผ่านค่ะ นอกจากจะติดบูโรเรื่องอื่น
เอาใจช่วยนะคะ
ต้องขออภัยคุณ จขกท. อย่างมากค่ะ เภาอ่านไม่ละเอียดเอง -__-"
Originally Posted by PaoPraeWaa
ขอถามย้ำว่าแฟนไม่ใช่ภรรยาใช่ไหมคะ:confused: เพราะบางคนเรียกศรีภรรยาว่าแฟนเหมือนกัน
คุณจขกท.และแฟนเค้า เป็นเพศชาย ทั้งคู่คะ
[SIZE="5"]เคยบอกว่า
เคยเจอกรณีแบบนี้
ทุกวันนี้โดนไปแล้ว
ไม่ได้เข้ามาให้คุณไขว้เขวแต่อย่างใด
แต่อยากบอกให้คุณรักตัวเองหน่อย
เพราะถ้าเวลา(ที่ต้องเสียเงิน)มาถึงจิงๆๆคุณนั่นแหละ...
[SIZE="2"]ว่าจะอ่านอย่างเดียวนะนี่ ขออนุญาตแจมหน่อยแล้วกันนะคะ
ปกติถ้าเราจะให้เพื่อนหรือแฟนยืมเงินนี่ ก็จะเตรียมใจว่าจะไม่ได้คืน เพราะฉะนั้นก็จะให้ยืมเท่าที่เราให้เค้าไปได้แล้วไม่เสียดาย ตั้ง credit limited ให้แต่ละคน ทีนี้ถ้าจะไม่ได้คืนก็ไม่เครียดมาก
กรณีนี้ เราว่าคุณ จขกท ก็ยังไม่เสียอะไร มองว่ายังได้อยู่ เพราะเป็นคนกู้จริง แต่มีชื่อเป็นเจ้าของ คนผ่อนคือแฟน (เข้าใจถูกมั๊ยค่ะ) สมมติต่อไปแฟนส่งค่าผ่อนไม่ไหว แล้วคุณ จขกท ต้องผ่อนต่อจนหมด (ซึ่งก็น่าจะมีกำลังผ่อนอยู่) พอผ่อนจนหมด ก็เป็นสินทรัพย์ของคุณนั่นเอง แต่มีคนช่วยผ่อนระยะแรกให้ หรือถ้าแฟนผ่อนจนหมด คุณ จขกท ก็มีชื่อเป็นเจ้าของอยู่ดี จนกว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ให้แฟน
เรามองว่าคุณแฟนของ คุณ จขกท ก็ต้องรักและไว้ใจคุณมากเหมือนกัน คงไม่แพ้กันหรอกค่ะ เพียงแต่เค้าชอบเสี่ยง ชอบลงทุน
เอาอย่างนี้ดีมั๊ยคะ ลองประเมินสถานะการเงินของตัวเองดู ว่าถ้าจะต้องกู้ซื้อบ้านอีกหลังนึง ซึ่งเป็นหลังที่สาม เกิดว่าแฟนไม่สามารถผ่อนต่อได้ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร คุณ จขกท สามารถผ่อนเองต่อไหวมั๊ย ถ้าไหวและรักเค้ามาก ก็กู้ ถ้าไม่ไหวแต่รักเค้ามาก ก็กู้ (เพราะถ้าไหวแต่ไม่รักเค้า ก็ไม่รู้จะกู้ไปทำไม) ^ ^ เพราะถึงยังไงคุณจขกท ก็สามารถขายทิ้งได้นี่ค่ะ สมมติซื้อมา สี่ล้าน ราคาตั้ง หกล้าน คุณแฟนผ่อนไปได้ประมาณนึง สมมติ ห้าแสน คุณจขกท ขายไป สามล้านห้า ก็น่าจะไม่ยาก
ทั้งนี้ทั้งนั้น เรารู้รายละเอียดประมาณนึง ตามที่คุณ จขกท บอก ที่เหลือที่ไม่รู้ก็อาจเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจ ยังไงก็ลองพิจารณาดู ถ้าเห็นว่าไม่มีประโยชน์ก็อย่าเอาไปคิดให้เปลืองสมองเลยค่ะ
เอาเป็นว่า ขอเอาใจช่วยแล้วกันนะคะ เพราะคุณจขกท คงต้องมีภาระผูกพันกับคุณแฟนอีกนาน (เพราะผ่อนบ้านตั้งยี่สิบปี) แก่ไปด้วยกันเลยค่า ^ ^
[SIZE="2"]ขอบคุณสำหรับทุกๆความเห็นและกำลังใจนะครับ
