ทู้นี้เป็นทู้ระบายความในใจโดยเฉพาะเลยค่ะ ขออภัยเพื่อนๆก่อนเลย ถ้าอ่านแล้วจะไม่ชอบใจนะคะ
ปกติเราจะเข้าห้ิองขายของบ่อยสุด เข้าไปดูของสวยๆงามๆราคาดีๆ ขอบอกว่าราคาที่ขายใน SBN นี่เลิศที่สุดแล้วค่ะ คิดว่าเป็นเพราะส่วนใหญ่เป็นเพื่อนๆที่เอาของส่วนตัวมาขาย ไม่ได้กะเก็งกำไร แต่เหมือนการแลกเอาของที่ไม่ได้ใช้แล้วกับของใหม่ๆ
วันดีคืนสยอง เราเข้าไปดูห้อง show off เล่น ก็โฉบมาเรื่อยๆ ยิ่งแวะเข้าทู้นั้น ออกทู้นี้ ความเครียดก็เริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ ในหัวเรามีแต่คำถาม ทำไมๆๆๆๆ
- ทำไมแฟนเพื่อนคนนี้ใจดีจัง ซื้อกระเป๋าใบละตั้งหลายหมื่นให้แฟนในหลายๆโอกาส วันเกิดเอย ปีใหม่เอย วันครบรอบที่เป็นแฟนกัน etc... ปีๆนึงก็ร่วมแสนแน่ๆ ในขณะที่แฟนเราไม่เห็นเคยซื้อของแบบนี้ให้เราเลย มีแต่บอกให้ขายๆทิ้งบ้างสิ เธอมีแค่ 2 แขน จะมีกระเป๋าไป 3-4 ใบทำไม
- ทำไมคุณแม่เพื่อนคนนี้น่ารักจังซื้อนาฬิกาให้เรือนตั้งเป็นแสน หม่ามี๊เราวันเกิดก็มีแต่ไปกินข้าวกุ๊งกิ๊งกันในครอบครัว
- ทำไมเพื่อนคนนี้รวยจัง มี Balenciaga ตั้งเป็น 10 ใบแน่ะ โห..คนนี้สิ มี Hermes ตั้ง 6 ใบแน่ะ ดูเราสิ มี LV แค่ 2 ใบกับก๊องแก๊งๆอีกหน่อยเอง
บอกตรงๆว่าตื่นตาบวกอิจฉาค่ะ คิดแต่ว่าทำไมเราไม่มีตังค์เยอะๆเอาไว้ซื้อทุกอย่างที่เราอยากได้บ้าง ทำไมเราต้องคิดแล้วคิดอีกก่อนที่จะซื้อกระเป๋าซักใบ ทำไมของขวัญวันเกิดที่เราได้มีแต่การออกไปกินข้าวนอกบ้าน กับล๊อตเตอรี่ 1 คู่จากคุณป้าเราสองคน (เรื่องจริงค่ะ ป้าเราเค้าเน้นให้ไปเสียงดวงเอาเอง) 'แต่'.....ทุกอย่างอยุดลงเมื่อเราคิดถึงเจ้าตัวเล็กกับคุณแม่เราค่ะ คิดว่าเงิน 4-5 หมื่นที่จะซื้อกระเป๋า LV หรือ Balen ในฝันสามารถกลายเป็นเงินเรียนหนังสือของเจ้าตัวเล็กได้เป็นเทอมๆ ซื้อนม ซื้อผ้าอ้อมได้เกือบปี เราจะเอาเงินที่ต้องเก็บตั้งนานมาซื้อของใช้สนองกิเลสความอยากได้อยากมีตัวเองแทนที่จะเก็บไว้เป็นอนาคตของลูกเหรอ แม่เราเอง ในชีวิตก็ไม่เคยมีกระเป๋าใบละเป็นหมื่นใช้ แม่ไม่เคยอยากได้อะไรจากเราเลย แม่บอกว่าแค่เห็นเรากับครอบครัวอยู่ดีมีความสุข แม่ก็มีความสุขที่สุดแล้ว (แอบน้ำตาซึม)
ไม่มีอะไรจะพูดถึงสามีนะคะ ไม่มีความประทับใจอะไรกับหมอนี่เลยค่ะ -_-
พอคิดอย่างนี้ ความอยากได้อยากมีก็ปลิวหายไปเลยค่ะ ตอนนี้เราเข้าใจเลยว่า เวลาคนเราพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีแล้วมันจะสงบและมีความสุขขึ้นยังไง :)
หวังว่าที่เราเขียนคงไม่ได้ทำให้เพื่อนๆท่านไหนขุ่นใจนะคะ เราเชื่อว่าทุกคนรู้ limit ของตัวเอง ท่านไหนมีน้อยก็ซื้อน้อย มีกำลังซื้อมากก็ซื้อมาก แล้วก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ยังไงมีของสวยๆงามๆก็เอามาแบ่งกันดูนะคะ :)
ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ครับ ขอนำรูปมาลง เพื่อให้กระทู้นี้ สามารถโชว์รูปที่หน้าเวบได้ ครับ
ขอบคุณภาพจากลิงก์ http://www.bloggang.com/data/loongadd/picture/1212576007.jpg ครับ
ขออภัยครับ หากรูปที่เรานำมาไม่เหมาะสม และขอชวนเจ้าของกระทู้เข้ามาแก้ไขได้ครับ
ในหลวงเคยตรัสเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงไว้ว่า
คำว่าพอเพียงของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน พอเพียงไม่ใช่การกัดก้อนเกลือกิน
แต่เป็นการอยุ่ได้ด้วยตัวเอง พึ่งพาตัวเอง โดยไม่เดือดร้อนถึงผู้อื่น
ตราบใดที่เราซื้อกระเป๋า ต่อให้ไปละเป็นล้าน แต่ถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
ไม่ต้องให้ลูกเดือดร้อน เพราะไม่มีตังค์จ่ายค่าเทอม
ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน เพราะเงินหมด
คือเรามีเงินอย่างพอเพียงที่จะใช้จ่ายในแบบของเรา
ผมว่านั่นแหละครับ เป้นคำตอบที่ดีที่สุด
เพราะตัวผมเองยังเรียนอยู่ และไม่มีรายได้ของตัวเอง
ตอนนี้มีกระเป๋าหลุยส์ ก็แค่ใบเดียว นอกนั้นก็ลองชอม
ผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อมาหลายใบ ให้มันมากองเต็มบ้าน
ใบไหนไม่ได้ใช้ก็ขายไป รอทำงานหาเงินก่อนครับ ความพอเพียงของตัวเองถึงจะเริ่มขยับขยาย
อิอิ
ไม่แปลกค่ะ คนเราอยากได้ เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเราไม่เดือดร้อนใครก็ไม่ผิดค่ะ
เราเข้าไปดูก็เกิด กิเลส มาก แบบอย่างมาก จนบางทีก็ซื้อตาม เห็นแล้วชอบ แต่ดันไม่ใช้
เพราะไม่ค่อยได้ไปไหน ทำงานก็ใช้อยู่ใบเดียว บางทีมีไปมากๆ ก็ไม่ได้ใช้จริงๆ ก็ไม่คุ้มค่ะ
แต่ถ้ารวยซื้อมาสะสม ก็ได้ค่ะ แต่ยังไม่รวย อิๆๆ ต้องเลี้ยงลูก อ้วนๆ เลยช๊อปมากไม่ได้ ตอนที่เข้า
my lv ทีแรก ลูกยังไม่เกิด ก็ซื้อแบบไม่ต้องคิด เคยซื้อเดือนเดียว หมดไป เป็นแสน ตอนนี้ ก็ขาย
มันจะหมดแล้ว เอาเงินมาเลี้ยงลูก แล้วก็ใช้ แต่ใบที่เราชอบจริงๆ ตอนนี้ถ้าไม่ชอบจริงๆ ไม่ซื้อ เพราะ
ไม่สามารถ ซื้อได้บ่อยๆ ซื้อ lv ที่นี้ ปลอดภัย สวย สมราคา และ แม่ค้า น่ารักทุกคนค่ะ
ชอบความเห็นคุณมุกจังเลยค่ะ...ตรงดีค่ะ
[SIZE="3"]ทู้นี้เป็นทู้ที่ดีมากเลยค่ะ เพราะเชื่อว่าไม่ได้มีแค่คุณมุกคนเดียว
หรอกที่รู้สึกแบบนี้ ซึ่งมันก้อไม่แปลกเพราะเราๆท่านๆล้วนมีกิเลสกันทุกคน จริงมั้ย
[SIZE="3"]เราอยากบอกคุณมุกว่า อย่าเชื่อไปเสียทุกอย่างที่เห็น
ไม่ได้จะบอกให้มองโลกในแง่ร้ายนะ แต่ว่าให้มองในความเป็นจริงและมองเผื่อไว้บ้าง
[SIZE="4"]ในinternetใครจะเขียนอะไรลงไปก็ได้ ใครจะถ่ายรูปอะไรลงไปก็ได้
[SIZE="4"]บางทีของชิ้นนั้นอาจจะไม่ใช่ของขวัญจากแฟนก็ได้ เค้าอาจจะซื้อเอง แต่เค้าอยากเขียนลงไปว่าแฟนซื้อให้ เราไม่มีทางรู้...
บางทีกระเป๋าที่เค้าเอามาshowอาจจะไม่ใช่ของเค้าเองก็ได้ แต่เค้าอยากจะเอามาลงว่าเป็นของเค้า เราไม่มีทางรู้ อีกเหมือนกัน...
หรือ ของเหล่านั้นอาจจะเป็นของขวัญจากแฟนเค้าจริงๆ กระเป๋าใบสวยพวกนั้นเป็นของเค้าทั้งหมดทุกใบจริงๆก้อได้ แต่ก็อย่าลืมว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างหรอก
คนที่รวยที่สุดในโลก ไม่ใช่= คนที่มีความสุขที่สุดในโลก
เพราะฉะนั้นคนที่มีกระเป๋ามากที่สุด ก้อไม่ใช่= คนที่มีความสุขที่สุดแน่นอน
และขอฝากอะไรนิดหน่อยนะคะ เผอิญเราไม่รวยแต่งานที่เราทำต้องประสานงานใกล้ชิดกับคนรวยๆ
หลายๆคนที่เรารู้จัก ซื้อของพวกนี้เพื่อชดเชยบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไปในชีวิตเค้า
แต่เพราะสิ่งของพวกนี้มันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง มันเลยทำให้พวกเค้าต้องซื้อไปเรื่อยๆๆๆ
เคยมีเพชรเม็ดละ5กะรัต ก็อยากจะมี 6-7-8-9-10 ไม่มีที่สิ้นสุด
วัตถุ นำความสุขมาให้เรา ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นแหล่ะค่ะ
ความอยากหรือกิเลสก็เหมือนเชือกเส้นยาวที่ไม่มีที่สิ้นสุดถ้าเราไม่รู้จักตัด มันจะไปได้เรื่อยๆๆๆๆ
และมัดตัวเราเองในที่สุดค่ะ
[SIZE="4"]สิ่งสำคัญเลย คือ พอใจในสิ่งที่เรามี เราเป็น และจำไว้เลยนะคะว่า..คนที่คุณเห็นเค้าถือกระเป๋าแพงๆ ใส่นากาแพงๆๆ
ใส่เพชรตู้มๆๆ เค้าไมได้มีความสุขไปกว่าคุณนักหรอก เชื่อซิ ;)
อ่านกระทู้นี้แล้วสอนใจดีจัง
เหมือนกับอ่านแล้วย้อนดูตัวเองว่าเราพอใจกับสิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเปนรึยัง??
ถ้ายังมานก็ไม่มีความสุขจิงๆหรอกคะ
จิงอยู่ที่เวลาได้นู่นได้นี่ มีนู่นมีนี่แล้วจารู้สึกมีความสุขก่ามานมาก...
แต่มานก็แค่แปบเดียว ถ้าเรายังเปนคนไม่รู้จักพออยู่เด๋วก็ต้องไปหาใบใหม่แระ
จิงมั้ยค่ะ!! แล้วอย่างงี้เมื่อไหร่จ่สิ้นสุด
เห้อ.....ต้องรู้จักพอใจและมีสติค่ะ
โห!!วานนี้เขียนเปนทางการจิง (เพราะเราก็ต้องตัดกิเลศให้ได้...พยายามอยู่...)
เห็นด้วยนะคับ ว่าคนเราต้องรู้จักพอใจสิ่งที่เรามีค๊าบ อย่างไรก็ดีลองอ่าน กฎ และ วัตถุประสงค์ของห้อง show off ดีๆ นะคับ หน้าห้องเขียนว่า................
Show Off : ห้อง อาหารตาซื้ออะไรมาใหม่ ไปชอปอะไรกันมา ของแบรนด์เนมสวยๆจะมือหนึ่ง หรือ มือสอง เอามาแบ่งกันดูด่วนๆค่ะ
นอกจากนี้มีกระเป๋าใบไหนซื้อมาน่าใช้ดีไม่ดียังไงแวะมารีวิวกันที่นี่ค่า จะได้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆค่ะ กฎห้องอาหารตานะครับ http://forum.siambrandname.com/showthread.php?t=19585 [SIZE=7]
เด่นขอยก ข้อแรก มานะค๊าบกฏของการให้ห้อง Show Off : ห้อง อาหารตา กรุณาอ่านก่อนโพสค่ะ 1 บอร์ดนี้ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเอาไว้โชว์นะคะ ใครขี้อิจฉา หรือจะเข้ามาหมั่นไส้คนโพสก็เชิญออกจ้า แต่อย่างไรก็ตามแอ๊นไม่อยากให้เป็นห้องเอาไว้โชว์ของอย่างเดียว เพราะอยากให้เกิดประโยชน์ คืออย่างน้อย อยากให้เพื่อนๆช่วยเขียนอย่างน้อยก็ ชื่อรุ่น และ สี ด้วยค่ะ จะได้เก็บเป็นreferenceข้อมูลได้และเกิดประโยชน์ค่า นอกจากนี้ความตั้งใจของห้องนี้คือ คือให้รีวิวสินค้าด้วย ซือมาหนึ่งชิ้นก็เชิญมารีวิวกันได้ค่ะ(การใช้งาน ดีไม่ดียังไง ถือแล้วดูเปนยังไง) และนั่นล่ะ เกิดประโยชน์มากมายที่สุดแน่นอน อ่านกฎ ทำความเข้าใจเจตนารมณ์ของเวป และห้องต่างๆ ก่อนตั้งกระทู้ หรืออ่านกระทู้นะคับ
ชอบๆๆๆ ตรงดีๆๆๆๆๆๆ......แอบอิจฉาแล้วนึกอยากได้บ่อยๆ เลย....แหละ....
