ทุกข์สุดๆค่ะ คุณแม่สามี(ใจร้าย)ทำเรา(ใจร้าว)เลยคร่า ทนไม่ไหวแล้ว จะอยู่หรือไปดีคะ ฮือ.......ฮือ
โดย mookmik
mookmik
#1
ก่อนอื่นต้องขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ มุกเป็นน้องใหม่ค่ะ
แต่ติดตามsbnมา3เดือนเห็นจะได้ แต่ก็ซื้อของในนี้ประมาณนึงแล้วค่ะ
ชอบเพื่อนๆในsbnค่ะ
ทั้งๆที่ไม่เคยเจอหน้าเจอตากันเลย แต่น่ารักและมีน้ำใจ
กับมุกสุดๆเลยอ่ะ
คุณแม่สามีของเพื่อนๆเป็นไงกันบ้างคะ มุกแต่งงานมาได้
3ปีกว่าแล้วค่ะ แต่แม่สามีไม่ชอบมุกเค้าพูดกับแม่บ้านว่า
บ้านมุกจน (แต่จริงๆก็ไม่ได้จนนะคะพอมีพอใช้อ่ะ) ต้องทำงาน(บ้านๆๆๆๆ)เยอะๆ
ไม่เหมือนกับลูกสะใภ้(อีกคน) รวย (ไม่จำเป็น)ต้องทำงานบ้าน

ทำไมเค้าใจร้ายกับมุกจัง ถึงเค้าจะมีแม่บ้าน2คนแต่มุกก็ไม่เคยให้เค้ามาทำงานให้มุกเลย
พอมุกทำกับข้าวกินเองเค้าก็ ม่ายยยยพอใจ ทำให้เค้ากินก็ม่ายยยยยล่ายยยยลั่งงงงงใจ
ไปชื้อกินก็บอกว่ารวยเหรอ แถมยังดุด่าว่ากล่าวสารพัดต่างๆนานาๆ ทั้งภาษาไทย
และภาษาจีน (เค้าคิดว่ามุกฟังไม่เข้าใจ) แต่จริงๆแล้วเข้าใจทุกช็อตคร่า
โดยเฉพาะด่าเป็นภาษาจีน โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย เล่าวันนี้ก็ไม่จบ
คุงแม่สามีของเพื่อนๆ พี่ๆ เป็นไงกันบ้างคะ ลืมไปต้องบอกก่อนว่า
สามีมุกเป็นคนดีมากเข้าใจมุกทุกอย่าง แต่พูดไม่ได้ค่ะต้องทำตัวเป็นกลาง จนตอนนี้ทนไม่ไหว
จะออกไปอยู่ข้างนอกแบบ 3 คนพ่อแม่ลูก สามีก็ทำไม่ได้เพราะอยู่แบบกงสีค่ะ
ออกไปก็หาว่าเป็นลูกเนรคุณ จะเลิกกับสามีก็สงสารลูกค่ะเพราะเค้าติดพ่อมาก ทำไงดีค๊าขอความเห็นหน่อยคร่า
mookmik
#2
ใครได้สามีดีเหมือนถูกหวยรางวัลที่ 1 ใครได้แม่สามีดีสบายไปตลอดชาติ จริงมั้ยคะ:confused:
wann
#3
ไม่เคยเจอ ยังไม่ได้แต่งงาน หุหุ แต่อยากบอกว่า ถ้าสามีน่ารัก ยังไม่ต้องแยกออกไปหรือแยกทางกันหรอกคะ

คุณ mookmik ลองหาทางออกไปทำงานนอกบ้านได้ไหมคะ

เอาแบบใช้เวลาอยู่ในบ้านแค่ตอนค่ำ ๆ กะนอน (จะมีคนดูลูกให้รึป่าว ถ้าลูกไปโรงเรียนแล้วก็ดี จะได้ออกบ้านพร้อมลูกเลย)

ทำตัวแบบว่า อยากทำงาน (ที่กงสีสามี ไม่มีให้ทำ) มาก ๆ

เพราะถ้าเราทำตัวเป็นอริ กะแม่สามี สามีที่น่ารักของเราคงทุกข์ใจ (ถ้าสามีไม่ดี ตัดสินใจง่ายมาก)

เอาเป็นว่าคิดซะว่าอย่างน้อย เราก็ได้สามีที่ดี ดีกว่าเจอครอบครัวสามีดีกะเรา แต่สามีไม่ดีนะคะ