ผมเองก็กังวลใจในเรื่องความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเงินๆทองนี่ล่ะครับ อย่างที่ว่ากันว่าเงินทองไม่เข้าใครออกใคร
ปัญหาเรื่องเงินๆทองๆของแฟนและครอบครัวแฟนผมมากมายและซับซ้อนมากๆครับ การกู้ร่วมคงไม่ได้ เพราะเห็นว่าตอนนี้แฟนผมเองก็ติดเรื่องเครดิตบูโรอยู่เช่นเดียวกัน ผมเลยต้องออกหน้ากู้ให้
มันเป็นเหมือนตกกะไดพลอยโจนครับ เนื่องจากตัวผมเองรับทราบปัญหาทางการเงินของครอบครัวเค้ามาก และด้วยความที่รักแฟนและรักคนอื่นๆในครอบครัวเค้า เหมือนเป็นครอบครัวตัวเอง ( ผมขาดทั้งพ่อทั้งแม่ครับ พอมาครอบครัวแฟนดีกับผมมาก เลยรู้สึกผูกพันมาก )
ในตอนแรก อะไรที่ผมตรองดูแล้วว่าไม่เสียหาย ไม่ลำบาก ผมก็ยอมทำให้ครับ เรื่องกู้บ้าน 2 หลังนั่นก็เหมือนกัน ผมตรองดูแล้วว่ามันจำเป็นกับพวกเขา
แต่ไอ้หลังที่สามนี่สิครับ ผมกระอักกระอ่วนใจมากมาย จะไม่ช่วย ก็รู้สึกผิดอยู่ในใจยังไงไ่ม่ทราบ ไม่รู้จะอธิบายให้เพื่อนๆฟังยังไง เพราะไม่ใช่แต่แฟนที่ขอร้อง คุณแม่ของเขาก็มาขอร้องผม เหมือนผมเป็นหนทางเดียวแก่พวกเขา ผมไม่รู้จะปฎิเสธออกมาได้ยังไง ยอมรับว่าผมใจไม่แข็งพอจริงๆครับ
ขอน้อมรับทุกคำแนะนำจากเพื่อนๆ ทุกสิ่งที่ทุกท่านแนะนำมา ผมจะนำมาคิดให้ถี่ถ้วนที่สุดครับ
ตอนนี้มันตื้อๆมึนไปหมด จริงๆครับ
[SIZE="2"]
ขอบคุณมากครับคุณโกโก้ เป็นความคิดที่น่าสนใจอย่างยิ่งครับ
แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า ผมไม่ทราบเลย ว่าเค้ายื่นแบงค์ไหนไปแล้วบ้าง รู้แต่ว่า เตรียมยื่น 7 แบงค์
ซึ่งทางแบงค์เวลาโทรเช็ค มันโอนสายไปหาแฟนผม ผมจะรู้อีกทีก็ตอนที่เจอกับแฟนหรือโทรคุยกัน
ว่าแบงค์ไหนโทรมาแล้ว
เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ผมควรจะโทรไปแผนกสินเชื่อ เพื่อขอติดต่อผู้จัดการของทั้ง 7 แบงค์ที่ยื่นไปเลยอย่างนั้นหรือไม่ครับ
หรือรอก่อน ให้รู้แน่ว่าแบงค์ไหนติดต่อมาแล้ว ค่อยโทรไป อย่างไรดีครับ
อีกอย่างหนึ่ง
ถ้าหากว่าผมโทรเข้าไปที่บริษัทเครดิตบูโรเองเลย ทำทีว่าสงสัยว่าทำไม มีคนที่ยื่นกู้บ้าน 2 หลังในเวลาใกล้ๆกัน แล้วจะสามารถกู้ได้อีกหลัง แล้วบอกชื่อนามสกุลให้เค้าเช็คให้ อย่างนี้จะได้ไหมครับ
แต่เท่าที่ผมทราบ หากทาง 2 แบงค์แรกที่กู้ผ่านไปแล้ว ยังไม่ส่ง record ของผมเข้าไปที่บริษัทเครดิตบูโ่ร มันก็จะยังไม่โชว์ ใช่ไหมครับ
ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ
Originally Posted by cocoa
โทรไปที่แผนกสินเชื่อของแบ๊งค์ ขอติดต่อผู้จัดการ ที่ไม่ใช่เซลล์คนนั้น
บอกว่าโทรมาตามรายละเอียดเรื่องการยื่นกู้ บอกเค้าว่าเป็นห่วงว่าได้หรือเปล่า
เพราะปัจจุบันผ่อนอยู่สองหลัง...