คิดไปคิดมา...อุ้ย! chanel สวยจัง...โอ้ย เท่าค่าหน่วยกิตช้านเลย...ต้องหักดิบก่อน....ไม่งั้น กรอบแกรบ...
ถ้าคุณกำลังท้อแท้ ลองอ่านนี่ดู . .
ถ้าโกรธกับเพื่อน. . . มองคนไม่มีใครรัก
ถ้าเรียนหนัก ๆ . . . มองคนอดเรียนหนังสือ
ถ้างานลำบาก . . . มองคนอดแสดงฝีมือ
ถ้าเหนื่อยงั้นหรือ . . . มองคนที่ตายหมดลม
ถ้าขี้เกียจนัก . . . มองคนไม่มีโอกาส
ถ้างานผิดพลาด . . . มองคนไม่เคยฝึกฝน
ถ้ากายพิการ . . . มองคนไม่เคยอดทน
ถ้างานรีบรน . . . มองคนไม่มีเวลา
ถ้าตังค์ไม่มี . . . มองคนขอทานข้างถนน
ถ้าหนี้สินล้น . . . มองคนแย่งกินกับหมา
ถ้าข้าวไม่ดี . . . มองคนไม่มีที่นา
ถ้าชีวิตแย่ . . . มองคนที่แย่ยิ่งกว่า
อย่ามองแต่ฟ้า . . .ที่สูงเกินตาประจักษ์
ความสุขข้างล่าง . . . มีได้ไม่ยากเย็นนัก
เมื่อรู้แล้ว . . . จัก . . . ภาคภูมิชีวิตแห่งตน
บางทีเราก็เข้ามาชมเป็นอาหารตา อาหารใจ ให้หัวใจชุ่มชื่น
แล้วก็จากไป เพราะตังค์ไม่มีค่ะ กร๊ากก
ก่อนหน้านี้ลูกยังไม่โต ก็ซื้อไปเรื่อย ตอนนี้ก็ใช้แบบที่มีค่ะ ก็สวยดี
ตอนนี้ต้องเก็บตังค์ไว้ให้ลูกเรียนเหมือนกันค่ะ ค่าเทอมเด็กอนุบาล นี่ แพ๊ง แพง
8)8)8)
บอกตรงๆว่าก็แอบคิดเหมือนคุณมุกเหมือนนะคะ แต่ว่าเราไม่คิดนานนะคะ เดี๋ยวต่อมอิจฉาทำงานจะเสียสุขภาพจิต ส่วนตัวเรื่องกระเป๋าราคาเป็นหมื่นเก็บเงินซื้อจากเงินที่เหลือเก็บ (งงมั้ยค่ะ) แบ่งเก็บเป็น 3 ส่วนอ่ะคะ
ส่วนที่ 1. เงินเก็บเพื่อสำรองกิจการ
ส่วนที่ 2. เก็บไว้แบงค์ เผื่อ ฉุกเฉิน
ส่วนที่ 3. เอาไว้ซื้อของที่อยากได้ (ส่วนนี้เงินไม่ร้อนคะ เงินเย็นๆ :rolleyes:) อาจจะซื้อได้ไม่บ่อยเท่าที่ใจอยากได้ แต่ซื้อมาแล้วไม่กระทบเงินส่วนอื่นๆ ไม่เดือดร้อน และนั้นทำให้เราสุขใจและ HAPPY กับของที่ซื้อมา
คำจำกัดความของคำว่าพอเพียง
ในเเต่ละคนมันไม่เท่ากันอ่ะ
มีมากใช้มาก มีมากใช้น้อย เเล้วเเต่จะว่ากันไป ไม่เดือดร้อน
*มีน้อยใช้น้อย (แบ่งเหลือเก็บได้ ไม่เดือดร้อน)= พอเพียง
*แต่มีน้อยแล้วใช้มาก(ไม่เหลือเก็บ)=ไม่พอเพียง ทุกข์ใจ
กระวนกระวาย อยากด้ายๆๆๆ.............
-----
อันหลังมีตัวอย่างให้เห็นชัดเจน
v
v
ข้าเจ้าเอง ฮี่ๆ
(ดีนะที่ยังไม่มีเบ่บี๊กะเค้า)
มีเเต่เจ้าตัวเนี๊ยยยย
V
V
ต้องขอบคุณทุกความเห็นด้านบนมากเลยค่ะ ยิ่งอ่านแล้วทำให้มองตัวเองแล้วมีความสุขขึ้นเยอะ
ตั้งแต่เข้ามา SBN ใหม่ ๆ ก็ตื่นตาตื่นใจเหมือนเพื่อน ๆ อ่ะค่ะ วัน ๆ คืน ๆ ไม่ยอมหลับยอมนอน
แต่พอดูไป ดูไปเรื่อย ๆ ห้องที่เข้าดูจะไม่ใช่ห้องซื้อขายอย่างเดียวแล้ว แต่แชร์ไปดูเพื่อน ๆ
เวลามีเรื่องอะไรมาเล่า หรือมาคุยกันเรื่องอื่น ๆ ข้อคิดดี ๆ แล้วมีคนเข้ามาตอบ เหมือนอย่างกระทู้นี้ค่ะ
ทุกคนเป็นเพื่อนกันหมด ถึงแม้จะไม่ได้เห็นหน้ากัน ไม่รู้จักกัน แต่มีมิตรภาพที่รู้สึกได้ ...จริงไหมคะ
เคยเซ็งตัวเองเหมือนกันนะคะ เคยบอกสามีว่าอยากซื้อกระเป๋าสักใบ
*แต่เขาบอกว่าถ้าซื้อกระเป๋าแพงขนาดนั้น ยูซื้อนาฬิกาดี ๆ ได้เลยนะ ...อือ...จริง
*ตั้งแต่อยู่มาไอ ไม่เคยเห็นยูให้ความสำคัญกับกระเป๋าเท่าไหร่นะ เห็นใช้ไม่เคยรักษา ...เออ...จริง
*แล้วยูใช้ กระเป๋าใบหลายหมื่น ยูคิดว่าคนอื่นเขาจะรู้ไหมว่ายูใช้ของจริง ยูรู้อยู่คนเดียว ...มันจริง...ใช่ไหมอ่ะ
*แล้วยังบอกอีกว่า กระเป๋าใบนึง ซื้อทองเก็บไว้ได้ตั้งหลายบาทน้า....o_o...เออ...ใช่อีกละ
+_+ แต่ฉันก็ยังอยากได้นะเฟ้ย....+_+
(อ่านแล้วอย่าเครียดแทนเค้านะ ให้เค้าเครียดคนเดียวก็พอละ ขำ ๆ เน้อ....อิ...อิ)
ไม่ค่อยได้เข้าห้องอาหารตาบ่อยค่า แต่ว่าชอบห้องพูดคุยเกี่ยวกับสินค้าแบรนด์เนม :D
เราโชคดีอย่าง อิอิ เห็นก้อไม่อยากได้อ่ะ ชมแค่สวยๆแล้วก็ผ่านไป เพราะคิดว่าไงก็ม่ายช่ายของๆเรา พอใจกับสิ่งที่มีอยู่ค่ะ มีบ้างที่เห็นว่า โอว้ สวยจางเรยอยากได้ แต่แวบนึงก็หายอยากค่ะ
Originally Posted by meandu
ทู้นี้เป็นทู้ที่ดีมากเลยค่ะ เพราะเชื่อว่าไม่ได้มีแค่คุณมุกคนเดียวหรอกที่รู้สึกแบบนี้ ซึ่งมันก้อไม่แปลกเพราะเราๆท่านๆล้วนมีกิเลสกันทุกคน จริงมั้ย เราอยากบอกคุณมุกว่า อย่าเชื่อไปเสียทุกอย่างที่เห็น ไม่ได้จะบอกให้มองโลกในแง่ร้ายนะ แต่ว่าให้มองในความเป็นจริงและมองเผื่อไว้บ้าง ในinternetใครจะเขียนอะไรลงไปก็ได้ ใครจะถ่ายรูปอะไรลงไปก็ได้
บางทีของชิ้นนั้นอาจจะไม่ใช่ของขวัญจากแฟนก็ได้ เค้าอาจจะซื้อเอง แต่เค้าอยากเขียนลงไปว่าแฟนซื้อให้ เราไม่มีทางรู้...
บางทีกระเป๋าที่เค้าเอามาshowอาจจะไม่ใช่ของเค้าเองก็ได้ แต่เค้าอยากจะเอามาลงว่าเป็นของเค้า เราไม่มีทางรู้ อีกเหมือนกัน...
หรือ ของเหล่านั้นอาจจะเป็นของขวัญจากแฟนเค้าจริงๆ กระเป๋าใบสวยพวกนั้นเป็นของเค้าทั้งหมดทุกใบจริงๆก้อได้ แต่ก็อย่าลืมว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างหรอก
คนที่รวยที่สุดในโลก ไม่ใช่= คนที่มีความสุขที่สุดในโลก
เพราะฉะนั้นคนที่มีกระเป๋ามากที่สุด ก้อไม่ใช่= คนที่มีความสุขที่สุดแน่นอน
และขอฝากอะไรนิดหน่อยนะคะ เผอิญเราไม่รวยแต่งานที่เราทำต้องประสานงานใกล้ชิดกับคนรวยๆ
หลายๆคนที่เรารู้จัก ซื้อของพวกนี้เพื่อชดเชยบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไปในชีวิตเค้า
แต่เพราะสิ่งของพวกนี้มันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง มันเลยทำให้พวกเค้าต้องซื้อไปเรื่อยๆๆๆ
เคยมีเพชรเม็ดละ5กะรัต ก็อยากจะมี 6-7-8-9-10 ไม่มีที่สิ้นสุด
วัตถุ นำความสุขมาให้เรา ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นแหล่ะค่ะ
ความอยากหรือกิเลสก็เหมือนเชือกเส้นยาวที่ไม่มีที่สิ้นสุดถ้าเราไม่รู้จักตัด มันจะไปได้เรื่อยๆๆๆๆ
และมัดตัวเราเองในที่สุดค่ะ สิ่งสำคัญเลย คือ พอใจในสิ่งที่เรามี เราเป็น และจำไว้เลยนะคะว่า..คนที่คุณเห็นเค้าถือกระเป๋าแพงๆ ใส่นากาแพงๆๆ ใส่เพชรตู้มๆๆ เค้าไมได้มีความสุขไปกว่าคุณนักหรอก เชื่อซิ ;)เห็นด้วย ได้ใจค่ะ
เห็นมากก็เกิดกิเลสได้ง่าย รู้จักจำกัดและกำจัด...ดีที่สุดค่ะ
ไม่ต้องอิฉาใคร..คนเรามีบุญติดตัวมาไม่เท่ากัน..สิ่งที่ทำได้วันนี้คือ..ทำวันนี้ให้ดีที่สุดค่ะ
รักและดูแลญาติผู้ใหญ่ดีๆให้ลูกเห็น...อนาคตลูกก็จะทำเหมือนเราค่ะ
แอบซ่อน แม้มตังค์เพื่อฟุ่มเฟือย....กลัวลูกจะโกหกเป็นเหมือนที่เราทำให้ดู...
เคยได้ยินมั้ยคะ
ทุกสิ่งเหมือนเหรียญสองด้าน...อะไรที่เคยทำให้มีความสุข ก็จะเคยทำให้ม่ความทุกข์
..............สุข ทุกข์ ขึ้นๆ ลงๆ คะ..............
สำคัญ คือ อย่าไปจดจ่ออยู่กับมัน..ชีวิตมีอย่างอื่นอีกเยอะแยะ นอกจากกระเป๋า brandname..ตอนนี้เราทุกข์กับอย่างนึง ก็ลองปล่อยวางไปดูสิ่งที่เรามีความสุขแทน (เช่น กรณีคุณ อิจฉา กระเป๋าคนอื่น..ก็มองลูกอย่างมีความสุขแทน)
- ลูกเห็นแล้วมีความสุข เค้าดี เราก็ดีใจ...แล้วมีมั้ยที่เค้าเคยทำให้ทุกข์..."ใช่คะ"
- กระเป๋าสวยๆ ได้มาแล้วมีความสุข...แล้วเคยมั้ยที่กระเป๋าใบนั้นทำให้ทุกข์....."ใช่คะ"...เช่น..เลอะ (กรี๊ดดดด...)...กลุ้มกับเงินที่เสียไป...ขายราคาตกมาก...อยากได้อีกใบมากกว่า....เบื่อแล้ว (ก็มันออกใหม่กันบ่อยเหลือเกิน)...ฯลฯ
ทุกอย่างเป็นเหรียญสองด้าน
ทุกคนมีทุกข์มีสุขของตัวเองคะ
เราเคยรู้จักพี่คนนึง...ในสายตาเราว่าเค้า โคตระรวย แล้วนะ...ประมาณว่า มีทุกยี่ห้อในมือ...เสื้อผ้าก็ซื้อห้องดีไซน์เนอร์มาใส่.....เค้ายังเคยพูดว่า "เนี่ย..คุยกับคนรวยๆ ก็เครียดนะ...(ประมาณว่า คนที่เค้ามองว่ารวยกว่าเค้า)" ซึ่งในสายตาเรา เราเป็นเค้าก็คงพอใจแล้ว..แต่ในสายตาเค้า เค้าก็คงคิดว่า ถ้าเป็นอีกคนก็คงพอใจ...พอมองแบบนี้ก็เลยถึงบางอ้อ...อ๋อเนอะ...คนเรามันไม่มีความว่าพอหรอกคะ..จนกว่าจะ "พอจริงๆ"..ซึ่งต้องค่อยๆ หัด...การมองเห็นตัวกระตุ้นต่างๆ (เช่น ห้อง show off) แล้วปล่อยวางได้ "จริงๆ" จะช่วยฝึกจิตใจให้หลุดออกจาก สิ่งสมมติ ต่างๆ มากขึ้นคะ...
