ตลอดเวลา ๒๔ ชั่วโมง
เราแบ่งเวลาให้ความสุขกี่โมง
เราให้เวลากับความทุกข์กี่นาที
>>>…หรือระหว่างสุขกับทุกข์..
>>>…เราให้เวลาเท่า ๆ กัน หรือต่างกัน..
>>>…บางคน..
ในหนึ่งวันอาจให้เวลาความสุขมากว่าทุกข์
>>>…แต่บางคน..
ก็อาจให้เวลาความทุกข์มากกว่าความสุข
แต่ก็มีอีกหลายคน..
ที่ต้องใช้เวลาในการแสวงหาความสุขมาชั่วชีวิต
>>>…แต่ยิ่งแสวงหามากเท่าไหร่..
>>>…ความสุขที่แท้จริง..ก็มันไม่ปรากฏตัวให้เราเห็น..
>>>…เหมือนกับคนที่วิ่งตามเงาตัวเอง..
>>>…ยิ่งวิ่งไล่ตามเท่าไหร่..ก็วิ่งไม่ทันสักที..
แต่เมื่อเราเริ่มเหนื่อยล้ากับการวิ่งไล่..แล้วหยุดพักสักนิด..
เราก็จะเริ่มเห็นและเข้าใจความสุขว่า...
>>>…ในความเป็นความจริง...
>>>…ความสุขกับความทุกข์
>>>…มันไม่ได้หนีหายจากเราไปไหนหรอก...
>>>…ความสุข-ความทุกข์..
>>>…ก็อยู่ในตัวเรานี่แหละ
แต่ที่เราสุข..เราทุกข์..มากบ้าง..น้อยบ้าง..
ขึ้นอยู่กับว่า...
เราให้นิยามให้ความรู้สึกของความสุข-ความทุกข์...
ในขณะนั้น วินาทีนั้น..ว่าอย่างไร..????
เราลองสังเกตดู..
ในขณะที่เราคิดว่า “มีความสุข”
แต่พอเวลาผ่านไปไม่นาน ไม่กี่นาที..
อารมณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามากระทบในเวลานั้น ขณะนั้น..
>>>…จากเวลาที่เราคิดว่า “เรามีความสุข”
>>>…เพียงไม่กี่วินาที..
>>>…เราก็อาจที่จะเรียนรู้กับ “ความทุกข์” ขึ้นได้ทันที
ในหนึ่งวัน ๒๔ ชั่วโมง
ถ้าคิดเป็นวินาทีแห่งความสุข- ความทุกข์
ก็จะทำให้เราได้เรียนรู้..และเข้าใจอย่างแท้จริงว่า...
>>>…ภายในไม่กี่วินาที..
>>>…เราอาจมีทั้งความสุขและความทุกข์ปะปนกันไป
ถ้า ๑ นาที เรามีความสุข ๖๐ วินาที
ถ้า ๑ ชั่วโมง เราก็มีความสุข ๓,๖๐๐ วินาที
ถ้า ๑ วัน เรามีความสุข ๘๖,๔๐๐ วินาที
ถ้า ๑ เดือน เราก็จะมีความสุข ๒,๕๙๒,๐๐๐ วินาที
ถ้า ๑ ปี เราก็จะมีความสุขมากถึง ๓๑,๕๓๖,๐๐๐ วินาที
เพราะฉะนั้น..
ถ้าเราบวก ลบ คูณ หาร
ถ้า 1 ปี = 365 วัน, 75 ปี = 27,375 วัน
(365 x 24 ชม. = 8,760 ชั่วโมง )
( 8,760 ชั่วโมง x 75 ปี = 27,375 วัน )
( 27,375 วัน x 24 ชั่วโมง = 657,000 ชั่วโมง )
( 657,000 ชั่วโมง x 3,600 วินาที )
ดังนั้น...วินาทีแห่งความสุข-ความทุกข์..ของคนเรา
ตลอดระยะเวลา ๗๕ ปี ของชีวิตมนุษย์เราโดยส่วนใหญ่
ก็จะมีมาตราวัดความสุข - ความทุกข์ = 2,365,200,000 วินาที
ถ้าเปรียบความสุขเหมือนกับก้อนเงิน-ก้อนทอง..
>>>…เราก็ได้ชื่อว่า..
>>>…เป็น “มหาเศรษฐีแห่งความสุข” พัน ๆ ล้านเลยทีเดียว..
แต่จะมีใครในโลกนี้
ที่จะมีความสุขตลอดเวลา
และก็ไม่มีใครที่จะมีความทุกข์ตลอดเวลาเช่นกัน
แต่ละวินาทีของความสุข-ความทุกข์
ถ้าบวก ลบ คูณ หาร กันแล้ว..