ไม่รู้ช่วยได้ไหมน้า
N a m F o n
#4
[SIZE="4"]เห็นใจ จขกท ค่ะ

ขอให้ใจเย็นๆ นะคะ เพราะว่าคุณสามีเป็นคนดี

แถมมีลูกด้วยกันอีกต่างหาก

ลองออกไปทำงานนอกบ้านอาจจะช่วยได้บ้างนะคะ

จะได้ไม่ต้องเจอกันทั้งวัน :)


ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
cutiezee
#5
ยังไม่แต่งงาน เหมือนคนข้างบน
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า มีแม่สามีแบบนี้ด้วย .. คิดว่ามีแต่ในละคร
ทำใจยอมรับและอดทนค่ะ
TUBTIM
#6
คือถึงตอนนี้แล้วคงต้องอดทน และ ทำใจค่ะ

เวลาโดนตำหนิ อยากให้คุณมุกฟังหูซ้ายทะลุหูขวาค่ะ อย่าไปใส่ใจ
คิดว่าปากเค้ามีก้อพูดไปเรื่อย อย่าไปคิดถึงความหมายค่ะ
เพราะเซ้นส์ของแต่ละภาษามันไม่เหมือนกัน ในภาษาจีนบางคำแปลเป็นไทยแล้วหยาบมาก ๆ
แต่ในภาษาจีนคือก็เป็นคำเรียกที่ไม่ค่อยสุภาพแค่นั้นค่ะ

ส่วนเรื่องอาหาร ในเมื่อไม่ให้ซื้อ ไม่ให้ทำ ก้อสั่งแม่ครัวนั่นแหละทำ
ให้แฟนเป็นคนสั่งให้ อย่าไปสั่งเอง กินเหมือนแม่ผัวแหละค่ะ แต่ให้ทำเยอะหน่อย

ส่วนเรื่องเวลาจะพูด จะเอาอะไร ให้แฟนเป็นคนพูดแหละค่ะ ยังไงแม่ผัวเวลาลูกชายพูด
ก้อจะยังเกรงใจลูกหน่อย คือเอาเหตุผลมาว่ากันบ้าง ไม่ใช่อคติล้วน ๆ ค่ะ
yai_625
#7
เห็นด้วยกะคุณTUBTIMค่ะให้สามีพูดเราอย่าไปต่อล้อต่อเถียงเลยค่ะ
ถ้าลูกโตหน่อยก็หาเรื่องออกนอกบ้านค่ะ พาลูกไปเล่นกีฬา ดนตรี เรียนพิเศษ
เป็นเรื่องเกี่ยวกะหลานไม่น่ามีปัญหาค่ะไม่ชอบเราแต่รักหลานอยู่แล้วคุณก็จะได้ออกไป
เจอแม่ๆด้วยกันคุยกันก็คลายเครียดไปค่ะ คิดว่าเวลาจะช่วยให้อะไรๆดีขึ้นค่ะ
ไปข้างนอกมาก็ซื้อของที่เค้าชอบมาฝากทำไปเถอะค่ะซักวันก็ใจอ่อน
kutie2hiso
#8
[SIZE="4"]คิดเหมือนกันว่าให้ไปหางานทำ หรือ ไม่ก็ออกไปข้างนอกทุกวันจะได้ไม่ต้องมาเจอหน้ากัน เจอเฉพาะตอนกลางคืน แต่จริง ๆ แล้วในความรู้สึกของตัวเองคือน่าที่จะไปใช้ชีวิตอยู่กันตามลำพัง พ่อ แม่ ลูก เพราะมันเหมือนกับว่าถ้าเราอยู่บ้านเดียวกัน สามีของคุณก็คือลูกแหง่ ใครอยากจะหาว่าเนรคุณก็เชิญก็ในเมื่อเราอยู่ด้วยกันไม่ได้ อ้อ เห็นบอกว่าลูกสะใภ้อีกคนไม่ต้องทำอะไรก็แสดงว่าอยู่บ้านเดียวกันใช่ไหมค่ะ ก็ดีเลยเราย้ายออกมา แล้วให้สะใภ้คนโปรดอยู่ปรนนิบัติไปสะ ฮะฮ่า [SIZE="5"]เขียนแล้วมันส์สสสสสสสส เพราะเหมือนกับตัวเองมาก ก็คือแม่สามีไม่ค่อยชอบเหมือนกัน แต่เราก็ไม่กลัว เค้าพูดอะไรมา แรก ๆ ก็ ยอมนั่งทนฟัง แต่พอหลัง ๆ ทนไม่ไหว เรื่องอะไรจะให้เราเป็นฝ่ายทน คงไม่ทนไปตลอดชีวิตหรอก เราก็เึถียงกลับเลย บอกไม่อยู่บ้านเดียวกันแล้ว ย้ายออกเลย เบื่อมาก ทะเลาะกันแบบว่า สุดสุด คือ ตอนนั้นเราอยู่ที่ออสเตรเลีย แล้วพ่อ แม่สามีก็อยู่ที่นั่น เวลาเราไปพักบ้านเค้า เราก็ให้เงินเหมือนกับค่าเช่าบ้านทุกเดือน แล้วยังจะมาบ่นอีก ก็เลยสวนกลับไปเลย แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีอะไรแล้ว ไม่กล้ามาว่าอะไรแล้ว เพราะรู้ว่าถ้ามาว่าอะไรเราอีก เราสวนกลับทันทีเลย คนแก่ก็เถอะไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะถือว่าถ้าเค้าไม่ให้เกียรติเรา ต่อให้เป็นแม่สามี เราก็ไม่นับถือเค้าเหมือนกัน (แรงไปหรือเปล่า ไม่รู้น่ะ แต่ว่าใช้ได้ผล)
yelly
#9
Originally Posted by mookmik
ใครได้สามีดีเหมือนถูกหวยรางวัลที่ 1 ใครได้แม่สามีดีสบายไปตลอดชาติ จริงมั้ยคะ:confused:


ได้อย่างนี้สิคะ ดีที่สุด
แต่จะมีใครเลือกได้บ้าง
เราเองก้อเป็นอีกคนที่มีแม่สามี
เมื่อก่อนดีกันเรามากกก
รักเรามากกว่าลูกเค้าอีก
แต่พอวันนึงเกิดเรื่องไม่คาดคิด
เพราะคนในบ้านคอยเป่าหูอยู่ทุกวัน
คนแก่ ๆ ๆๆๆ ก้อเปลี่ยนไปได้เหมือนกันนะ
เพราะอย่างนี้สิ่งเดียวที่ทำได้คือทำใจ
ทุกวันนี้คิดแค่ว่า ไม่นานเค้าก้อตาย
สิ่งที่เราทนก้อจะหมดไป
สิ่งที่เราทำให้เค้า...(ไม่ด่าเค้า ไม่เถียงเค้า) คือการทำบุญ
ถ้าเค้ายังมีแรงด่าเรา เค้าก้อคงยังไม่ตายง่ายๆๆๆ
ปล่อยให้เค้าด่าไปเถอะ
ถือว่าฟังพระสวด ที่ไม่ค่อยจะเข้าใจแต่ก้อต้องพนมมือไว้
555

เป็นกำลังใจให้นะคะ...คิดถึงลูกเราไว้มากๆ..เพราะไม่มีใครรักลูกเรามากกว่าเราแน่นอน
KAN
#10

§ เจอ..เต็มๆค่ะ...คาดว่าน่าจะมากกว่า จขกท. ด้วยซ้ำ ลักษณะของสาเหตุ..
เหมือนกันเลย...แต่ก่อนคิดมากสุดๆ เพราะสามีไม่ได้ดีไปซะทุกอย่าง
เหมือน จขกท. ออกแนวเชื่อแม่ด้วยซ้ำ...แต่เราก้อใช้วิธีอดทน...และต้อง
ทำความเข้าใจเค้าให้มากๆ แต่พอมีลูกชายก้อดีขึ้นมาบ้างแต่ก้อไม่ใช่ว่า
รักเหลือเกินมีคติประจำใจอย่างหนึ่ง "รักแม่เค้า ให้เหมือนกับรักแม่เรา"
เชื่อว่าทุกอย่างมันจะผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ สู้...สู้... §