เราเคยถามเพื่อนเหมือนกัน...ว่า "คิดว่าเงินเดือนเท่าไหร่จะพอ"...เพื่อนหลายคนบอกว่า "ของแบบนี้ ยิ่งมากยิ่งดี"...เราฟังก็ เอ้อ เนอะ...!!! นี่ไง อีกตัวอย่างงงง...คนเราถ้ารู้จัก "พอ" มันก็คือ "พอ" คะ...ถ้ายังไม่รู้จัก ก็ต้องดิ้นรน หาสิ่งนอกตัวกันต่อไป...คนเงินเดือน รวมโบนัส หลายแสนต่อเดือน..ยังมองว่า อยากเติบโตมากขึ้นอีกคะ (จริงๆ คะ)...นี่แหละคะ มนุษย์...เราก็เป็น ขึ้นๆ ลงๆ เพียงแต่ ต้องค่อยๆ พยายาม จับความคิดตัวเองให้ทันว่า..นี่นะ นี่นะ...เรากำลังติดไปกับสิ่งเหล่านี้อีกแล้ว...สิ่งที่จริงๆ แล้ว คือ สิ่งที่สมมติมาทั้งสิ้นคะ
เรายังเคยคิดเลยนะคะ ว่า อินเดีย ที่แบ่งคนเป็นชั้นๆ แบบสมัยก่อน อาจทำให้คนเครียด และมีความอิจฉากันน้อยกว่าปัจจุบัน...ประมาณว่า ก็ไม่เคยได้ไปสังสรรค์อะไรกับคนคนละกลุ่ม มันก็ไม่เกิดข้อเปรียบเทียบ เค้าคงเล็งเห็นว่า มันห้ามยาก ที่คนธรรมดา จะรู้สึกอะไรแบบนี้กันคะ...แต่ในสังคมเรา มันมีกันเกร่อไปหมด ดังนั้น ต้องทำใจให้เข้มแข็งคะ...อิจฉาได้ อยากมีได้...แต่คิด แล้ว รีบวางเร็วเท่าไหร่ ยิ่งดีกับตัวเท่านั้นคะ
อยากพูด.........ว่า อะไรทีทำแล้วมีความสุขทำไปเถอะ ถ้าไม่ทำให้คนรอบข้างลำบาก
ซื้อแล้ว...มองดูลูก (ไม่มีให้มองด้วย 555....)
ซื้อแล้ว...มองดูคุณสามี
ซื้อแล้ว...มองตังในกระเป๋า
ถ้าทั้งหมดไม่มีใครเดือดร้อน
บางท่านมีความสุขมากที่มีเงินเก็บในธนาคาร แต่ถามหน่อยว่าถ้าวันหนึ่งเราเป็นอะไรไปเราได้ใช้เงินเราหรือเปล่า
ปรากฎคนที่อยู่เอาไปใช้สบาย
Originally Posted by DenMark
เห็นด้วยนะคับ ว่าคนเราต้องรู้จักพอใจสิ่งที่เรามีค๊าบ
อย่างไรก็ดีลองอ่าน กฎ และ วัตถุประสงค์ของห้อง show off ดีๆ นะคับ
หน้าห้องเขียนว่า................
Show Off : ห้อง อาหารตา
ซื้ออะไรมาใหม่ ไปชอปอะไรกันมา ของแบรนด์เนมสวยๆจะมือหนึ่ง หรือ มือสอง เอามาแบ่งกันดูด่วนๆค่ะ
นอกจากนี้มีกระเป๋าใบไหนซื้อมาน่าใช้ดีไม่ดียังไงแวะมารีวิวกันที่นี่ค่า จะได้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆค่ะ
กฎห้องอาหารตานะครับ http://forum.siambrandname.com/showthread.php?t=19585
[SIZE=7]
เด่นขอยก ข้อแรก มานะค๊าบ
กฏของการให้ห้อง Show Off : ห้อง อาหารตา กรุณาอ่านก่อนโพสค่ะ 1 บอร์ดนี้ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเอาไว้โชว์นะคะ ใครขี้อิจฉา หรือจะเข้ามาหมั่นไส้คนโพสก็เชิญออกจ้า แต่อย่างไรก็ตามแอ๊นไม่อยากให้เป็นห้องเอาไว้โชว์ของอย่างเดียว เพราะอยากให้เกิดประโยชน์ คืออย่างน้อย อยากให้เพื่อนๆช่วยเขียนอย่างน้อยก็ ชื่อรุ่น และ สี ด้วยค่ะ จะได้เก็บเป็นreferenceข้อมูลได้และเกิดประโยชน์ค่า
นอกจากนี้ความตั้งใจของห้องนี้คือ คือให้รีวิวสินค้าด้วย ซือมาหนึ่งชิ้นก็เชิญมารีวิวกันได้ค่ะ(การใช้งาน ดีไม่ดียังไง ถือแล้วดูเปนยังไง) และนั่นล่ะ เกิดประโยชน์มากมายที่สุดแน่นอน
อ่านกฎ ทำความเข้าใจเจตนารมณ์ของเวป และห้องต่างๆ ก่อนตั้งกระทู้ หรืออ่านกระทู้นะคับ
ขอบคุณมากสำหรับความเห็นนะคะ เราเข้าใจเจตนาของคุณแอนท์ค่ะ คุณแอนท์ตั้งเวปนี้มาเพราะอยากให้มีที่ที่คนรักแบรนด์เหมือนกัน ได้มีที่มาพบปะพูดคุยเรื่องความรักในสิ่งเดียวกันโดยที่ไม่ได้มีรายได้อะไรจากตรงนี้เลย แถมต้องเสียเงินค่า host อีก และเราก็ปฎิบัติตามกฎ กติกาของเวปมากที่สุดเท่าที่เราทำได้ค่ะ
ส่วนตัวเราเราว่าความรู้สึกของคนเรามันห้ามไม่ได้ แต่วิธีจัดการกับมันต่างหากที่สำคัญ เหตุผลที่เราตั้งกระทู้เพราะเรารู้สึกดีใจและอยากจะแชร์กับเพื่อนๆ ที่ตอนนี้เราสามารถเข้าไปชื่นชมความสวยงามของของที่เพื่อนๆเอามาโชว์ โดยที่ไม่ได้รู้สึก 'อยากมี' หรือ 'อิจฉา' กับสิ่งที่เพื่อนๆคนอื่นมีได้แล้ว เพราะเรารู้สึกพอกับสิ่งที่เรามี และแค่ 'ตื่นตา' กับสิ่งที่คนอิ่นมี
อย่างที่บอก เราว่าเพื่อนๆรู้ limit ของตัวเอง เพื่อนๆที่มีเงินและมีความรักในกระเป๋าแบรนด์เนมเค้าก็มีสิทธิ์ที่จะซื้อหาของพวกนี้มาใช้ โดยที่ไม่เดือดร้อนใคร คงไม่มีใครถึงกับเอาเงินค่าเล่าเรียนลูกมาซื้อ Chanel ใบสวย หรือเอาเงินทองที่พ่อแม่ส่งให้มาเรียนหนังสือแอบไปซื้อบางลองหนังยับๆหรอก จริงไม๊คะ :)
Originally Posted by mAy
ชอบความเห็นคุณมุกจังเลยค่ะ...ตรงดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ ได้แบ่งปันความคิดกับเพื่อนๆแล้วสบายจายดีค่ะ :D
Originally Posted by gamy
อ่านกระทู้นี้แล้วสอนใจดีจัง
เหมือนกับอ่านแล้วย้อนดูตัวเองว่าเราพอใจกับสิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเปนรึยัง??
ถ้ายังมานก็ไม่มีความสุขจิงๆหรอกคะ
จิงอยู่ที่เวลาได้นู่นได้นี่ มีนู่นมีนี่แล้วจารู้สึกมีความสุขก่ามานมาก...
แต่มานก็แค่แปบเดียว ถ้าเรายังเปนคนไม่รู้จักพออยู่เด๋วก็ต้องไปหาใบใหม่แระ
จิงมั้ยค่ะ!! แล้วอย่างงี้เมื่อไหร่จ่สิ้นสุด
เห้อ.....ต้องรู้จักพอใจและมีสติค่ะ
โห!!วานนี้เขียนเปนทางการจิง (เพราะเราก็ต้องตัดกิเลศให้ได้...พยายามอยู่...)
จริงๆๆเลยค่ะ พอมีหนึ่งแล้วมันก็อยากได้ 2 3 4 5 ต่อๆไป
Originally Posted by lovely_yui
บางทีเราก็เข้ามาชมเป็นอาหารตา อาหารใจ ให้หัวใจชุ่มชื่น
แล้วก็จากไป เพราะตังค์ไม่มีค่ะ กร๊ากก
ก่อนหน้านี้ลูกยังไม่โต ก็ซื้อไปเรื่อย ตอนนี้ก็ใช้แบบที่มีค่ะ ก็สวยดี
ตอนนี้ต้องเก็บตังค์ไว้ให้ลูกเรียนเหมือนกันค่ะ ค่าเทอมเด็กอนุบาล นี่ แพ๊ง แพง
8)8)8)
กำลังหยดหยองกับค่าเรียนอนุบาลเหมือนกันค่ะ เพิ่งแว๊บไปดูเวป Harrow อนุบาล 400,000 กว่า แม่จ้าววว
Originally Posted by VilePuPae
บอกตรงๆว่าก็แอบคิดเหมือนคุณมุกเหมือนนะคะ แต่ว่าเราไม่คิดนานนะคะ เดี๋ยวต่อมอิจฉาทำงานจะเสียสุขภาพจิต ส่วนตัวเรื่องกระเป๋าราคาเป็นหมื่นเก็บเงินซื้อจากเงินที่เหลือเก็บ (งงมั้ยค่ะ) แบ่งเก็บเป็น 3 ส่วนอ่ะคะ
ส่วนที่ 1. เงินเก็บเพื่อสำรองกิจการ
ส่วนที่ 2. เก็บไว้แบงค์ เผื่อ ฉุกเฉิน
ส่วนที่ 3. เอาไว้ซื้อของที่อยากได้ (ส่วนนี้เงินไม่ร้อนคะ เงินเย็นๆ :rolleyes:) อาจจะซื้อได้ไม่บ่อยเท่าที่ใจอยากได้ แต่ซื้อมาแล้วไม่กระทบเงินส่วนอื่นๆ ไม่เดือดร้อน และนั้นทำให้เราสุขใจและ HAPPY กับของที่ซื้อมา
เราก็ปล่อยให้ไอ้ต่อมนิสัยไม่ดีทำงานไม่เกิน 10 นาทีค่ะ รู้สึกเหมือนกันว่ามันทำให้เสียจริต :D
Originally Posted by pota
คำจำกัดความของคำว่าพอเพียง
ในเเต่ละคนมันไม่เท่ากันอ่ะ
มีมากใช้มาก มีมากใช้น้อย เเล้วเเต่จะว่ากันไป ไม่เดือดร้อน
*มีน้อยใช้น้อย (แบ่งเหลือเก็บได้ ไม่เดือดร้อน)= พอเพียง
*แต่มีน้อยแล้วใช้มาก(ไม่เหลือเก็บ)=ไม่พอเพียง ทุกข์ใจ
กระวนกระวาย อยากด้ายๆๆๆ.............
-----
อันหลังมีตัวอย่างให้เห็นชัดเจน
v
v
ข้าเจ้าเอง ฮี่ๆ
(ดีนะที่ยังไม่มีเบ่บี๊กะเค้า)
มีเเต่เจ้าตัวเนี๊ยยยย
V
V
Originally Posted by kap
เคยได้ยินมั้ยคะ
ทุกสิ่งเหมือนเหรียญสองด้าน...อะไรที่เคยทำให้มีความสุข ก็จะเคยทำให้ม่ความทุกข์
..............สุข ทุกข์ ขึ้นๆ ลงๆ คะ..............