ทางแบ๊งค์น่าจะพิจารณาเองได้ค่ะว่าควรหรือไม่
ขอบอกอีกที่ว่าเงินไม่เข้าใครออกใครนะคะ
เป็นแฟนกันสุดท้ายโดนกันไปหกเจ็ดหลักแล้วค่ะ
ส่วนตัวยังต้องผ่อนให้กับอดีตอยู่เลย ... ถือว่าทำให้เพื่อนน่ะ เฮ้อ
ห้ามเลียนแบบนะคะ ไม่ดีมากๆ กลายเป็นว่า เงินส่วนนี้ซื้อเพื่อนไปเลย
ได้แต่หวังว่า เค้าจะคืน จะได้ไม่รู้สึกแย่ต่อกัน
[SIZE="2"]
ที่คุณกล่าวมา แทบจะตรงกับความคิดของแฟนผมเลยครับ ว่างานนี้ไม่มีเสีย มีแต่จะได้ เพราะส่วนต่างที่ได้มาก็มาอยู่ อย่างน้อย 2 ล้าน ถ้าผ่อนไม่ไหว ขายไปก็ไม่เจ็บตัวมาก เพราะได้กำไรตั้งแต่ต้น
( เป็นเหตุผลที่แฟนผมยกมาอ้างบ่อยมากครับ )
แต่ผมเองไม่ชอบการเสี่ยงแบบนี้ครับ ผมบอกเค้าไปแล้ว แต่อย่างที่เรียนให้ทราบว่า เค้าก็ยังยืนยันจะให้กู้อยู่ดี บอกให้ลองกู้ดูก่อน ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
แต่ผมว่า มันจะกู้ได้น่ะสิครับ จะทำยังไงให้กู้ไม่ผ่านได้บ้างนี่
Originally Posted by Tanoy
[SIZE="2"]ว่
กรณีนี้ เราว่าคุณ จขกท ก็ยังไม่เสียอะไร มองว่ายังได้อยู่ เพราะเป็นคนกู้จริง แต่มีชื่อเป็นเจ้าของ คนผ่อนคือแฟน (เข้าใจถูกมั๊ยค่ะ) สมมติต่อไปแฟนส่งค่าผ่อนไม่ไหว แล้วคุณ จขกท ต้องผ่อนต่อจนหมด (ซึ่งก็น่าจะมีกำลังผ่อนอยู่) พอผ่อนจนหมด ก็เป็นสินทรัพย์ของคุณนั่นเอง แต่มีคนช่วยผ่อนระยะแรกให้ หรือถ้าแฟนผ่อนจนหมด คุณ จขกท ก็มีชื่อเป็นเจ้าของอยู่ดี จนกว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ให้แฟน
เรามองว่าคุณแฟนของ คุณ จขกท ก็ต้องรักและไว้ใจคุณมากเหมือนกัน คงไม่แพ้กันหรอกค่ะ เพียงแต่เค้าชอบเสี่ยง ชอบลงทุน
เอาอย่างนี้ดีมั๊ยคะ ลองประเมินสถานะการเงินของตัวเองดู ว่าถ้าจะต้องกู้ซื้อบ้านอีกหลังนึง ซึ่งเป็นหลังที่สาม เกิดว่าแฟนไม่สามารถผ่อนต่อได้ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร คุณ จขกท สามารถผ่อนเองต่อไหวมั๊ย ถ้าไหวและรักเค้ามาก ก็กู้ ถ้าไม่ไหวแต่รักเค้ามาก ก็กู้ (เพราะถ้าไหวแต่ไม่รักเค้า ก็ไม่รู้จะกู้ไปทำไม) ^ ^ เพราะถึงยังไงคุณจขกท ก็สามารถขายทิ้งได้นี่ค่ะ สมมติซื้อมา สี่ล้าน ราคาตั้ง หกล้าน คุณแฟนผ่อนไปได้ประมาณนึง สมมติ ห้าแสน คุณจขกท ขายไป สามล้านห้า ก็น่าจะไม่ยาก
เห็นใจ จขกท มากๆๆ
แต่สิ่งที่คุณทำอยู่มันเสี่ยงมากๆๆ
เราก็ไม่รู้ว่าคุณคบกันมานานรึยัง
แต่ก็น่าจะนานพอถึงกับไวใจกู้ให้สองหลังแล้ว
แต่ผมมองว่า Nothing last forever n
All good things come to an end.