>>>…ผลลัพธ์ที่ออกในหนึ่งชีวิตของเรา..
>>>…ก็ขอให้ความสุข..มากกว่า..ความทุกข์สักนิดก็ยังดี..
เพราะทุกคนที่เกิดมา..
ก็ปรารถนาความสุข..เกลียด-กลัว..ความทุกข์กันทุกคน..
>>>…แต่ขอให้รู้ว่า...
>>>…ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์..
เมื่อเกิดมีขึ้นแล้ว...เราจะต้องทนทุกข์นานนับปีเชียวหรือ ???
เพียงแค่ทุกข์ไม่กี่วินาที..ก็ทำให้เราเจ็บมาพอแล้ว...
แต่อย่างน้อย ๆ...
เราก็ได้ชื่อว่า..ได้ลิ้มลองรสชาติของทุกข์..ว่าเป็นเช่นไร..????
จะสุขหรือทุกข์..จะมากหรือน้อย..
ก็ขึ้นอยู่กับการปรับสภาพของจิตใจ...
เพียงแค่ปรับความรู้สึก..
>>>…ถ้าทุกข์...ก็อย่ามัวแต่ร่ำร้อง คร่ำครวญ ทุรน-ทุราย
>>>…หรือคิดน้อยเนื้อต่ำใจกับสภาพที่เป็นเช่นนั้น
>>>…หรือนั่งเศร้า ระทมทุกข์กับมัน..
ถ้ารู้ว่า..อ๋อ..นี่มันคือ..ทุกข์..
ก็พยายามทำความรู้จักกับมัน..
พอเราเริ่มรู้จักกับมัน..และทนต่อสภาวะอาการต่าง ๆ ของมันได้...
เราก็จะเริ่มคุ้นชินกับมัน...และเข้าใจมัน..
>>>…จนในที่สุด..
>>>…ความทุกข์นั้นก็กลับกลายเป็นความสุขทันที...
>>>…ที่เราเข้าใจมันอย่างแท้จริง....
หรือบางครั้งที่เราคิดว่า “เรามีความสุข”
พอใจแล้วละ ชอบใจแล้วละ สุขกว่านี้คงไม่มีแล้วละ..
แต่พอความทุกข์มากกระทบนิดหน่อย..
>>>…ใจของเราก็มักโต้ตอบกลับทันทีว่า..
>>>…เอ้า..ไหนบอกว่า..สุขไง ????..
แต่พอเริ่มคุ้นชินกับมัน..
คิดว่า.. “สุขสบาย”...
เดี๋ยวความทุกข์มันก็มาทดสอบใจของเราอีกนั่นแหละ...
เพราะฉะนั้น..
เราจึงต้องรู้จักที่จะปรับเปลี่ยนตนเองได้ทุก ๆ สถานการณ์
ถ้าทุกข์มากระทบ...ก็เตรียมปรับใจให้เป็นสุขได้ตลอดเวลา..
ถ้าสุขมากระทบ......ก็พร้อมรับความทุกข์ที่จะเกิดขึ้นอีกไม่วินาทีข้างหน้า..
>>>…เพราะความสุขกับความทุกข์..
>>>…มันอยู่ใกล้ชิดกันนิดเดียว...เหมือนกับหน้ามือ-หลังมือ..
>>>…เพียงแค่หงาย...ก็สุข เป็นทุกข์...ก็แค่คว่ำ...
ดังนั้น...
ถ้ารู้เช่นนี้แล้ว...
อย่าเกลียด-กลัวความทุกข์เลย
แล้วชื่นชม-ชื่นชอบแต่ความสุขเลย
เพราะในสุขก็มีทุกข์ ในทุกข์ก็มีสุขปะปนกัน
บทความ...โดย...ชายน้อย..
เมื่อพูดถึงความดี..
ทุกคนก็คงเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วว่า..
ความดี..คือ...ความอ่อนน้อมทางกาย...
ความดี..คือ...ความอ่อนหวานทาง...
ความดี..คือ...ความอ่อนโยนทางใจ...
ความดี..คือ...ความงดงามทั้งกาย วาจา และจิตใจ...
ความดี..คือ..คุณธรรมที่น้อมนำให้เราเป็นคนดี..(ความดีคู่กับคุณธรรม)..
ความดี..คือ..สภาพของความรู้สึกแสดงความปลาบปลื้มเป็นสุขให้กับผู้กระทำ..