สำคัญ คือ อย่าไปจดจ่ออยู่กับมัน..ชีวิตมีอย่างอื่นอีกเยอะแยะ นอกจากกระเป๋า brandname..ตอนนี้เราทุกข์กับอย่างนึง ก็ลองปล่อยวางไปดูสิ่งที่เรามีความสุขแทน (เช่น กรณีคุณ อิจฉา กระเป๋าคนอื่น..ก็มองลูกอย่างมีความสุขแทน)
- ลูกเห็นแล้วมีความสุข เค้าดี เราก็ดีใจ...แล้วมีมั้ยที่เค้าเคยทำให้ทุกข์..."ใช่คะ"
- กระเป๋าสวยๆ ได้มาแล้วมีความสุข...แล้วเคยมั้ยที่กระเป๋าใบนั้นทำให้ทุกข์....."ใช่คะ"...เช่น..เลอะ (กรี๊ดดดด...)...กลุ้มกับเงินที่เสียไป...ขายราคาตกมาก...อยากได้อีกใบมากกว่า....เบื่อแล้ว (ก็มันออกใหม่กันบ่อยเหลือเกิน)...ฯลฯ
ทุกอย่างเป็นเหรียญสองด้าน
ทุกคนมีทุกข์มีสุขของตัวเองคะ
เราเคยรู้จักพี่คนนึง...ในสายตาเราว่าเค้า โคตระรวย แล้วนะ...ประมาณว่า มีทุกยี่ห้อในมือ...เสื้อผ้าก็ซื้อห้องดีไซน์เนอร์มาใส่.....เค้ายังเคยพูดว่า "เนี่ย..คุยกับคนรวยๆ ก็เครียดนะ...(ประมาณว่า คนที่เค้ามองว่ารวยกว่าเค้า)" ซึ่งในสายตาเรา เราเป็นเค้าก็คงพอใจแล้ว..แต่ในสายตาเค้า เค้าก็คงคิดว่า ถ้าเป็นอีกคนก็คงพอใจ...พอมองแบบนี้ก็เลยถึงบางอ้อ...อ๋อเนอะ...คนเรามันไม่มีความว่าพอหรอกคะ..จนกว่าจะ "พอจริงๆ"..ซึ่งต้องค่อยๆ หัด...การมองเห็นตัวกระตุ้นต่างๆ (เช่น ห้อง show off) แล้วปล่อยวางได้ "จริงๆ" จะช่วยฝึกจิตใจให้หลุดออกจาก สิ่งสมมติ ต่างๆ มากขึ้นคะ...
เราเคยถามเพื่อนเหมือนกัน...ว่า "คิดว่าเงินเดือนเท่าไหร่จะพอ"...เพื่อนหลายคนบอกว่า "ของแบบนี้ ยิ่งมากยิ่งดี"...เราฟังก็ เอ้อ เนอะ...!!! นี่ไง อีกตัวอย่างงงง...คนเราถ้ารู้จัก "พอ" มันก็คือ "พอ" คะ...ถ้ายังไม่รู้จัก ก็ต้องดิ้นรน หาสิ่งนอกตัวกันต่อไป...คนเงินเดือน รวมโบนัส หลายแสนต่อเดือน..ยังมองว่า อยากเติบโตมากขึ้นอีกคะ (จริงๆ คะ)...นี่แหละคะ มนุษย์...เราก็เป็น ขึ้นๆ ลงๆ เพียงแต่ ต้องค่อยๆ พยายาม จับความคิดตัวเองให้ทันว่า..นี่นะ นี่นะ...เรากำลังติดไปกับสิ่งเหล่านี้อีกแล้ว...สิ่งที่จริงๆ แล้ว คือ สิ่งที่สมมติมาทั้งสิ้นคะ
เรายังเคยคิดเลยนะคะ ว่า อินเดีย ที่แบ่งคนเป็นชั้นๆ แบบสมัยก่อน อาจทำให้คนเครียด และมีความอิจฉากันน้อยกว่าปัจจุบัน...ประมาณว่า ก็ไม่เคยได้ไปสังสรรค์อะไรกับคนคนละกลุ่ม มันก็ไม่เกิดข้อเปรียบเทียบ เค้าคงเล็งเห็นว่า มันห้ามยาก ที่คนธรรมดา จะรู้สึกอะไรแบบนี้กันคะ...แต่ในสังคมเรา มันมีกันเกร่อไปหมด ดังนั้น ต้องทำใจให้เข้มแข็งคะ...อิจฉาได้ อยากมีได้...แต่คิด แล้ว รีบวางเร็วเท่าไหร่ ยิ่งดีกับตัวเท่านั้นคะ
[SIZE="2"]ชอบค่ะ มีข้อคิดดีจัง :)
เป็นกระทู้ที่ดีจริงๆ ชอบค่ะ ;)
มีน้อยใช้น้อย มีมากใช้ได้แต่พองาม อยู่บนพื้นฐานไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เท่านั้นเป็นพอค่ะ ;)
เข้าใจคุณมุกเลย ไม่ผิดค่ะที่คุณมุกคิดแบบนั้น คนเราตราบใดยังเป็นแค่มนุษย์ปุถุชนความอยากได้อยากมีเป็นเรื่องธรรมดา ตัดกิเลสได้มากได้น้อย แล้วแต่ว่าจะบริหารจิตใจตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน quote=bombasiclove;479203]ในหลวงเคยตรัสเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงไว้ว่า
คำว่าพอเพียงของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน พอเพียงไม่ใช่การกัดก้อนเกลือกิน
แต่เป็นการอยุ่ได้ด้วยตัวเอง พึ่งพาตัวเอง โดยไม่เดือดร้อนถึงผู้อื่น
ตราบใดที่เราซื้อกระเป๋า ต่อให้ไปละเป็นล้าน แต่ถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
ไม่ต้องให้ลูกเดือดร้อน เพราะไม่มีตังค์จ่ายค่าเทอม
ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน เพราะเงินหมด
คือเรามีเงินอย่างพอเพียงที่จะใช้จ่ายในแบบของเรา
[/quote]
ชอบความคิดเห็นน้องคนนี้จัง เห็นว่ายังเรียนอยู่ คิดได้แบบนี้ น่ารักจังค่ะ ภูมิใจแทนคนเป็นพ่อเป็นแม่น้องจังค่ะถูกต้องที่สุด ถ้าเราซื้อกระเป๋าภายใต้ที่เราและครอบครัวไม่เดือดร้อน Originally Posted by DenMark
เห็นด้วยนะคับ ว่าคนเราต้องรู้จักพอใจสิ่งที่เรามีค๊าบ อย่างไรก็ดีลองอ่าน กฎ และ วัตถุประสงค์ของห้อง show off ดีๆ นะคับ หน้าห้องเขียนว่า................
Show Off : ห้อง อาหารตาซื้ออะไรมาใหม่ ไปชอปอะไรกันมา ของแบรนด์เนมสวยๆจะมือหนึ่ง หรือ มือสอง เอามาแบ่งกันดูด่วนๆค่ะ
นอกจากนี้มีกระเป๋าใบไหนซื้อมาน่าใช้ดีไม่ดียังไงแวะมารีวิวกันที่นี่ค่า จะได้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆค่ะกฎห้องอาหารตานะครับ http://forum.siambrandname.com/showthread.php?t=19585 และจะแจ่มที่ซู๊ดดดด ถ้าใช้ห้องอาหารตา ตามวัตถุประสงค์แรกนะคะเราเอง เข้าดูเวลาจะหาซื้อใบใหม่ค่ะ มันเป็นข้อมูลที่หาไม่ได้ใน shop นะคะมีบ้างที่เข้าไปชมเพลิน ๆ โชคดีนะคะ อยู่กับจิตใจ และความเป็นจริงของเรามีความสุข ด้วยตัวของเราเอง "หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข"
ต่ออีกหน่อย
สำหรับเรา นอกจากประโยชน์ในการเลือกซื้อกระเป๋าแล้ว ก็เอาไว้แบบนี้ค่ะ
เปิดกระทู้ที่แฟนซื้อให้ ให้คุณแฟนดู แล้วกรี๊ดดดด...
บอกว่า "ตัวเองดูดิ แฟนน้องคนนี้น่ารักเนอะ ซื้อรุ่นนี้ให้ อยากได้มั่งจัง"
แล้วเอาหัวไปซุก ๆ ไหล่สักสองจึ๊ก....
แฟนเราก็จะหันมาดูแล้วถามว่า " เท่าไรอ่ะ...." บอกราคา เค้าก็จะ "อืม ๆ เดี๋ยวรอบหน้าวันเกิด เค้าซื้อให้นะคะ "
(อันนี้กรณีที่อยู่ภายใต้ราคาที่เราสองคนจ่ายได้ ไม่เดือดร้อนนะคะ)
มีบ้าง ที่รุ่นที่เราอยากได้ ใบแสนกว่า แต่เราก็ยังไม่ตัดสินใจซื้อ
เพราะเงินจำนวนเท่านี้ เรามีอย่างอื่นจำเป็นจะต้องใช้มากกว่า
ก็มองไว้ก่อนค่ะ แล้วทำแบบเดิม แต่คำพูดเราจะเปลี่ยนไปเป็น
เรา >> "ไว้เราหาเงินได้มากกว่านี้ เค้าขอซื้อสักใบนะที่รัก"
แฟน >> " เหอ เหอ ขอทำงานมากขึ้นเป็นวันละ 48 ชม.ได้ไหม จะได้ซื้อได้เร็ว ๆ แล้วไว้จะต่อตู้เก็บกระเป๋าให้นะ "
มองต่างมุมดูบ้าง เราไม่ได้ได้ทุกอย่าง ตามที่เราอยากได้
แต่เราก็เป็นสุข ในมุมที่เราเป็นค่ะ ;)
ชอบกระทู้นี้มากค่ะ และขอบคุณคุณมุก เพื่อนๆพี่ๆทุกคนที่เข้ามาให้ความเห็นจังค่ะ
เพราะเราเชื่อว่าทุกคนที่เข้าไปดูก็คงมีความรู้สึกอยากได้ อยากมีบ้างไม่มากก็น้อย อยู่ที่ว่าเราจะควบคุมกิเลสของตัวเอง และรู้จักคำว่าพอเพียงได้มากแค่ไหน เห็นด้วยกับความเห็นที่ว่า "บางคน"ที่ซื้อของราคาแพงๆก็เพราะว่าเค้าต้องการเติมเต็มอะไรบางอย่างที่ขาดหายไปในชีวิตของเค้า หรือ"บางคน"ซื้อก็เพราะว่าต้องการได้รับการยกย่อง เชิดหน้าชูตาในสังคม ไม่ได้รักชอบอะไรในตัวกระเป๋าอย่างแท้จริงหรอกค่ะ
เมื่อก่อนก้อเป็นอ่ะค่ะ เห็นรูปกระเป๋าคนอื่นแล้วอยากได้ อยากมี กะเค้ามั่ง รุ่นโน้นก้อสวย สีนั้นก้อน่ารัก
แต่พอมามองดูตัวเอง ทำงานที่บ้าน ออกจากห้องก้อเดินไม่กี่ก้าวถึงออฟฟิศแล้ว โอกาสที่จะใช้กระเป๋าทุกวัน แต่งตัวสวยๆ ออกจากบ้าน เหมือนคนอยู่เมืองไทย แทบไม่มีเลยอ่ะค่ะ ยกเว้นตอนออกไปธุระ หรือว่าโรงงาน
หลังๆมาเริ่มคิดได้ กลับไทยเดือนละครั้ง ก้อเอากระเป๋ากลับมาใช้ทีละใบ สลับไปสลับมาแค่นี้ ความคิดอยากได้โน่นนี่เลยค่อยๆลดลง
ตอนนี้กลายเป็นว่า จะซื้อกระเป๋าที่ใช้ได้นานๆ ไม่แฟชั่นมากเท่าไหร่ เก็บตังไว้ซื้อ หรือลงทุนอย่างอื่นดีกว่า เผื่อวันหน้าเกิดอะไรที่ไม่ได้คาดคิด จะได้มีเงินส่วนนี้ไว้สำรองค่ะ
เขียนไปซะยาว สรุปแล้วคือ มองดูความจำเป็นของตัวเอง ดีกว่ากิเลสอยากได้อยากมีค่ะ ไม่งั้น หมดตัวแน่ๆ
กระทู้นี้ดีมากๆค่ะ อ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆมากมาย
ส่วนตัวชอบเข้าไปห้องอาหารตา เพื่อจะดูของสวยๆงามๆอยู่เป็นประจำ เห็นแล้วก็มีอาการ หูยย อยากได้บ้างจัง โดยเฉพาะกับรุ่น หรือยี่ห้อที่กำลังเล็งอยู่ในช่วงนั้นๆ บางช่วงไม่ได้เล็งอะไรอยุ่เป็นพิเศษ ก็ชอบที่จะเข้าไปดูของสวยๆงามๆ อารมณ์เหมือน window shopping ยังไงยังงั้น :D
เห็นด้วยกับหลายๆความเห็นค่ะ ว่าความพอเพียง ความสุขกับสิ่งที่เรามีอยู่เป็นอยู่ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ส่วนตัวเองก็ไม่ได้มีกระเป๋าอะไรมากมาย สมัยยังเรียนหนังสือหาเงินเิองไม่ได้ ยังซื้อมากกว่านี้ เพราะไม่ได้ใช้เิงินตัวเองซื้อ อิอิ แต่พอมีงานทำ หาตังค์ใช้เอง ความงก เริ่มปรากฎ ซื้อยากขึ้นกว่าเดิมเพราะรู้ค่าของเงินมากขึ้น
ถูกต้องแล้วค่ะ แต่ก่อนตอนเราหากระเป็ เราชอบดูมากๆ ของสวยๆงามๆเนี่ย แต่พอรู้สึกว่ามีพอแล้ว ถึงเงินจาไม่เป้นอุปสรรค ก็ไม่ได้รู้สึกอยากได้ หรืออยากดูอีกอ่ะค่ะ โชคดีที่รู้สึกว่าพอได้อ่ะค่ะ สามใบพอค่ะ หมุนแทบมิทันเลย
ฮะๆๆๆ ว่าไป เด๋วใบที่สี่ มะเกินปลายปี จ๋อยยยยย
เคยเป็นบ้างเหมือนกันคับ แต่ผมไม่คิดไรมากอ่ะคับ ขำ ๆ
รู้สึกแบบว่า แฟนเค้าใจดีจัง ประมาณเนี้ยอ่ะคับ (กลัวเข้าตัว พอถึงตาตัวเองมั่ง หุหุ)
แต่ผมเคยนับ ๆ ของที่ซื้อไป ซึ่งก็ไม่มากเพราะรายได้จำกัดคับ รวมแล้ว
ใจหายว่า เฮ้ยยยยยย นี่มันได้ทองกี่บาทเนี่ย เอาเก็งกำไรซื้อขายได้อีก
ก็รู้สึกผิดไประยะนึง แต่พอถามตัวเองว่า ถ้าเราเปลี่ยนเป็นซื้อย่างอื่นแทน
เราจะมีความสุขไม๊ เราจะหยุดอยากได้ของพวกนี้รึป่าว คำตอบก็คือไม่คับ