ตอนนี้คุณมองเห็นว่าผลลัพท์มันอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีได้
และทำแล้วไม่สบายใจ แถมยังต้องเสียเงินเสียทองด้วย
แต่ถ้าคุณยังปล่อยหรือตัดสินใจทำ
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณคือคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบใน
การตัดสินใจของตัวเอง โทดใครไม่ได้แล้ว
แล้วถ้าเลิกกันจะเกิดอะไรขึ้น คิดดีๆนะ
Originally Posted by oatachi
ขอบคุณมากครับคุณโกโก้ เป็นความคิดที่น่าสนใจอย่างยิ่งครับ แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า ผมไม่ทราบเลย ว่าเค้ายื่นแบงค์ไหนไปแล้วบ้าง รู้แต่ว่า เตรียมยื่น 7 แบงค์ ซึ่งทางแบงค์เวลาโทรเช็ค มันโอนสายไปหาแฟนผม ผมจะรู้อีกทีก็ตอนที่เจอกับแฟนหรือโทรคุยกัน ว่าแบงค์ไหนโทรมาแล้ว เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ผมควรจะโทรไปแผนกสินเชื่อ เพื่อขอติดต่อผู้จัดการของทั้ง 7 แบงค์ที่ยื่นไปเลยอย่างนั้นหรือไม่ครับ หรือรอก่อน ให้รู้แน่ว่าแบงค์ไหนติดต่อมาแล้ว ค่อยโทรไป อย่างไรดีครับ อีกอย่างหนึ่ง ถ้าหากว่าผมโทรเข้าไปที่บริษัทเครดิตบูโรเองเลย ทำทีว่าสงสัยว่าทำไม มีคนที่ยื่นกู้บ้าน 2 หลังในเวลาใกล้ๆกัน แล้วจะสามารถกู้ได้อีกหลัง แล้วบอกชื่อนามสกุลให้เค้าเช็คให้ อย่างนี้จะได้ไหมครับ แต่เท่าที่ผมทราบ หากทาง 2 แบงค์แรกที่กู้ผ่านไปแล้ว ยังไม่ส่ง record ของผมเข้าไปที่บริษัทเครดิตบูโ่ร มันก็จะยังไม่โชว์ ใช่ไหมครับ ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ ^
^
^
แนะนำว่าให้โทรไป เครดิตบูโรนะคะ บอกว่าสงสัยและกังวลว่ายื่นกู้ผ่านไปแล้วสองหลัง ทำไมเครดิตไม่ขึ้น มีปัญหาอะไรหรือเปล่า และรบกวนให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วย update ข้อมูลด้วย ทำเป็นว่ากังวลว่าเรามีปัญหาอะไรไหมอ่ะค่ะ ที่ record ไม่ขึ้น เค้าน่าจะ update ให้ค่ะ และบอกเค้าว่าอาจจะมีการกู้เพิ่มขึ้น ซึ่งคุณในฐานะเป็นเจ้าของบัญชีมีความกังวลว่า ทางแบ๊งค์อาจจะพิจารณาอนุมัติได้ไม่ตรงตามความเป็นจริงค่ะ ลองดูนะคะ ยังงัยถ้าท่าทีดูไม่ดี เอกสารบางอย่างลองทำเป็นเซ็นต์ไม่ครบ หรือเขียนผิด อะไรแบบนี้ไปก่อนมั้ยคะ เตะถ่วงไปก่อน ปล. คนเราเลือกที่จะอยู่ร่วมกัน ต้องรู้จักแบ่งปันกัน ไม่ใช่เป็นภาระให้กันอ่ะค่ะ