pete
#11
ถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่าอดทนค่ะ เข้าใจความรู้สึกคุณมุกเลย แต่ยังไงก็ต้องอดทนเพื่อนลูกเพื่อครอบครัวนะคะ พยายามเลี่ยงที่จะเจอกับคุณแม่สามี การออกไปทำงานข้างนอกอย่างที่เพื่อนๆๆให้ความเห็นก็เห็นด้วยค่ะ ทำให้เวลาเจอกันน้อยลง จะได้สบายใจค่ะ พยายามหาเพื่อนคุยด้วยตลอด อย่าเอามาเก็บไว้คนเดียวนะคะ อย่างน้อยคุณมุกก็ยังโชคดีที่คุณสามีเข้าใจ เพียงแต่คุณสามีอาจจะยังทำไรมากไม่ได้เพราะนั่นก็แม่ นี่ก็ภรรยา คิดอีกแง่คุณสามีอาจลำบากใจมากกว่านะคะ ยังไงก็ขอให้คุณมุกใจเย็นๆๆ ค่อยๆๆคุยกับสามีบ้างถึงความรู้สึกของคุณมุก เพื่อให้เค้าเข้าใจความรู้สึกของเรา ยังไงเป็นกำลังใจให้นะคะ เชื่อว่าคุณมุกต้องทำได้ค่ะ อดทนๆๆๆ เพื่อลูกนะคะ
ratkatu
#12
[SIZE="5"]อดและทนค่ะ เพื่อลูก
due
#13
ทำใจเย็นๆไว้นะคะ คนเราทุกคนเกิดมาพบกันในชาตินี้
ล้วนเคยผูกพันกันมาในชาติก่อนๆ แต่เราจำไม่ได้แล้วว่า
เราเคยเป็นอะไรกับใครมาก่อน แล้วเคยทำอะไรกันไว้บ้าง
ผลก็ต้องดูจากชาตินี้แหละค่ะ บางคนเจอกันก็ถูกชะตากันแล้ว
บางคนแค่เห็นหน้ายังไม่เคยพูดกัน ก็เหม็นหน้าแล้ว
ถ้ายังไม่อโหสิกรรมกัน ก็ยังต้องจองเวรกรรมต่อกันไปไม่รู้จบ

พี่ดิวอยากแนะนำให้ อยู่อย่างให้อภัย ไม่ใช่ทนอยู่ หรืออยู่แบบทน ทนไป
พอซักวันนึง ถ้าความอดทนหมดไป คราวนี้ระเบิดลงแน่ๆเลย บ้านแตก
ประมาณว่า "เธอจะเลือกชั้นหรือจะเลือกแม่" ถ้าเค๊าเลือกเรา แม่เค๊าก็เสียใจ
เราก็จะได้เจ้ากรรมนายเวรตามไปอีก หรือถ้าเค๊าเลือกแม่ เราก็จะเป็น
เจ้ากรรมนายเวร คอยจองเวรทั้งเค๊า+แม่ต่อไป ถ้าชาตินี้ทำอะไรเค๊าไม่ได้
ชาติหน้าก็ต้องไปตามจองเวรเค๊าอยู่ดี ถ้าอยากตัดเวรกรรมกันในชาตินี้

พี่ดิวมีวิธีที่อยากแนะนำ คือสวดมนต์ ไหว้พระ ขออโหสิกรรมต่อแม่สามี
แผ่เมตตาให้เค๊า ทำทุกๆวัน ไปเรื่อย เราจะอโหสิกรรมให้เค๊าได้เอง
เมื่อเราอโหสิกรรมให้เค๊าได้แล้ว(ทำได้ด้วยใจ ไม่ได้ทำแต่แค่คำพูดนะคะ)
เมื่อนั้นใจเราจะมีความสุขมากกกก ไม่อาฆาต ไม่เสียใจ ไม่น้อยใจอีกแล้ว
เวลาที่เค๊าว่าเรา จิตเราจะมีแต่เมตตาและให้อภัย และพร้อมที่จะทำดีกับเค๊าด้วยใจ
ไม่ใช่ทำแบบทนทำๆไป เมื่อเราทำได้แบบนี้แล้ว จิต(ใต้สำนึก)ของเค๊าก็จะรับรู้ได้
ถึงความมีเมตตาจิตของเรา ความอาฆาตพยาบาทที่เค๊ามีต่อเราก็จะลดลง
เบาบางลง จนอาจหมดไปได้เลยค่ะ
oum_ja
#14
[SIZE="2"]กระทู้นี้ถ้าจะฮ๊อตฮิตแน่ๆเลยค่ะ.....ปัญหาโลกแตก;)

ขอตอบจากประสบการณ์โดยตรงนะค่ะ......