ก็เลยเปลี่ยนเป็นซื้อให้น้อยลงไปอีก (แบ่งเงินมาหาทุนเพิ่ม เพื่อเอาไปสอยต่อ....ล้อเล่นค้าบ)
คิดมาก ๆ ก่อนซื้อว่าอยากได้ + จำเป็น + เหมาะกะชีวิตหรือไม่ แล้วก็ออมเงินให้มากขึ้น ยิ่งตอนนี้ต้องเรียนต่อด้วยคับ
ตอนนี้เลยรู้สึกพอดีกะชีวิตมากเลยคับ
[SIZE="2"]ชอบกระทู้นี้มากค่ะ:) ขอชมเชยคุณมุกนะค่ะที่กล้าจะตั้งกระทู้นี้มา เราว่าโดนใจใครหลายๆคน
ขออนุญาตยกข้อความบางตอนของ เดอะท็อป ซีเคร็ต เขียนโดย ทันตแพทย์สม สุจีรา
ระวังความคิดบวกเทียม
ความคิดบางอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นความคิดบวก แต่แท้จริงลบ เช่นความคิดว่าตนเองฉลาด คนที่คิดเช่นนั้นแสดงว่าเริ่มจะไม่ฉลาดแล้ว คิดว่าตนเองเก่งก็คือไม่เก่ง ส่วนคนที่คิดลบจริงๆเช่น ฉันด้อย ฉันไม่สวย ฉันไม่เก่ง ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ และถ้าความคิดนั้นฝังลึกจนเป็นความรู้สึกด้วยแล้ว ความก้าวหน้าในชีวิตแทบไม่มี
คนที่คิดบวกเพราะการเปรียบเทียบ แท้จริงแล้วก็คือคนที่คิดลบนั้นเอง เป็นบวกเทียมๆแต่ทุกข์จริง เพราะเขามีความภาคภูมิใจในตนเองต่ำ คนแบบนี้จะมีอารมณ์แปรปรวนมาก ความทุกข์สุขของเขาจะผันแปรไปตามการเปรียบเทียบ และชอบถามคำถามที่ไม่สมควรกับคนอื่น เช่น เธอเงินเดือนเท่าไร บ้านใหญ่แค่ไหน ขับรถรุ่นอะไร คำถามเหล่านี้คนคิดบวกจะไม่ถามกัน เพราะคำตอบไม่ว่าทางใดก็จะสร้างความรู้สึกลบขึ้นในใจ เช่น การถามเพื่อนว่าเธอเงินเดือนเท่าไร ถ้าน้อยกว่าคนถามก็จะลำพองใจ แต่ถ้าเพื่อนตอบว่ามากกว่า คนถามก็จะกลายเป็นเสียใจ ทั้งความรู้สึกเสียใจและลำพองใจเป็นความรู้สึกลบด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการถามคำถามที่จะทำให้คิดลบ
พระพุทธองค์ก็ทรงเห็นบวกเทียมของความสุขทางโลกทั้งหลาย มีฝ่ายสุขนิยมบางคนกล่าวหาว่าพระพุทธเจ้าทรงมองโลกในแง่ร้าย เห็นแต่ทุกข์และความตาย มีอะไรบนโลกนี้ที่น่ามองกว่านั้นตั้งเยอะ คนกลุ่มนี้จะแสวงหาสิ่งสนองกิเลสตัณหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งหมดนี้คือบวกเทียม ลองตั้งคำถามตัวเองดูว่า สิ่งต่างๆเหล่านั้นทำให้เรามีความสุขที่จริงแท้ได้หรือ ผู้คนสมัยสุโขทัยกับกรุงเทพมหานคร ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ทั้งๆที่สุโขทัยไม่มีไฟฟ้า ไม่มีรถยนต์ เครื่องบิน พิชซ่า น้ำหอม เครื่องเสียง ที่นอนสปริง ฯลฯ
การคิดบวกเพราะไปเทียบกับลบไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะนั้นไม่ใช่บวกที่แท้จริง เหนือฟ้ายังมีฟ้า เมื่อใดเราไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่ดีกว่าหรือสูงกว่า ความคิดเราจะกลายเป็นลบทันที ยกตัวอย่างเช่น เราเงินเดือนหนึ่งหมื่นบาท ไปถามเพื่อนรวมรุ่นคนหนึ่งได้แปดพัน เราจะรู้สึกบวก แต่พอไปถามเพื่อนอีกคนบอกหมื่นห้า เราก็รู้สึกลบ คนที่กำหนดความคิดบวกแบบนี้จะมีจิตใจไม่มั่นคง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายหงุดหงิดง่าย และสนใจความรู้สึกสังคมมากเกินไป
คนที่คิดลบเหมือนคนใส่แว่นสีน้ำตาลจะมองอะไรก็เห็นแต่สีนั้น ส่วนคนที่คิดบวกมากเกินไปก็ไม่เห็นตามความเป็นจริงเช่นกัน เหมือนคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก ที่เปรียบเปรียบว่ามองอะไรเป็นสีชมพูไปหมด เห็นแต่ส่วนบวกของคู่รัก การที่จะทำให้เรามองเห็นโลกตามความเป็นจริงต้องไม่มีบวก ไม่มีลบ คือการใส่แว่นสีใส ความคิดลบจะดึงดูดทำให้เรากลายเป็นคนเช่นนั้น เช่นคนที่คิดว่าคนอื่นเห็นแก่ตัว ก็คือคนเห็นแก่ตัวนั้นเอง ดังที่โบราณบอกไว้ว่า ผีย่อมเห็นผีด้วยกัน ส่วนความคิดบวกเพียงอย่างเดียว ก็จะทำให้เรา เห็นผีเป็นเทวดาได้
การเห็นผีเป็นเทวดาก็คือสภาวะที่เรียกว่าบวกเทียม เพราะเกิดในช่วงที่ขาดสติ หรือมีอวิชา แต่การที่คิดบวกที่แท้จริงต้องเกิดในสภาวะที่มีปัญญาและสติสัมปชัญญะเท่านั้น
[SIZE="3"]NOBODY IS PERFECTค่ะ;)
จริงๆแล้วชีวิตคนเราเท่ากันหมดแหล่ะค่ะ ทุกข์เท่ากัน สุขเท่ากัน
คนรวยก็มีความทุกข์แบบคนรวย คนจนก็ทุกข์แบบคนจน
มันก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ แต่คนละแบบเท่านั้นเองค่ะ
จริงๆแล้วอยู่ที่วิธีคิดของแต่ละคนมากกว่า ที่สำคัญอย่าเปรียบเทียบเพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า
มันเทียบไปได้ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ เค้าถึงบอกว่าเหนือฟ้า แบบว่าเหนือไปได้อีกเท่าไหร่เนี่ย!
Originally Posted by meandu
[SIZE="4"]ในinternetใครจะเขียนอะไรลงไปก็ได้ ใครจะถ่ายรูปอะไรลงไปก็ได้
[SIZE="4"]บางทีของชิ้นนั้นอาจจะไม่ใช่ของขวัญจากแฟนก็ได้ เค้าอาจจะซื้อเอง แต่เค้าอยากเขียนลงไปว่าแฟนซื้อให้ เราไม่มีทางรู้...
บางทีกระเป๋าที่เค้าเอามาshowอาจจะไม่ใช่ของเค้าเองก็ได้ แต่เค้าอยากจะเอามาลงว่าเป็นของเค้า เราไม่มีทางรู้ อีกเหมือนกัน...
หรือ ของเหล่านั้นอาจจะเป็นของขวัญจากแฟนเค้าจริงๆ กระเป๋าใบสวยพวกนั้นเป็นของเค้าทั้งหมดทุกใบจริงๆก้อได้ แต่ก็อย่าลืมว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างหรอก
เห็นด้วยอย่างแรง โลกinternet บางทีก็มองหลายๆมุมไว้บ้างก็ได้นะ
ห้องอาหารตาก็ดูขำๆๆ เหมือนเราดูละครก็ดี ไม่ต้องไปอินกับมันมากค่ะ ;)
ไม่เคยอิจฉาเลยค่ะ เพราะเจอมาเยอะแล้ว คนรวยแต่ไม่มีความสุข
แล้วหาซื้อวัตถุสิ่งของมาชดเชย แต่ในที่สุดเธอเหล่านั้นก็ยังไม่มีความสุขอยู่ดี
ความรู้สึกเดียวที่เกิด คือ สวยจัง แล้วก็จบเพราะว่าคิดต่อไปทันทีว่า
กว่าจะหาเงินมาซื้อได้ฉันต้องเหนื่อยอีกเยอะๆๆเลย เอาเป็นว่ารักตัวเองไว้ก่อน
ขอเหนื่อยเท่าเดิม ซื้อกระเป๋าใบที่ราคาย่อมเยาว์ลงมานิดส์แล้วกัน
กระเป๋า นาฬิกา กว่าจะได้มาแต่ละใบต้องใช้เงินส่วนที่เหลือจริงๆๆๆ ตั้งหลายเดือน บางใบอาจเป็นปี
แต่ความสุขที่ได้เราว่าหลังจากได้มา + ลูบๆๆ คล้ำๆๆ แล้วก็หายเห่อ ใช้เวลารวมๆ กันไม่เกินวันนึงอะ
แฟนเราไม่ซื้อให้หรอกถ้าบอกว่าอยากได้ใบนี้ ราคาเท่านี้ เค้าอาจจะไปซื้อทองให้ในราคาเท่ากัน แล้วบอกเราว่าถ้าอยากได้ก็เอาทองไปขายแล้วเอาเงินไปซื้อกระเป๋าเอง แล้วใครจะไปขายลงอะ
เห็นด้วยนะครับบ....ชอบๆๆตรงดีๆๆ
เราเข้าไปดู ห้องอาหารตาแล้วเรารู้สึกดีนะดีใจกับเค้า ดูเป็นของสวยๆงามๆเจริญหูเจริญตา เก็บข้อมูลสีและรุ่นบ้าง
แต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดมาก
ว่าอยากได้อยากมีอย่างเค้า
เพราะถ้าเห็นแล้วอยากจะมีบ้างก็ต้องมานั่งเครียดหาเงิน
ขอเงินคุณพ่อ คุณแม่ให้ท่านเดือดร้อนอีก
(ชีวิตตอนนี้ก็เครียดมากพอแล้ว ทั้งเรียน ทั้งเรื่องครอบครัว ถ้ามานั่งอิจฉาอยากมีอีกอันนี้เราก็แย่หนักกว่าเดิมปวดหัวแย่เลย ^o^ )
กะว่าคงไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยแล้วช่วงนี้เพราะเศรษฐกิจไม่ดี รอช่วงปีใหม่ค่อยว่ากันอีกที
Ps.คนที่เราเห็นว่าดูรวยๆบางอาจไม่ได้รวยจริงก็ได้!
คนเราจะมี หรือไม่มี มันก็อยู่ที่ใจของเราเอง ว่าพอ หรือไม่พอ................
ใครจะมีเท่าไหร่ก็มีกันไป รู้แต่ว่าเรามีได้แค่นี้ เท่านี้ ก็พอแล้ว
ชอบกระทู้นี้คะ เราเองก็เป็นคนนึงที่มีกิเลส เกิดความหลงใหลในรูปของกระเป๋า
และอิจฉาเล็กๆ สำหรับเพื่อนๆๆ ที่มีกระเป๋ากันมากมาย
สวยจริงๆๆ อยากได้ก็อยากได้ แต่สุดท้ายได้แต่มอง พอได้มา แต่ละใบกว่าจะได้ก็อยากได้แล้วอยากได้อีก
จนบางทีหายอยากไปก็มี ซึ่งแต่ละใบที่ซื้อมา (อะไรที่เป้นของเรามันก็เป็นของเราแหล่ะ จะดิ้นรนมากมายไปทำไม)
ก็จะดูด้วยความชื่นชมกับตัวเองว่าน้ำพักน้ำแรงเราเองนะเนี่ย (อีกส่วนถูกเก็บให้เจ้าตัวน้อยไว้แล้วด้วย อดข้าวเพื่อกระเป๋าเราทำได้ เพื่ออะไรเนี่ย...................)
(สามีเอาแต่พูด จะเอาใบไหนก็บอกสิ เดี๋ยวซื้อให้ จนซื้อมากี่ใบแล้วก็ไม่เคยออกสักที 555)
สรุป เพียงจิตเห็นจิต รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ก็เป็นสิ่งที่ดีแล้วคะ (เห็นว่าจิตตัวเองมีตัณหา กิเลส ราคะ.........รู้ว่าเกิดกิเลสความอยากได้แล้ว สามารถดับมันก็ดี ถ้าไม่สามารถจิตก็กระวนกระวายไม่มีที่สิ้นสุด)
ต้องค่อยๆๆ ฝึกฝนกันไป
คนที่รวยที่สุดในโลก ไม่ใช่= คนที่มีความสุขที่สุดในโลกเพราะฉะนั้นคนที่มีกระเป๋ามากที่สุด ก้อไม่ใช่= คนที่มีความสุขที่สุดแน่นอน ถูก..ถูก...ถูกต้องนะคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบ...:D--------------------------------------------------ส่วนตัวไม่ค่อยได้เข้าไปดูห้องนั้น เพราะกลัวสติแตกอย่างที่คุณหนูว่า "หาหัวใจให้เจอก้อเป็นสุข" :D
ความรู้สึกส่วนตัวที่เข้าชมในห้องอาหารตา คือ สวย ไม่สวย เหมาะ ไม่เหมาะกับเรา ถ้าอยากได้ ถ้าซื้อก็คิดว่าเดือดร้อนตัวเอง ครอบครัวหรือไม่ บางครั้งอาจเหมือนการดูหนัง ดูละคร อาจจะอินกับความรู้สึกต่าง ๆ ได้ เช่น หัวเราะ ร้องไห้ อิจฉา ดีใจ พอหนังจบ ละครจบ ทุกอย่างก็ จบ ไม่คิดมากเลยค่ะ
Sometimes,i couldn't help thinkining.. it is just too materialism here, don't you think?