เข้าใจ จขกท ค่ะ แต่ยังไงรักเค้ามากก็ต้องรักตัวเองด้วยนะค่ะ เพราะภาระทั้งหมดถ้าเผื่อเกิดอะไรขึ้นมันจะตกมาอยู่ที่คุณคนเดียว เราเองปัจจุบันก็ใช้ชื่อผ่อนรถให้ที่บ้านแฟนอยู่ 2 คน แต่เวลาที่เค้าติดค้างชำระ ส่งล่าช้าเนี่ย เราจะโดนเต็ม ๆ ค่ะ เลยขอให้คิดให้ดีเครดิตขอเรา เราสร้างมา ก็ไม่อยากให้มันเสียไปง่าย ๆ หลัง ๆ ทางครอบครัวเค้าจะมาให้ทำให้กู้ไรเนี่ย จะทำไม่สนใจแล้ว เข็ด เสียจิตเวลาคนโทรมาทวงหนี้ที่ไม่ได้ก่อนะค่ะ
สู้ ๆ ไม่ต้องเครียดนะ
Originally Posted by oatachi
ที่คุณกล่าวมา แทบจะตรงกับความคิดของแฟนผมเลยครับ ว่างานนี้ไม่มีเสีย มีแต่จะได้ เพราะส่วนต่างที่ได้มาก็มาอยู่ อย่างน้อย 2 ล้าน ถ้าผ่อนไม่ไหว ขายไปก็ไม่เจ็บตัวมาก เพราะได้กำไรตั้งแต่ต้น( เป็นเหตุผลที่แฟนผมยกมาอ้างบ่อยมากครับ ) ขอออกความเห็นในมุมอื่นนะคะ เพราะไม่มีความรู้เรื่องกระบวนการกู้เงิน
คือ มลพยายามอ่านทบทวนหลายรอบแล้ว ในส่วนที่ทำตัวอักษรสีแดงไว้ คิดว่า แฟนของคุณ oatachi ต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ๆเลย ที่บอกว่า
งานนี้ไม่มีเสีย มีแต่จะได้ เพราะส่วนต่างที่ได้มาก็มาอยู่ อย่างน้อย 2 ล้าน ถ้าผ่อนไม่ไหว ขายไปก็ไม่เจ็บตัวมาก เพราะได้กำไรตั้งแต่ต้น 2 ล้านที่ได้มา จะเป็นกำไรได้ยังไง ในเมื่อวงเงิน 2 ล้านนี้มันคือ เงินที่เราได้มาจาก "การกู้" ไม่ใช่หรอคะ แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาฟรีๆ ดอกเบี้ยก็คำนวนตามวงเงินที่ขอกู้ไป ถ้าขอ 4 ล้าน (เท่ากับราคาบ้าน) ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายสำหรับการผ่อนชำระต่อเดือน ก็ย่อมต้องน้อยกว่า ยอดเงินกู้ 6 ล้าน แล้วตรงไหนที่เรียกว่า กำไร คะ แต่ถ้าราคาบ้าน 4 ล้าน ซื้อมาแล้วสามารถขายต่อได้ 6 ล้าน แบบนี้สิ เรียกว่า ได้กำไร 2 ล้าน ลองอธิบายให้คุณแฟนเข้าใจ ในมุมนี้ ดีๆ อีกซักครั้ง ดีกว่ามั้ยคะ เพราะเงินที่เรากู้เกินมา นอกเหนือจากความจำเป็นที่เราต้องใช้ ถึงแม้จะไม่ได้ใช้ แต่ถ้าออกมาจากแบงค์เข้าบัญชีเราแล้ว ดอกเบี้ยก็เริ่มคำนวนตั้งแต่วันนั้นเลยนะคะ แล้วเราจะเพิ่มหนี้สินให้ตัวเองอีกทำไม สู้กู้เท่าที่จำเป็นต้องใช้ไม่ดีกว่าเหรอคะ ภาระการผ่อนชำระต่อเดือน ก็ต่างกันมาก ระหว่างวงเงินกู้ 4 ล้าน กะ 6 ล้านเนี่ย ลองให้เค้าคำนวนรายรับ-รายจ่ายของตัวเองให้ดีๆอีกซักครั้งดีกว่าค่ะ หรือจะบอกว่า