ถ้าจะถามว่า..
ระหว่างความดีกับความชั่วอะไรจะทำได้ง่ายกว่ากัน ???
หลายต่อหลายเหตุผล...แล้วแต่เราจะตอบ..
แต่มีพระพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าของเราตรัสไว้ว่า..
>>>…ความดี.....คนดี.......ทำได้ง่าย
>>>…ความดี.....คนชั่ว.....ทำได้ยาก
>>>…ความชั่ว...คนดี.......ทำได้ยาก
>>>…ความชั่ว...คนชั่ว.....ทำได้ง่าย
ดังนั้นเราก็พอจะวัดคุณภาพความดีของเราได้ว่า...
เราจัดอยู่ในความดีประเภทใด..
เพราะฉะนั้นเครื่องวัดคุณธรรม คือ ความดีของเรา..
สามารถวัดได้จาก....เกรดแห่งคุณธรรม ๔ ระดับ คือ....
>>>…เกรด D เป็นการทำความดีเพื่อตนเอง..
+ + + ……....ไม่สนใจผู้อื่นว่าจะเป็นอย่างไร..
+ + + ……....คิดเห็นแต่ประโยชน์ตนเป็นหลัก..
>>>….................เป็นความดีระดับเบื้องต้น..คือ...(ดี)....ธรรมดา..
>>>…เกรด C เป็นการทำความดีเพื่อผู้อื่น
+ + + ……...โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ตนเองเลยสักนิด..
+ + + ……....แต่สนใจและคำนึงถึงการทำเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา..
>>>…................เป็นความดีระดับปานกลาง..คือ...(ดีมาก).....
>>>…เกรด B เป็นการทำความดีเพื่อตนเองและผู้อื่น
+ + + ……...ประเภทนี้ก็ถือว่า..ยกระดับความดีควบคู่กัน คือ..
+ + + ……...ทำดีเพื่อตนแล้ว ยังทำเพื่อคนอื่น รวมถึงสังคมด้วย..
>>>…................เป็นความดีระดับสูง..คือ...(ดีที่สุด).....
>>>…เกรด A เป็นการทำความดีที่ไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น..
+ + + ……....เมื่อมีโอกาสก็ทำทันที ไม่ต้องเดี๋ยว ไม่ต้องรอ
+ + + ……....ถ้าเป็นเรื่องดี....คิดแล้วทันที...
+ + + ……....ถ้าเป็นเรื่องไม่ดี...ต้องคิดแล้วคิดอีก..คิดเป็นร้อยครั้ง...พันครั้ง..
+ + + ……....จนลืมไปเลยว่า..เราคิดเรื่องไม่ดี...(ลืมความชั่ว..ทำแต่ดี..มีคุณจริง)...
>>>…................เป็นความดีระดับดีที่สูงกว่าที่สุด...จนหาประมาณมิได้..
>>>…................(ดีแท้แน่นอน..ประเสริฐสุด..สุดยอด)...และไม่หยุดทำความดี..ทำดีตลอดเวลา..
เพราะฉะนั้น...
การที่เราวัดใครเป็นคนดี...มีคุณธรรม..
ก็วัดได้จาก ๔ เกรดดังที่กล่าวแล้ว...
เกรด ( ( A ) )…ดีที่สุดกว่าที่สุด...จนหาประมาณมิได้...ทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน
เกรด ( ( B ) )…ดีที่สุด...ทำเพื่อประโยชน์ของตน ของผู้อื่น และสังคม..
เกรด ( ( C ) )…ดีปานกลาง....ทำเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นเป็นหลัก..
เกรด ( ( D ) )…ดีธรรมดา...เพราะทำเพื่อประโยชน์ตนโดยส่วนเดียว...
ดังบทกลอนที่ว่า...
อยากได้ดี ไม่ทำดี นั่นมีมาก
ดีแต่อยาก ไม่ยอมทำ น่าขำหนอ
อยากได้ดี ไม่ทำดี มีแต่รอ
ดีแต่ขอ รอแต่ดี เดี๋ยวค่อยทำ..ฯ
บทความโดย...ชายน้อย..
มีเทคนิควิธีการ...
ในการยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้อื่น...๔... วิธี คือ..
๑. การเสียสละ แบ่งปัน ไม่ตระหนี่ มีน้ำใจ..
>>>…คนเราถ้าได้ช่วยเหลือใครสักคน..
>>>…ในเวลาที่เขาเดือนร้อน..
>>>…น้ำใจที่หยิบยื่นให้กันเพียงเล็กน้อย...