ตั้งแต่แรกที่เข้ามาในเว็บก็ดูแต่ห้องโชว์ออฟนี่แหละค่ะ
ได้รู้จักยี่ห้อและรุ่นของกระเป๋าต่างๆที่เคยได้ยินแต่ไม่เคยรู้จัก
ศึกษาหาความรู้จากในนี้ เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ซื้อกระเป๋าแบรนด์
เพราะวันๆอยู่แต่ที่ร้านค่ะ ว่างช่วงหลังเลิกงาน และก็มีวันหยุดหนึ่งวัน
แต่จะหนีแว้บไปเที่ยวบ่อยๆไม่ได้ค่ะ เราเป็นห่วงที่ร้าน เพราะมิจฉาชีพเยอะเหลือเกิน
เลยอาศัยอินเตอร์เน็ตเนี่ยแหละ เพิ่มความรู้ไปในตัวโดยไม่ต้องไปข้างนอก
แล้วบางทีก็ได้แอบไปช็อปมาบ้างเหมือนกัน 555
เพราะฉะนั้นซื้อเท่าที่เราพอซื้อได้ค่ะ
แต่เราเข้ามาดูห้องโชว์ออฟนี่ เราชอบนะคะ ได้ดูของสวยๆงามๆเยอะแยะ อย่างคุณลิมาโชว์
เราก็มองนางแบบไปด้วยค่ะ สวยมาก อ่านข้อความที่เพื่อนๆลงประกอบ สนุกดี บางใบราคาสูงๆ
เราก็ได้แต่ชื่นชมค่ะ เพราะซื้อไม่ไหวววว...
แต่คุณมุกก็มีคุณแม่และคุณป้าที่น่ารักมากนะคะ ที่วันเกิดยังได้ไปทานข้าวร่วมกัน
เราว่าอบอุ่นดีค่ะ ที่บ้านเราก็เป็นแบบนี้ พอวันเกิดก็นัดกันไปทานข้าว อาจมีพี่ชายที่ให้เงินเราด้วยค่ะ 55
ชอบค่ะ ตรงดีๆๆ
แต่คนที่เค้ามีกระเป๋ามากมาย อาจไม่มีความสุขก็ได้นะค่ะ
ไม่มีใครเพอร์เฟคค่ะ
พอเพียง....เช่นกันค่ะ
อยากได้แบบพอประมาณ และที่เข้าและใช้สำหรับเรา
....กระทู้นี้อ่านแล้วรู้สึกดีค่ะ....ยังไงก็เป็นกำลังใจซึ่งกันและกันนะค่ะ....
ชอบเข้าห้องอาหารตาค่ะ ได้ดูกระป๋าเยอะดี กระตุ้นต่อมกิเลสดีนักแล อิอิอิอิ ชอบดูค่ะ เอาไว้เป็นแนว รู้สึกว่ามีประโยชน์มากค่ะ จะได้เก็บข้อมูลเป็น wish list ต่อไป (หุหุหุ ตอนนี้มันยาวเหยียดคร่า)
ส่วนเวลาเห็นใครมีเยอะๆเรารู้สึกยินดีด้วยค่ะ เข้าใจมากมาย เพราะถ้าเรามีตังค์เยอะ ก็คงซื้อเยอะเหมือนกัน อิอิอิ แต่ตอนนี้มีเท่านี้ ซื้อเท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็โอค่ะ นอกนั้นขอให้ได้ดู ได้ศึกษา ได้เรียนรู้แต่ละรุ่นแต่ละแบบก็มีความสุขแร้ววววว
Originally Posted by noo_pizza
ต่ออีกหน่อย
สำหรับเรา นอกจากประโยชน์ในการเลือกซื้อกระเป๋าแล้ว ก็เอาไว้แบบนี้ค่ะ
เปิดกระทู้ที่แฟนซื้อให้ ให้คุณแฟนดู แล้วกรี๊ดดดด...
บอกว่า "ตัวเองดูดิ แฟนน้องคนนี้น่ารักเนอะ ซื้อรุ่นนี้ให้ อยากได้มั่งจัง"
แล้วเอาหัวไปซุก ๆ ไหล่สักสองจึ๊ก....
แฟนเราก็จะหันมาดูแล้วถามว่า " เท่าไรอ่ะ...." บอกราคา เค้าก็จะ "อืม ๆ เดี๋ยวรอบหน้าวันเกิด เค้าซื้อให้นะคะ "
(อันนี้กรณีที่อยู่ภายใต้ราคาที่เราสองคนจ่ายได้ ไม่เดือดร้อนนะคะ)
มี
บ้าง ที่รุ่นที่เราอยากได้ ใบแสนกว่า แต่เราก็ยังไม่ตัดสินใจซื้อ
เพราะเงินจำนวนเท่านี้ เรามีอย่างอื่นจำเป็นจะต้องใช้มากกว่า
ก็มองไว้ก่อนค่ะ แล้วทำแบบเดิม แต่คำพูดเราจะเปลี่ยนไปเป็น
เรา >> "ไว้เราหาเงินได้มากกว่านี้ เค้าขอซื้อสักใบนะที่รัก"
แฟน >> " เหอ เหอ ขอทำงานมากขึ้นเป็นวันละ 48 ชม.ได้ไหม จะได้ซื้อได้เร็ว ๆ แล้วไว้จะต่อตู้เก็บกระเป๋าให้นะ "
มองต่างมุมดูบ้าง เราไม่ได้ได้ทุกอย่าง ตามที่เราอยากได้
แต่เราก็เป็นสุข ในมุมที่เราเป็นค่ะ ;)
[SIZE="3"]คุณแฟนน่ารักจังเลยค่ะ ถ้าเป็นอีตาที่อยู่ที่บ้านเรานะคงไม่มีทางพูดแบบนี้หรอก
แค่เราเปิดปากจะพูดเรื่องนี้ ถ้าเค้าไม่เปลี่ยนเรื่องไปเลย ก็จะแค่หัวเราะ หึหึ
แล้วไร้ความคิดเห็นอย่างสิ้นเชิง เฮ้อออ เศร้า
เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์นะคะกับความรู้สึกของคุณมุก แต่ความรู้สึกในบทสรุปสุดท้ายที่คุณมุกคิดถึงคนสำคัญแล้วทำให้ปล่อยวางความสงสัยหรือคำถามต่างๆในใจได้เนี้ย ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากนะคะ เพราะสุขก็อยู่ที่ใจ ทุกข์ก็อยู่ที่ใจ ถ้าเราใจเราคิดในแง่ดี มองแต่สิ่งดีๆ หรือหาคำตอบดีๆมาคอยปลอบโยนและทดแทนด้านลบในจิตใจ ก็จะทำให้ชีวิตเรามีความสุขอยู่ได้ในทุกๆวันค่ะ ^___^
เราก็เป็นคล้ายๆกันค่ะ อิจฉาจังที่แฟนใจดี บางทีก็สงสัยว่าทำอาชีพอะไรกันเนี่ย ทำไมรวยหยั่งงี้ :confused:
สามีเราประมาณว่าจำกัดโควต้าไปตั้งแต่สอย neverfull เมื่อสงกรานต์ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ซื้อกระเป๋าใหม่อีกเลย ได้แต่มองค่ะ
ส่วนตัวคิดงี้ค่ะ
ผู้ที่เจริญแล้ว ย่อมยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี
แล้วก็จะรู้สึกดีค่ะ
ซ้าทุ /|
^
^^
^^^
เห็นด้วยจ้าาาา
ธุจ้าาาาาาาา /|
อิอิ
ส่วนตัวไม่ค่อยเข้าห้องอาหารตาค่ะ
นอกจากว่าอยากได้ใบใหม่ก็จะเข้าไปด้อมๆมองๆมั่ง
อยากเห็นว่าเวลาคนถือแล้วสวยมั๊ย ^^'
---
บางอารมณ์ดูแล้วอยากได้มั่งเหมือนกันค่ะ เพราะเห็นบางคนมีเยอะๆๆๆมากๆ
ก็อยากมีเยอะมั่งง่า T___T
แต่มองสถานภาพตัวเอง "ยังเป็นนักศึกษา"
หาเงินเองก็ไม่ได้ อย่างมากก็แค่เก็บเงินเบี้ยเลี้ยงที่พ่อแม่ให้บางส่วนไว้ซื้อกระเป๋าที่อยากได้บ้างอ่ะค่ะ
ดังนั้นเลยมีเยอะไม่ได้ 555
ไม่อยากรบกวนพ่อแม่ด้วยค่ะ ส่งเรียนเทอมนึงก็เหยียบๆ 50,000 บาทเข้าไปนั่น
เรียนจบตรีแล้วต้องเก็บเงินส่งเราต่อโทเมืองนอกอีก
เลยไม่เคยคิดเลยว่า จะขอให้พ่อแม่ซื้อของฟุ่มเฟือยให้อ่ะค่ะ อยากได้เอง ก็เก็บเงินซื้อเอง
ยกเว้นว่า พ่อหรือแม่เสนอจะซื้อให้ในบางโอกาส อันนั้นก็รับไว้ด้วยความยินดี อิอิ
[SIZE="4"]ส่วนตัวนะฮ่ะ
ไม่เคยอิฉาอะฮ่ะ
ไม่รู้จะอิจฉาไปทำไมกัน แอบปวดหัว เครียดลงกระเพาะแทน
ไม่เคยต้องขอเงินบิดามารดา หรือ ขโมยตังแฟน หรือ เอาเงินค่าเทอมลูก <เพราะยังไงก้ม่ายมี>
มาซื้อของพวกนี้คับ ได้มาเพราะสเน่หา ล้วนๆๆๆๆ หรือ น้ำพักน้ำแรงตัวเอง หรือ ความสามารถอย่างอื่น
ชอบเข้าไปดู ในห้อง Show off ซะอีก จะได้เห็นแบบชัดๆๆๆ
เป็นแนวทางในการตัดสินใจด้วย
เงินของใครของมัน ชีวิตใครชีวิต มัน เค้ามะสน ฮ่ะ
[SIZE="2"]ไม่ได้แวะเข้าเวปมาหลายวัน เห็นเพื่อนๆมาช่วยแสดงความคิดเห็น ดีใจจังค่ะ :)
Originally Posted by cocoa
ส่วนตัวคิดงี้ค่ะ
ผู้ที่เจริญแล้ว ย่อมยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี
แล้วก็จะรู้สึกดีค่ะ
ซ้าทุ /|
[SIZE="2"]
เห็นด้วยค่ะ มิน่า เรารู้สึกเจริ๊ญ เจริญดีจัง :) เรายังเชื่อค่ะ ว่ามนุษย์ทุกคนยังทีกิเลส ไม่งั้นโลกเราคงสงบกว่านี้เยอะ บางคนอยู่ดีๆ บางคนถูกหวยเป็นล้านก็ใช้เงินหมดในไม่่กี่วัน มีอำนาจหล่นปุ๊มาใส่มือก็บ้าอำนาจ ของที่ได้มาแบบไม่ค่อยลงทุนลงแรงมักจะมาง่ายไปง่าย (เกี่ยวไม๊เนี่ย)
Originally Posted by novice
เราก็เป็นคล้ายๆกันค่ะ อิจฉาจังที่แฟนใจดี บางทีก็สงสัยว่าทำอาชีพอะไรกันเนี่ย ทำไมรวยหยั่งงี้ :confused:
สามีเราประมาณว่าจำกัดโควต้าไปตั้งแต่สอย neverfull เมื่อสงกรานต์ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ซื้อกระเป๋าใหม่อีกเลย ได้แต่มองค่ะ
[SIZE="2"]แฟนเรายิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ :(
Originally Posted by chiko
เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์นะคะกับความรู้สึกของคุณมุก แต่ความรู้สึกในบทสรุปสุดท้ายที่คุณมุกคิดถึงคนสำคัญแล้วทำให้ปล่อยวางความสงสัยหรือคำถามต่างๆในใจได้เนี้ย ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากนะคะ เพราะสุขก็อยู่ที่ใจ ทุกข์ก็อยู่ที่ใจ ถ้าเราใจเราคิดในแง่ดี มองแต่สิ่งดีๆ หรือหาคำตอบดีๆมาคอยปลอบโยนและทดแทนด้านลบในจิตใจ ก็จะทำให้ชีวิตเรามีความสุขอยู่ได้ในทุกๆวันค่ะ ^___^
[SIZE="2"]อิอิ ยังไงกิเลสที่ยังไม่หมดของเรา ก็ทำให้แวะไปดูเวปหลุย เผื่อสั่งกะคุณชิโกะนี่ละค่ะ
Originally Posted by KeRoRo
[SIZE="4"]ส่วนตัวนะฮ่ะ
ไม่เคยอิฉาอะฮ่ะ
ไม่รู้จะอิจฉาไปทำไมกัน แอบปวดหัว เครียดลงกระเพาะแทน
ไม่เคยต้องขอเงินบิดามารดา หรือ ขโมยตังแฟน หรือ เอาเงินค่าเทอมลูก <เพราะยังไงก้ม่ายมี>
มาซื้อของพวกนี้คับ ได้มาเพราะสเน่หา ล้วนๆๆๆๆ หรือ น้ำพักน้ำแรงตัวเอง หรือ ความสามารถอย่างอื่น
[SIZE="2"]ท่าจะเป็นความสามารถเฉพาะกิจ เอ๊ย เฉพาะตัวนะคะ :)
Originally Posted by yainong
ชอบเข้าห้องอาหารตาค่ะ ได้ดูกระป๋าเยอะดี กระตุ้นต่อมกิเลสดีนักแล อิอิอิอิ ชอบดูค่ะ เอาไว้เป็นแนว รู้สึกว่ามีประโยชน์มากค่ะ จะได้เก็บข้อมูลเป็น wish list ต่อไป (หุหุหุ ตอนนี้มันยาวเหยียดคร่า)
ส่วนเวลาเห็นใครมีเยอะๆเรารู้สึกยินดีด้วยค่ะ เข้าใจมากมาย เพราะถ้าเรามีตังค์เยอะ ก็คงซื้อเยอะเหมือนกัน อิอิอิ แต่ตอนนี้มีเท่านี้ ซื้อเท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็โอค่ะ นอกนั้นขอให้ได้ดู ได้ศึกษา ได้เรียนรู้แต่ละรุ่นแต่ละแบบก็มีความสุขแร้ววววว
[SIZE="2"]แหะๆ จะบอกว่าตอนนี้ ก็ยังแว๊บๆเข้าไปดูค่ะ ดูแล้วก็มีความสุข ตื่นตาๆๆๆ :D
[SIZE="4"]เราว่าคนที่ซื้อเยอะๆ แล้วเอามาโชว์ที่ห้องอาหารตา
เค๊าจะมีความสุขตอนโชว์ค่ะแต่จะเป็นทุกข์ในวันที่ใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตมาอ่ะ แงแงแง
เหมือนเราเอง 555 เพราะฉะนั้นอย่าไปอิจฉาเค๊าเลยค่ะ
Originally Posted by due
[SIZE="4"]เราว่าคนที่ซื้อเยอะๆ แล้วเอามาโชว์ที่ห้องอาหารตา
เค๊าจะมีความสุขตอนโชว์ค่ะแต่จะเป็นทุกข์ในวันที่ใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตมาอ่ะ แงแงแง
เหมือนเราเอง 555 เพราะฉะนั้นอย่าไปอิจฉาเค๊าเลยค่ะ
[SIZE="3"]555555 :D ขำคุณ Due ค่ะ ตอนสลิปบัตรเรามาก็แนวนั้นเลยค่ะ จริงๆเราก็ไม่ได้ออกแนวอิจฉาแบบ แหมมมม รวยเหรอยะ เอามาโชว์ แต่เป็นแนว โห อิจฉาเพื่อนคนนี้จัง คุณแม่เค้าน่ารั๊ก น่ารัก ซื้อนาฬิกาสวยจัง ราคาก็แพ๊งแพงให้ด้วย ประมาณเดียวกับ โห อิจฉาอั้ม ทำไมสวยจัง หรือ หมิวแฟนหล่อจังอะไรเงี๊ยะจ้ะ
Originally Posted by poshy
ไม่เคยอิจฉาเลยค่ะ เพราะเจอมาเยอะแล้ว คนรวยแต่ไม่มีความสุข
แล้วหาซื้อวัตถุสิ่งของมาชดเชย แต่ในที่สุดเธอเหล่านั้นก็ยังไม่มีความสุขอยู่ดี
Originally Posted by Oan_Klom
คนเราจะมี หรือไม่มี มันก็อยู่ที่ใจของเราเอง ว่าพอ หรือไม่พอ................