ถ้าผ่อนไม่ไหวก็ขาย >>>>
อยากให้คิดเผื่อนิดนึง ว่าบ้านราคา 4 ล้าน อาจจะไม่ได้ขายได้ง่ายๆ เหมือนกับ ขายกระเป๋า หรือ ขายเสื้อผ้า เพราะถ้ามันดีจริงๆอย่างที่แฟนคุณว่า ป่านนี้คงมีนายหน้า หรือ คนอื่นมาซื้อตัดหน้าไปแล้วค่ะ ส่วนถ้าคิดว่าจะขาย ตอนจะขาย ก็ขึ้นอยู่กับว่าราคาประเมินของที่ดินในโซนนั้นๆ รวมถึงลักษณะของสิ่งปลูกสร้างที่มากะที่ดินนั้นอีก อยากให้คุณ oatachi คิดให้รอบคอบอีกครั้งนะคะ เพราะทุกอย่างมันเป็นชื่อของเรา อย่าบอกว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย เค้า (แฟน, เซลล์, เจ้าของบ้าน) จัดการเองหมด ไม่ได้นะคะ คุณจำเป็นต้องรับรู้ทุกขั้นตอนค่ะ เพราะถ้าเกิดปัญหาอะไร คนที่ต้องรับภาระ ไม่ว่าจะทางธุรกรรม หรือ นิติกรรม ก็คือ คุณ นะคะ ไม่ใช่พวกเค้า แล้วถึงตอนนั้นคุณจะมานั่งปฏิเสธว่าไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้แล้วค่ะ เพราะทุกอย่างมันมีหลักฐาน ภายใต้ชื่อของคุณหมดเลย เอาใจช่วยนะคะ เข้าใจว่าคุณ oatachi คงเครียด และกลุ้มใจมาก ยังไงก็พยายามคิดไตร่ตรอง และพยายามยื้อเวลาในการยื่นเรื่องให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะได้ทำ เผื่อทางแฟนคุณจะยอมรับฟังเหตุผลบ้าง
เข้าใจคะ ว่ารักเค้ามาก ยังไงให้รักตัวเองและครอบครัวให้มาก ๆ นะคะ เงินนะ ไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งไปค้ำประกันให้เนี้ย เสียว จิง ๆ คะ เป็นกำลังใจให้คะ ^ ^
เซ็นเอกสารไม่ครบ หรือเซ็นไม่เหมือน ก็ช่วยถ่วงเวลาได้ค่ะ แม่เราเคยทำ เคยเซ็นเชคให้ไม่เหมือน จงใจให้ทางธนาคารโทรมาตรวจสอบ แล้วก้บอกให้อายัดเชคไว้ก่อน เพราะสงสัยพฤติกรรมแม่ค้าขายเพชร ถ่วงเวลาไว้ก่อน (ก็ปรากฏว่าแม่ค้าเพชรคนนั้นหายหัวไปเลยจริงๆ)
อยากให้คิดดีๆนะคะ
ทั้งผลดี ผลเสีย
หากทีหลังมีอะไรเกิดขึ้นมาในภายภาคหน้าคนที่จะต้องรับผิดชอบทั้งหมดคือคนกู้นะคะ หนี้ไม่ใช่น้อยๆ
รักแฟน แต่ต้องรักตัวเองด้วยน้า
พยายามคุยกะแฟนด้วยเหตุผลนะคะ
คิดก่อนทำมากๆค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
โหยยยย เรืองใหญ่ไม่ใช่น้อย...