คุณแม่สามีเรามีลูกชายสองคน แต่รักลูกชายคนโต(คุณสามี)มากที่สุดเพราะแม่ทำอะไรผิดถูกไม่เคยว่าหรือตำหนิใดๆทั้งสิ้น.......ตามใจแม่ทุกอย่าง แม่อยากได้อะไรให้หมด

ก่อนแต่งงานชอบเรามากมาย เพราะเราไม่เคยขัด (ตอนนั้นยังไม่รู้จักกันดี...อีกอย่างผู้ใหญ่แนะนำ) ตอนคบกันจะไปไหนคุณแม่สามีไปด้วยทุกครั้ง ไม่เคยได้อยู่ด้วยกันสองคนเลย พอเรานั่งกันสองคน ก็มานั่งตรงกลางตลอด พอใกล้แต่งก็มาเจ้ากี้เจ้าการ เรื่องชุดแต่งงาน(รับไม่ได้ว่าโป๊...ต่อว่าเราด้วย) พอไปถ่ายรูปเวดดิ้งก็ไปด้วยจะขอถ่ายด้วย พอเราถ่ายมีท่ากอดกันก็โวยวายหาว่าไม่เหมาะสม(กับหน้าที่การงานลูกเค้า)

ตอนแต่งงานใหม่ๆ....เค้ามาเยี่ยมเรากับสามี พร้อมคุณแม่เรา ประโยคแรกที่พูด ก็บอกกับแม่เราว่าคืนนี้นอนกับเรานะ เขาจะนอนกับลูกชายเค้า:confused:

ชอบพูดจากระทบกระเทียบแดกดัน....นำเรื่องผัวๆเมียๆชาวบ้านมามาเล่า...ตอนท้ายมักสรุปว่าผู้หญิงแย่ ผู้ชายดี โดยเฉพาะผู้หญิงที่เลิกกะสามี ต้องเป็นผู้หญิงไม่ดีมีปัญหา มักพูดเสมอว่ายังไงๆลูกชายต้องเลือกแม่เสมอเพราะภรรยาคือคนนอก ตายไป(ภรรยา)หาใหม่ได้ หาไม่ยาก แต่แม่มีคนเดียว

เงินเดือนให้คุณแม่สามีไม่ต่ำกว่าสามหมื่นบาท รถที่ขับตัวเองจ่ายแต่เป็นชื่อคุณพ่อสามี......ทุกวันนี้ได้แต่ปลงค่ ะ>___< เกือบเลิกกันแล้ว(มีหนักกว่านี้อีกค่ะ ด่าว่าพ่อแม่เราหาว่าสามีเราเอาเงินมาให้พ่อแม่เราใช้)

แต่ว่าพ่อแม่ของอุ้มบอกว่า....อย่าไปสนใจเพราะคนที่รักและเข้าใจเราดีที่สุดคือสามีเรา เค้ารักเราและเข้าใจเราทุกอย่าง บ้างคนแม่สามีดีมากมาย...แต่สามีชั่วมากมายอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคนที่ต้องอยู่กับเราไปตลอดชีวิตคือคุณสามีค่ะ ไม่ใช่แม่สามี

ไม่มีใครเพอร์เฟ็ตหรอกค่ะบนโลกนี้....แต่เราว่าการมีอุปสรรคมันคือเกราะคุ้มกันเราในอนาคตนะค่ะ อีกอย่างนิสัยคนเราคงแก้ไม่ได้....สิ่งที่เราทำได้คือยอมรับความจริงบนโลกนี้ ในขณะเดียวกันก็ขอให้มองด้านดีๆของเค้าบ้าง คงไม่มีใครเลวร้ายไปซะหมดทุกด้านหรอกค่ะ:)

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ เครียดๆหลังไมค์ได้เลยค่ะPMมาเลย ยินดีรับฟัง^___^
due
#15
[SIZE="4"]สวดพระพุทธคุณแก้กรรม
อานิสงส์ของการสวดพุทธคุณ
โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม


[SIZE="3"]พระพุทธคุณ อาตมาสังเกตมาว่า บางคนเขาไปหาหมอดู เคราะห์ร้ายก็ต้องสะเดาะเคราะห์ อาตมาก็มาดูเหตุการณ์ โชคลางไม่ดีก็เป็นความจริงของหมอดู อาตมาก็ตั้งตำราขึ้นมาด้วยสติ บอกว่าโยมไปสวดพุทธคุณเท่าอายุให้เกินกว่า ๑ ให้ได้ เพื่อให้สติดี แล้วสวดพาหุงมหากาฯ หายเลย สติก็ดีขึ้น เท่าที่ใช้ได้ผล สวดตั้งแต่ นะโม พุทธัง ธรรมมัง สังฆัง พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากาฯ จบแล้วย้อนกลับมาข้างต้น เอาพุทธคุณห้องเดียว ห้องละ ๑ จบ ต่อ ๑ อายุ อายุ ๔๐ สวด ๔๑ อายุ ๓๕ สวด ๓๖ ก็ได้ผล