ใครจะมีเท่าไหร่ก็มีกันไป รู้แต่ว่าเรามีได้แค่นี้ เท่านี้ ก็พอแล้ว
ชอบกระทู้นี้คะ เราเองก็เป็นคนนึงที่มีกิเลส เกิดความหลงใหลในรูปของกระเป๋า
และอิจฉาเล็กๆ สำหรับเพื่อนๆๆ ที่มีกระเป๋ากันมากมาย
สวยจริงๆๆ อยากได้ก็อยากได้ แต่สุดท้ายได้แต่มอง พอได้มา แต่ละใบกว่าจะได้ก็อยากได้แล้วอยากได้อีก
จนบางทีหายอยากไปก็มี ซึ่งแต่ละใบที่ซื้อมา (อะไรที่เป้นของเรามันก็เป็นของเราแหล่ะ จะดิ้นรนมากมายไปทำไม)
ก็จะดูด้วยความชื่นชมกับตัวเองว่าน้ำพักน้ำแรงเราเองนะเนี่ย (อีกส่วนถูกเก็บให้เจ้าตัวน้อยไว้แล้วด้วย อดข้าวเพื่อกระเป๋าเราทำได้ เพื่ออะไรเนี่ย...................)
(สามีเอาแต่พูด จะเอาใบไหนก็บอกสิ เดี๋ยวซื้อให้ จนซื้อมากี่ใบแล้วก็ไม่เคยออกสักที 555)
สรุป เพียงจิตเห็นจิต รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ก็เป็นสิ่งที่ดีแล้วคะ (เห็นว่าจิตตัวเองมีตัณหา กิเลส ราคะ.........รู้ว่าเกิดกิเลสความอยากได้แล้ว สามารถดับมันก็ดี ถ้าไม่สามารถจิตก็กระวนกระวายไม่มีที่สิ้นสุด)
ต้องค่อยๆๆ ฝึกฝนกันไป
ชอบค่ะ :)
Originally Posted by noo_pizza
ต่ออีกหน่อย
สำหรับเรา นอกจากประโยชน์ในการเลือกซื้อกระเป๋าแล้ว ก็เอาไว้แบบนี้ค่ะ
เปิดกระทู้ที่แฟนซื้อให้ ให้คุณแฟนดู แล้วกรี๊ดดดด...
บอกว่า "ตัวเองดูดิ แฟนน้องคนนี้น่ารักเนอะ ซื้อรุ่นนี้ให้ อยากได้มั่งจัง"
แล้วเอาหัวไปซุก ๆ ไหล่สักสองจึ๊ก....
แฟนเราก็จะหันมาดูแล้วถามว่า " เท่าไรอ่ะ...." บอกราคา เค้าก็จะ "อืม ๆ เดี๋ยวรอบหน้าวันเกิด เค้าซื้อให้นะคะ "
(อันนี้กรณีที่อยู่ภายใต้ราคาที่เราสองคนจ่ายได้ ไม่เดือดร้อนนะคะ)
มี
บ้าง ที่รุ่นที่เราอยากได้ ใบแสนกว่า แต่เราก็ยังไม่ตัดสินใจซื้อ
เพราะเงินจำนวนเท่านี้ เรามีอย่างอื่นจำเป็นจะต้องใช้มากกว่า
ก็มองไว้ก่อนค่ะ แล้วทำแบบเดิม แต่คำพูดเราจะเปลี่ยนไปเป็น
เรา >> "ไว้เราหาเงินได้มากกว่านี้ เค้าขอซื้อสักใบนะที่รัก"
แฟน >> " เหอ เหอ ขอทำงานมากขึ้นเป็นวันละ 48 ชม.ได้ไหม จะได้ซื้อได้เร็ว ๆ แล้วไว้จะต่อตู้เก็บกระเป๋าให้นะ "
มองต่างมุมดูบ้าง เราไม่ได้ได้ทุกอย่าง ตามที่เราอยากได้
แต่เราก็เป็นสุข ในมุมที่เราเป็นค่ะ ;)
[SIZE="3"]คุณแฟนตอบได้น่ารักมากค่ะ :D คุณแฟนเราอะเหรอ เธอมีแค่ 2 แขนไม่ใช่เหรอ จะเอาไปทำไมกระเป๋า 4 ใบ
Originally Posted by มุก
[SIZE="2"]ท่าจะเป็นความสามารถเฉพาะกิจ เอ๊ย เฉพาะตัวนะคะ :)
อ้ะ แน่นอน ฮ่ะ ความสามารถนี้ใครก้เลียนแบบไม่ได้ งิงิ คริๆๆๆๆๆๆ นี่ยังใช้มารยามะหมดนะฮ่ะเนี่ย
ถ้าปล่อยหมด ไม่อยากจะคิดเรยยยยยยยย คริๆๆๆๆๆๆๆ
[QUOTE=due;482557][SIZE="4"]เราว่าคนที่ซื้อเยอะๆ แล้วเอามาโชว์ที่ห้องอาหารตา
เค๊าจะมีความสุขตอนโชว์ค่ะแต่จะเป็นทุกข์ในวันที่ใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตมาอ่ะ แงแงแง
เหมือนเราเอง 555 เพราะฉะนั้นอย่าไปอิจฉาเค๊าเลยค่ะ
หุหุ เป็นคนที่ชอบไปโพสโชว์งับ ชอบสร้างความตื่นเต้นให้เวปคับ ก้ขำๆๆ
แต่ไม่เคยปวดหัวเมื่อใบแจ้งหนี้มาเพราะ
ที่บ้าน จ่ายสด อะคับ จะจ่ายก้ไปกดเอทีเอม คริๆๆๆๆๆๆๆ
Originally Posted by cocoa
ส่วนตัวคิดงี้ค่ะผู้ที่เจริญแล้ว ย่อมยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีแล้วก็จะรู้สึกดีค่ะ ซ้าทุ /| เห็นด้วยกับน้องโก้ มากที่สุด Originally Posted by KeRoRo
ส่วนตัวนะฮ่ะ ไม่เคยอิฉาอะฮ่ะ ไม่รู้จะอิจฉาไปทำไมกัน แอบปวดหัว เครียดลงกระเพาะแทน ไม่เคยต้องขอเงินบิดามารดา หรือ ขโมยตังแฟน หรือ เอาเงินค่าเทอมลูก <เพราะยังไงก้ม่ายมี> มาซื้อของพวกนี้คับ ได้มาเพราะสเน่หา ล้วนๆๆๆๆ หรือ น้ำพักน้ำแรงตัวเอง หรือ ความสามารถอย่างอื่น ชอบเข้าไปดู ในห้อง Show off ซะอีก จะได้เห็นแบบชัดๆๆๆ เป็นแนวทางในการตัดสินใจด้วย เงินของใครของมัน ชีวิตใครชีวิต มัน เค้ามะสน ฮ่ะ อุ้ย...อันนี้ยิ่งเห็นด้วยเข้าไปอีก คราวหน้ากดเอามาให้เจ้ยืมด้วยน้า ฮิๆๆ :D
คนเราก็ว่าไปคะ ความอยากอะ มันไม่มีสิ้นสุดจริงๆ เวลาเบื่อๆเซ็งชิวิต ทะเลาะกับคนรอบข้าง
เหงา เหมือนโลกนี้มีเราคนเดียว ก็เล่นเนตคะ เล่นมันเข้าไป ทั้งวันทั้งคืน ดูแต่ซื้อของ แล้วเงินก็หมด ก็ต้องมาคิดอีกว่า ไม่น่าซื้อเลย บ้างอันซื้อมาเก็บไว้เป็นปียังไม่เคยเอาออกจากห่อมาใช้เลย เซ็ง
ตังหมด ตอนนี้คิดว่าจะซื้อของที่เราชอบจริงๆอยากได้จริงๆ
ส่วนคนที่เก็บเงินสดไม่อยู่ แนะนำคะ ให้ซื้อทอง ไม่ใช่ทองแท่งนะคะ มันหนักไป ซื้อทองรูปพรรณ ธรรมดาคะ ซื้อที่ละเส้น สร้อยข้อมือ สร้อยคอ อะไรก็ได้คะ ซื้อที่ละบาทก็พอ เก็บไปเรื่อยๆอีกหน่อยมันก็จะเป็นเงินเก็บของเรา ไม่ใช่ซื้อเกรงกำไรนะคะ ถ้าเผื่อวันนึงเดือดร้อนขึ้นมา เราจะได้มีเงินใช้ไม่ต้องไปกู้เค้าคะ
Originally Posted by momoandmimi
คนเราก็ว่าไปคะ ความอยากอะ มันไม่มีสิ้นสุดจริงๆ เวลาเบื่อๆเซ็งชิวิต ทะเลาะกับคนรอบข้าง
เหงา เหมือนโลกนี้มีเราคนเดียว ก็เล่นเนตคะ เล่นมันเข้าไป ทั้งวันทั้งคืน ดูแต่ซื้อของ แล้วเงินก็หมด ก็ต้องมาคิดอีกว่า ไม่น่าซื้อเลย บ้างอันซื้อมาเก็บไว้เป็นปียังไม่เคยเอาออกจากห่อมาใช้เลย เซ็ง
ตังหมด ตอนนี้คิดว่าจะซื้อของที่เราชอบจริงๆอยากได้จริงๆ
ส่วนคนที่เก็บเงินสดไม่อยู่ แนะนำคะ ให้ซื้อทอง ไม่ใช่ทองแท่งนะคะ มันหนักไป ซื้อทองรูปพรรณ ธรรมดาคะ ซื้อที่ละเส้น สร้อยข้อมือ สร้อยคอ อะไรก็ได้คะ ซื้อที่ละบาทก็พอ เก็บไปเรื่อยๆอีกหน่อยมันก็จะเป็นเงินเก็บของเรา ไม่ใช่ซื้อเกรงกำไรนะคะ ถ้าเผื่อวันนึงเดือดร้อนขึ้นมา เราจะได้มีเงินใช้ไม่ต้องไปกู้เค้าคะ
[SIZE="3"]ตอนนี้เราว่าซื้อไม่ค่อยไหวแล้วค่ะ รูปพรรณบาทละเกือบ 15000 แล้ว เสียดายตอนมัน 7-8000 พันจัง
[QUOTE=srichardson;482704]
เห็นด้วยกับน้องโก้ มากที่สุด [SIZE="3"]มายกมือเห็นด้วยอีกทีค่ะ เวลาเรามองโลกในแง่ดี ไม่มีอคติ ไม่อิจฉาแบบหมั่นไส้ใคร ไม่คอยแต่จะจ้องจับผิดใคร ใจเราเองที่จะมีความสุข ความเจริญ เหมือนที่ตัวเราเองได้รู้สึกมาแล้ว ถ้ามัวแต่คิดว่าคนโน้นคนนี้ทำอะไรไม่ถูกใจ ทำอะไรน่าหมั่นไส้ etc... อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว หนังหน้าเราเองที่จะไปก่อนค่ะ :)
[SIZE="3"]ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านนะค๊า ขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็นทุกข้อจ้าาา
[SIZE="3"]เคยเห็นค่ะ ที่มีคนมาตั้งว่าแฟนซื้อให้
อ่านแล้วรู้สึกว่าเจ้าของกระทู้ที่ตั้งเพื่อมาแชร์ความคิดนี่สุดยอดเลย กล้าตั้งในแบบที่หลายๆคนคิดแต่ไม่ตั้ง
แต่โดยส่วนตัวนู๋ไม่รุ้สึกอยากได้อะไรมากอะค่ะ เพราะยังเรียนอยู่แต่ปีสุดท้ายละ
ก็เลยคิดว่า เนี่ยน้า จะต้องทำงานดีๆจะได้มีเงินเยอะๆซื้อกระเป๋าแพงก็ไม่เดือดร้อน
บางทีอยาก pm ถามพี่เค้าว่าเนี่ยทำงานไรเหรอคะ เผื่อนู๋จะหันเหไปสนใจด้านนั้น
เผื่อจะได้มีตังค์เยอะๆมั่ง แต่ก็ไม่กล้า..กลัวโดนด่ามาถามอารัยเนี่ยยอิอิ
แต่ตั้งแต่เข้าเวปนี้มาก็เป็นธรรมดาอะค่ะ เห็นของเยอะแยะจากคนเยอะแยะย่อมต้องอยากได้
นู๋เลยตัดปัญหาเอาเงินไปซื้อสลากออมสิน ทีนี้ก็ถอนไม่ได้สามปีฮ่าๆ