>>>…หรือแม้แต่รอยยิ้มจากหัวใจด้วยความปรารถนาดี...
>>>…ก็ถือว่า..มีคุณค่ามากแล้ว...
>>>…ถ้าเรายิ่งให้ความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน...
>>>…สิ่งเหล่านั้นก็จะตอบแทนเรามาทันที...(จิตใจจะรู้สึกและรับรู้อารมณ์ขณะที่ให้ทันที)..
๒. การพูดสุภาพอ่อนหวาน นำมาซึ่งไมตรีจิตและมิตรภาพที่งดงาม
>>>…การพูดก็สำคัญ...การกระทำก็สำคัญยิ่งกว่า...
>>>…การพูดด้วยถ้อยคำอ่อนหวาน...สุภาพเรียบร้อย....
>>>…ก็เป็นเครื่องบ่งบอกถึงจิตใจ/ความรู้สึกภายในได้เช่นกัน...
>>>…เพราะการพูดที่ดี..ต้องผ่านการคิดที่ดี...จากจิตใจที่งดงามด้วย..
>>>…การพูดคำหยาบ..จึงเป็นการบ่งบอกถึง..ความคิดในด้านลบ..
>>>…ที่แสดงออกมาจากภายในส่วนลึกของจิตใจของผู้พูดนั้น...
>>>…การพูดที่ดี..จากจิตใจที่ดี...ก็เป็นเสน่ห์อันดับที่สอง....
>>>…จากเสน่ห์ทางกาย....(รูปร่าง,บุคลิกภาพ)...
เมื่อเห็นด้วยสายตา...
ได้สนทนาพูดคุยกัน...ก็ยิ่งทำให้เกิดความประทับใจมากยิ่งขึ้น..
สาเหตุที่เน้นในการพูด...
เพราะอยากให้ทุกคนถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน...
>>>….อาวุธยุทโธปกรณ์ นิวเคลียส์....ที่ว่าร้ายแรง..และมีพลานุภาพมาก..
>>>…ซึ่งสามารถทำลายล้างโลกของเราในพริบตา..
>>>…ก็ยังสู้ลมปากที่พลั่งพู...ออกมาจาก.... “ปาก” ..ของมนุษย์ไม่ได้..
>>>…เพราะถ้าพูดดี....ก็ยังประโยชน์ให้สำเร็จได้...ยุติการศึกสงครามได้...
>>>…แต่ถ้าพูดคำร้าย ๆ ออกไป... “แม้คำเดียว” ...
>>>…ก็สามารถทำลายชีวิตของผู้พูดได้เช่นกัน..
๓. การบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ที่ดูเล็กน้อย...แต่ก็ยิ่งใหญ่...
>>>…คือการบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเอง - ผู้อื่น
>>>…และสังคม ตลอดถึงมวลมนุษยชาติด้วย...
>>>…เป็นการกระทำที่มีค่ามากที่สุดยิ่งกว่าที่สุดอีก...
>>>…คือจะนับประมาณค่าในสิ่งนั้นไม่ได้เลย...(ยิ่งใหญ่มาก)...
>>>…เพราะเป็นการสร้างคุณประโยชน์ที่ฝากไว้ในแก่อนุชนคนรุ่นหลัง..
>>>…ได้กล่าวขาน..และสืบทอดคุณงามความดีต่อไป..ชั่วกาลอวสาน..
๔. การวางตนได้อย่างเหมาสมแก่ฐานะ
>>>….ในภาวะความเป็นอยู่ของตน
>>>…ไม่ต่ำเกินไป ไม่สูงเกินไป พอเหมาะพอดี..
คนเราถ้ารู้จัก...พอดี...และดีพอ...
ก็จะสามารถที่วางตนเองได้อย่างเหมาะสม..
และทำใจได้ในทุก ๆ สถานการณ์..
ทั้ง ๔ วิธีนี้..สามารถนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตของเราได้..
ซึ่งถือว่าเป็นเทคนิควิธีการชนะใจผู้อื่นได้อีกวิธีหนึ่ง..
เพื่อให้จำ และนำไปใช้ได้ง่าย..
ก็คือ..โอบอ้อมอารี วจีไพเราะ สงเคราะห์ชุมชน วางตนแต่พอดี..
ท่องไว้ในใจ....และทำให้ได้เช่นนี้..