จริง ๆ ก็น่าจะหันหน้าคุยกัน แต่ก็เข้าใจคุณค่ะ พูดไม่ออก
เอาแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น ก็ทำให้กู้ไม่ผ่านอย่างที่คุณอยากได้
แต่แหม ต้องภายในสิ้นเดือนนี้อาจจะลำบาก
วิธีง่ายแสนง่าย ใช้บัตรเครดิตค่ะ สักก้อนหนึ่ง
แล้วก็ไม่จ่าย แค่นี้ก็ถูกสงสัยแระ ธ.ก็จะตีเรื่องกลับ
หรือเรียกคุย เพราะบางทีถ้าประวัติเดิมเคยชำระดีมากมาก แล้วมีค้างงวดเดียวเนี่ย
เค้าอาจจะเรียกคุยเพิ่ม แต่บาง bank ก็ไม่สน
ถือว่า black list เลยก็ต้องรอล้างเครดิต 6 เดือนเลย
อีกอย่าง ตอนนี้คุณมีชื่ยื่นกู้สองหลัง ราคาก็โขอยู่
ถ้า update ข้อมูลได้ ถึงแม้คุณไม่ได้ผ่อนเอง
แบงค์ไม่สนค่ะ ดูแค่ว่า ยอดผ่อนชำระ
เกินรายได้ครึ่งหนึ่งของคุณหรือไม่
เค้าดูยอดผ่อนทุกอย่างนะคะ ทั้งรถ บ้าน
และแบงค์ก็ไม่สนว่าคุณจะกู้กี่หลังกี่อย่าง
เค้าดูยอดเงินงวดที่ต้องผ่อนทั้งหมด ไม่เกิน 50%(บางแบงค์อาจจะ 40%)
ลองดูอ่ะ ไม่รู้ช่วยไรได้บ้างไหม
My salary is also around 100,000 THB (2500 Euros)
Is it enough for 2 houses and 1 car? If yes, it's JUST enough.
U will never know may be in the future u may really need money for something else.
Can u say to him that it's too risky and the only concern is about him. It may be too much for him.
Or jus try to delay the process ka.
If u love him, pls try ur best to keep him away from this.
First it's illegal. Second, U never knows and u cannot just trust the money from the future.
TODAY he may not realize, one day he will ka.
เพื่อนเราก็เป็นคล้ายๆ แบบคุณค่ะ
เค้ายอมทุกอย่าง จนไม่มีจะให้แล้ว ต้องยืมเงินเราใช้ บางทีการที่เรา
นึกถึงตัวเองก็ไม่ได้ หมายความว่าเราเห็นแก่ตัวน่ะ
ยังไง เอาใจช่วยน่ะค่ะ
อ่านแล้วเครียดแทนเลยค่ะ เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใครจริงๆอย่างที่คห.บนๆบอก
ครั้งนี้พยายามอย่าไปกู้ให้เค้าอีกเลยนะคะ เอาใจช่วยค่ะ มีอะไรคืบหน้ามาเล่าให้ฟังนะคะ
เข้ามาเอาใจช่วยนะคะ
ไม่มีความรู้ด้านนี้จริงๆค่ะ
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
สู้..สู้..ไฟท์ติ้ง
เรื่องเงินเนี่ยพูดยากค่ะ
ขนาดเป็นพี่น้องยังโกงกันเลยค่ะ
แต่ถามว่า ถ้าจะให้ดีนะคะ
ต้องกู้ร่วมดีที่สุดค่ะ
เข้าใจค่ะว่ารักเค้ามาก ถ้าปฏิเสธก็กลัวเค้าโกรธ
อ่านความเห็นเพื่อนๆมาเยอะและ
ความเห็นมุกนะ อยากรู้จังว่า sa ได้ค่าคอมฯเท่าไหร่
คุณ othachi ก็ลองเสนอให้เงินเค้าดูให้เค้าทำเป็นกู้ไม่ผ่านบ้างอ่ะค่ะ
คิดว่าน่าจะถนอมน้ำใจแฟนคุณมากที่สุดค่ะ
เฮ้อ..คิดเยอะไปมั้ยเนี่ย