เคยมาตั้งกระทู้ถามความเห็นเรื่องหลุยส์ใบที่ทุกคนต้องมีเผื่อว่าไปทำงาน สรุปพอเก็บเงินได้ครบก็ไม่ได้ซื้อ เสียดายอะ..สองหมื่นนู๋เก็บน๊านนาน..ช่วยพี่สาวรับพรีออเดอร์ก็ได้ไม่เท่าไหร่ พี่งก
...นู๋ว่าบางทีสามีหรือคุณแม่ก็อาจจะรักพี่คนนั้นมากๆนานๆซื้อให้ที
แต่ถ้าบ่อยๆก็ไม่ไหวค่ะ นู๋เรียนด้านการเงินอยู่อยากบอกว่าเศรษฐกิจกำลังจะแย่แล้ว
เก็บเงินไว้ใช้ดีกว่าค่ะ :D
ส่วนตัวนะฮะจริงๆๆนะฮะ
ก็ยังเป็นนักศึกษาอยู่นะครับมีความเห็นเกี่ยวกับห้อง Show off ว่าเป็นห้องที่ชอบที่สุด
ที่มีพี่ๆๆน้องๆๆในเว็บนำสิ่งที่มีอยู่มาแสดงให้ดูเป็นแนวทาง
ถามว่าอิจฉาไหมก็มีครับแต่ก็ไม่อะไรมากประมาณว่า อะอยากได้บ้างสวยจังเลย
อย่างคนทั้วไปเป็นกัน
และตัวเองก็เป็นคนที่รักกระเป๋าและชอบมากๆๆด้วย
และ ก็โชคดีอีกเช่นกันที่ครอบครัว ไม่มีใครว่าในการที่เราจะให้ความสำคัญ และความรักกับกระเป๋า
กระเป๋าที่มีในครอบครองเกือบทุกใบก็เป็นเงินที่ได้จากการเก็บหอมรอมริบ
โดยการไม่ใช้จ่ายอะไรไร้สาระ เพราะเวลาเสียเงินให้กระเป๋ายังได้มาเป็นสิ่งของถาวร
แต่บางคน(เพื่อน)เงินเป็นหมึ่นแต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลยก็มี
และก็ไม่ชอบอิจฉาใครให้ตัวเองเป็นทุกร์ด้วย....อิอิ...
Originally Posted by noo_pizza
quote=bombasiclove;479203]ในหลวงเคยตรัสเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงไว้ว่า
คำว่าพอเพียงของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน พอเพียงไม่ใช่การกัดก้อนเกลือกิน
แต่เป็นการอยุ่ได้ด้วยตัวเอง พึ่งพาตัวเอง โดยไม่เดือดร้อนถึงผู้อื่น
ตราบใดที่เราซื้อกระเป๋า ต่อให้ไปละเป็นล้าน แต่ถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
ไม่ต้องให้ลูกเดือดร้อน เพราะไม่มีตังค์จ่ายค่าเทอม
ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน เพราะเงินหมด
คือเรามีเงินอย่างพอเพียงที่จะใช้จ่ายในแบบของเรา
ชอบความคิดเห็นน้องคนนี้จัง เห็นว่ายังเรียนอยู่ คิดได้แบบนี้
น่ารักจังค่ะ ภูมิใจแทนคนเป็นพ่อเป็นแม่น้องจังค่ะ
ถูกต้องที่สุด ถ้าเราซื้อกระเป๋า
ภายใต้ที่เราและครอบครัวไม่เดือดร้อน
ขอบคุณคับ อิอิ
เป็นปลื้มมมม
เป็นความโชคดีที่แม่กับพ่อ ไม่เคยว่าเรื่องซื้อกระเป๋าครับ
เพราะแม่เคยบอกว่า
"อะไรที่เราทำแล้วมีความสุขก็ทำไป แต่ความสุขของเราไม่ควรไปก่อความทุกข์ให้คนอื่น นั่นคือความสุขที่แท้จริงนะลูก"
อยากขอบคุณแม่ ที่ไม่เคยห้ามอะไรที่ลูกชอบเลย แต่แม่จะแค่เตือนให้เราได้สติครับ
>_<
แฟนซื้อห้าย.... อ่ะ โดนกันหลายเลยทีเดียว ฮ่า ๆ ๆ อ่ะ ล้อเล่นนนนค่า.... :p
อย่างคุณโก้พูดน่ะค่ะ ถูกเลย ฝึกจิตใจให้ได้แบบนั้น แล้วเราจะคิดบวก(แท้ ๆ) กับทุกอย่าง
ส่วนตัว จะบอกว่า มองว่า กระเ๋ป๋า ที่คนเค้าเอามาให้ดู ไม่ว่าจะตรงตามวัตถุประงสค์ของห้องหรือไม่
คิดได้แค่ว่า กระเป๋า เป็นแค่ ตัวแปรหนึ่ง ที่ทำให้คน ๆ นั้นมีความสุขเท่านั้นเองอ่ะค่ะ
ความสุขจริง ๆ ของเค้า อาจจะอยู่ตรงที่ "แฟนซื้อให้"
ความหมายโดยนัยคงเป็น แฟนรู้ใจ แฟนทุ่มทุน เพราะรักมาก ฯลฯ อะไรประมาณนี้ มากกว่ามั้ย...
เพราะกับส่วนตัว กระเป๋า ก็เป็นแค่ตัวแปรหนึ่ง ที่เอามาเพื่อ 1. ประดับ 2. ใช้งาน
หรือความสำคัญอาจจะสลับกันเช่น 1. ใช้งาน 2. ประดับ ก็แค่นั้นอ่ะค่ะ ^ ^
นอกเหนือจากนั้น บันดาลสุขให้เราได้ไม่หมดหรอก มองว่าเป็นวัตถุ มันก็คือวัตถุ ....
อย่าไปคิดมาก ชีวิตยังมีอะไรให้มอง ให้ศึกษาอีกตั้งเยอะค่ะ เรียนรู้กันไม่จบสิ้น :rolleyes:
เห็นไหม๊ ตัวคุณเองยังตั้งชื่อกระทู้ว่า บทเรียนจากห้องห้องอาหารตา ... :D
ส่วนตัวจะบอกตัวเองว่า ซื้อเมื่อพร้อมเท่านั้น และต้องไม่กระทบต่อการใช้จ่ายอื่นๆ
ห้องอาหารตาก็คือ ห้องอาหารตา ครับ
ถ้าเค้ามี เราต้องมี งานนี้ เราเหนื่อยแน่ ...
Originally Posted by nickbee
กระเป๋าที่มีในครอบครองเกือบทุกใบก็เป็นเงินที่ได้จากการเก็บหอมรอมริบ โดยการไม่ใช้จ่ายอะไรไร้สาระ เพราะเวลาเสียเงินให้กระเป๋ายังได้มาเป็นสิ่งของถาวร เก็บหอมรอมริบเจากเงินใครจ้ะนู๋ ฮิๆๆๆ :p Originally Posted by SUI
ส่วนตัวจะบอกตัวเองว่า ซื้อเมื่อพร้อมเท่านั้น และต้องไม่กระทบต่อการใช้จ่ายอื่นๆ
ห้องอาหารตาก็คือ ห้องอาหารตา ครับ
ถ้าเค้ามี เราต้องมี งานนี้ เราเหนื่อยแน่ ...
โอ้โห...น้องสุ่ยวันนี้นู๋พูดดีมาก :D
[SIZE="4"] นึกสุภาษิต คำพังเพยได้อ่ะฮ่ะ
ว่า เห็นช้างขี้ อย่าขี้ตามช้าง
อิอิ
Originally Posted by cocoa
ส่วนตัวคิดงี้ค่ะ ผู้ที่เจริญแล้ว ย่อมยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี แล้วก็จะรู้สึกดีค่ะ ซ้าทุ /| Originally Posted by DenMark
^^^
^^^
เห็นด้วยจ้าาาา
ธุจ้าาาาาาาา /|
อิอิ
เห็นด้วยอีกคนค่ะ...สำหรับกระทู้นี้ขอออกความเห็นตรงๆ บ้างนะคะ อย่าโกรธกันเลย ถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างค่ะบทสรุปของเจ้าของกระทู้ ดีมากๆ ค่ะ อ่านแล้วเข้าใจ และเห็นด้วยค่ะแต่ตัวอย่างที่ยกมาบางตัวอย่าง และวิธีการอธิบายบางตอน อาจกระทบใจเพื่อนบางคนค่ะ บางคนที่มารีวิวด้วยความคิดที่จะแบ่งปันความรู้ให้เพื่อนๆ ค่ะ บางคนอาจรู้สึกเหมือนโดนกระทบกระเทียบหน่อยๆ ว่าใช้เงินเปลือง และขี้อวด อะไรอย่างนี้น่ะค่ะ ออกตัวเอี๊ยดก่อนนะคะ ว่าไม่ได้เข้าใจเจ้าของกระทู้เป็นอื่นนอกจากสิ่งที่เจ้าของกระทู้เขียนค่ะ เห็นด้วยกับบทสรุปค่ะ Sometimes,i couldn't help thinkining.. it is just too materialism here, don't you think?
OF COURSE! THE WEBSITE'S NAME SUGGESTS SO! SIAM BRANDNAME... WE ARE ALL HERE BECAUSE WE ARE SO IN LOVE WITH BRANDNAME STUFFS. (THIS SENTENSE EXCLUDES SOME PEOPLE WHO ARE HERE JUST TO MAKE MONEY). ONES WHO LOVE BRANDNAMES USUALLY BE STEROTYPED AS A MATERIALISM ANYWAY...
[SIZE="2"]เวลาเข้าห้อง Show Off
ส่วนใหญ่เข้ามาเหมือนหาข้อมูลของกระเป๋ารุ่นต่างๆ มากกว่า
อารมณ์มันไม่ได้อิจฉานะคะ ว่าทำไมแฟนเราไม่เป็นอย่างนั้นบ้าง
ทำไมแม่เราไม่ซื้อให้เราบ้าง.....
แต่ถ้าดูเยอะๆ มันก็อาจเกิดอารมณ์สวยจัง......อยากได้บ้าง.....
แต่ก็นั่นแหละ........ไม่จำเป็นต้องได้ทุกอย่างที่อยากได้นี่........
ของอย่างนี้มันต้องดูกำลังทรัพย์ของตัวเราน่ะค่ะ........
อย่างเรา...เราก็มีลิมิตวงเงินในการช้อปตรงนี้นะคะ.....
หมดวงเงินแล้ว.....ต่อให้อยากได้ นอน...ก็ยังฝันถึงขนาดไหน....
ก็ต้องอดใจรอ.....รอบต่อไปค่ะ.......
ไม่ค่อยได้เข้าห้อง Show off เลย.. กลัวว่าอยากได้อ่า อิอิ
ตอนนี้ที่ทำอยู่ ก็คือซื้อ.. เท่าที่เราไม่เดือดร้อน .. กำลังอยากจะฝึกให้เท่าที่จำเป็นด้วย แต่คงยากหน่อย
เราชอบที่คุณมุกพูด.. ตรงดีค่า ^^
Originally Posted by KeRoRo
นึกสุภาษิต คำพังเพยได้อ่ะฮ่ะ
ว่า เห็นช้างขี้ อย่าขี้ตามช้าง
อิอิ
ทำไม่ได้ค๊า ทำได้แต่ [SIZE=7]เข้า [SIZE=7]SBN ตาลิ่ว ต้องลิ่วตาตาม
แอบเข้ามาอ่านหลายรอบ
ขอบคุณมากครับ จะได้เก็บไว้เป็นการเรียนรู้ครับ
ชอบความเห็นคุณมุกจังเลยค่ะ...ตรงดีค่ะ
slotxo true wallet