เราก็จะได้ชื่อว่า..เป็นที่รักของเพื่อน ๆ และทุก ๆ คน
บทความ..โดย..ชายน้อย
[SIZE="4"][SIZE="2"]โดนใจเต็มๆ เลยค่ะ
สาธุ อนุโมทนาบทความดี ๆ นี้ด้วยนะคะ ส่วนตัวสำหรับพี่ก็ปฏิบัติได้หลายอย่างแล้ว และจะพยายามปฏิบัติเพิ่มขึ้นอีก เพื่อตัวเองกับชีวิตที่เหลืออยู่
อยากได้ดี ไม่ทำดี นั่นมีมาก
ดีแต่อยาก ไม่ยอมทำ น่าขำหนอ
อยากได้ดี ไม่ทำดี มีแต่รอ
ดีแต่ขอ รอแต่ดี เดี๋ยวค่อยทำ..ฯ
ถูกต้องค่ะ
โดนค่ะ โดน
คนเราเลือกได้เสมอเนอะ
คิดเข้าข้างตนเองนะคะ เทียบแล้วอยู่เกรด B
ดังนั้น...
ถ้ารู้เช่นนี้แล้ว...
อย่าเกลียด อย่ากลัวความทุกข์เลย
หรือชื่นชม ชื่นชอบแต่ความสุขเลย
เพราะในสุขก็มีทุกข์ ในทุกข์ก็มีสุขปะปนกัน
ใช่เลยค่ะ ส่วนตัวเจอมาแล้วหลังจากสูญเสียลูกชาย ก็ได้สิ่งชดเชยมาเป็นหลานชาย ตอนนี้อายุได้ 1 ขวบ 4 เดือนแล้ว กำลังน่ารัก น่าชัง
ตอนนี้มีความสุขในการเลี้ยงหลานมากมายเลย
Originally Posted by wawe
สาธุ อนุโมทนาบทความดี ๆ นี้ด้วยนะคะ ส่วนตัวสำหรับพี่ก็ปฏิบัติได้หลายอย่างแล้ว และจะพยายามปฏิบัติเพิ่มขึ้นอีก เพื่อตัวเองกับชีวิตที่เหลืออยู่
[SIZE="4"]สาธุกับคุณwave ด้วยนะคะ
และขอ ขอบคุณ คุณhut2211
สำหรับข้อคิดในการดำเนินชีวิตที่ดีนี้ไว้ด้วยจ้า
[SIZE="4"]"ความดี ..... คนชั่วทำยาก"
"ความชั่ว..... คนดีทำยาก"
เห็นด้วยมากๆเลยค่ะ
มีปัญหา รบกวนช่วยลบหน่อยครับ
[SIZE="4"]ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ทุกอารมณ์
ล้วนเป็นอนิจจัง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป
เป็นธรรมดา อนิจจัง ไม่เที่ยง
สุข เกิดขึ้น แล้วก็ หายไป
ทุกข์ เกิดขึ้น แล้วก็ หายไป
ให้รู้ตัวอยู่ตลอด
ว่านี้เป็นสุข แล้ววางลง อย่าไปยึด
ว่านี้เป็นทุกข์ แล้ววางลง อย่าไปยึด
[SIZE="3"]พูดง่าย รู้อยู่ แต่เวลาทำ ก็ยากอยู่เหมือนกันค่ะ
ถ้าไม่เคย[SIZE="5"]ทุกข์
ก็ไม่รู้จัก[SIZE="6"]**สุข** ค่า...
ขอบคุณสำหรับข้อความค่ะ
เหมือนกับเพลงที่ร้องว่า
ทุกข์ที่เกิดซ้ำ เพราะใจนำพร่ำเพ้อ หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข..... :o
ขออนุญาติคุณเจ้าของกระทู้รวมสี่กระทู้ของคุณ ไว้ในกระทู้นี้กระทู้เดียวนะครับเพราะเห็นว่าไม่ใช่กระทู้ตั้งคำถาม ทั้งสี่กระทู้คุณตั้งภายในวันเดียว และหัวข้อจัดอยู่ในหมวดเดียวกัน เลยคิดว่าน่าจะรวมไว้ด้วยกันได้ครับ
ส่วนข้อความจากสี่กระทู้นั้นอยู่ครบครับ เพียงแค่ mergeมาไว้ที่เดียวกันคือกระทู้นี้
เพราะเมื่อตอนเย็นฐานข้อมูลของเวบมีปัญหาหน่อยครับ จึงต้องเพิ่มกฏออกมาจำกัดเรื่องการใช้พื้นที่เวบบอร์ดครับ
http://forum.siambrandname.com/announcement.php?f=7&a=15
ขอบคุณครับ
SBN Webmaster
ต้องขออภัยและขอบคุณครับ :D
เราเกรด B แบบเข้าข้างตัวเองสุดๆ