พุทธคุณกับชาวคริสต์

มีชาวคริสต์คนหนึ่ง มีลูกชายคนเดียว อยู่ที่ลาดพร้าว เป็นเศรษฐีที่ดิน อายุ ๕๑ ปี มีลูกชายคนเดียว สามีตาย ลูกชายเรียนหนังสือไม่เก่ง ก็ไปส่งเรียนปริญญาที่อเมริกา เป็นเศรษฐีที่ กทม. ราชาที่ดิน ที่ดินข้างคลองแสนแสบของเขาทั้งนั้น ไปจรดลาดพร้าวหลายร้อยไร่ เมื่อสมัยก่อนก็ขายได้หลายร้อยล้าน เป็นผู้มีเงิน ก็ส่งลูกไปเรียนเมืองนอก ลูกไม่เอาไหน ไปก็ไปซื้อรถเก๋ง พาจิ๊กโก๋ไปหาจิ๊กกี๋ ๓ ปีมาแล้ว แล้วก็มีหนังสือมาหลอกแม่เรื่อย เรียนจวนใกล้สำเร็จ ขอเงินอีก ๑ แสน ขอเงินอีก ๕ แสน

แล้วในที่สุดเขาก็ไม่รู้จะไปหาที่พึ่งที่ไหน ก็ไปหาหมอดู หมอดูก็เอาเงินสะเดาะเคราะห์ ลูกถึงจะเรียนได้ แล้วก็ได้เงินสะเดาะเคราะห์ ไปหาหมอทำก็ไม่สามารถจะสำเร็จไ แต่พอดีก็มีคนสิงห์บุรีไปเป็นลูกจ้างบ้านนั้น เขาเป็นนายทุนให้ก็พากันไปนครสวรรค์ กลับมาเขาก็เลยแวะ เขาบอกอย่าแวะ ก็เลยแกล้งเพทุบายว่าปวดท้อง แวะเข้ามาวัดนี้หน่อย จะหาห้องน้ำแวะเข้ามาแล้ว นายทุนคนนี้ก็เข้าห้องน้ำด้วย คนนั้นก็มาบอกกับอาตมาว่า หลวงพ่อช่วยทีเถอะ

แต่อาตมาก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นคริสต์ บอกช่วยหน่อยเถอะเขามีลูกชายคนเดียว ผมก็ขอยืมเงินเขาใช้เรื่อย เราก็นึกในใจว่า ขอดูหน้าก่อน แล้วเขาก็พามาแล้ว ก็บอกให้ฟังว่า ลูกชายไปเรียนที่อเมริกา ไม่เอาไหนเลย พอรู้เข้าว่าเรียนไม่สำเร็จ ไปเที่ยว พานักศึกษาไทยไปเสียหายกัน ฉันก็จะเป็นโรคประสาทแล้ว ท่านจะมีทางช่วยได้ไหม ดูหน้าแล้วก็รู้ว่า ลูกชายต้องสำเร็จปริญญาโท และจะสำเร็จปริญญาเอกด้วย แต่ทำไมเรียนไม่สำเร็จ เดี๋ยวมีวิธีทางแก้ เพราะลักษณะบอกให้รู้ถึงลูก ด้วยว่าลูกชายต้องเรียนสำเร็จ แต่ทำไม่ถึงเรียนไม่สำเร็จ

มีวิธีแก้ อาตมาก็บอกว่า โยมไปสวดมนต์ สวดพุทธคุณ ๕๒ จบ เพราะตอนนี้อายุ ๕๑ เขาบอกว่า “ฉันสวดไม่ได้ ฉันเป็นคริสต์” “พระบิดา พระบุตร พระจิต สวดได้ไหม” “ฉันก็เป็นคริสต์แบบชาวพุทธที่สวดมนต์ไม่เป็น ไปวัดเข้าโบสถ์ก็เข้าไปอย่างนั้นเอง” วันนั้นก็เจ๊ากันไป ไม่ยอมรับ ก็อยู่ได้อีก ๔-๕ เดือน อาตมาจำหน้าได้ ทีนี้มี่มีคนพามาละ เขามากันเอง ๓ คน บอกว่า “ฉันยอมจำนน” บอก “เอาอย่างนี้โยม ไปซื้อหนังสือสวดมนต์เข้าเล่มหนึ่ง”

“ฉันไม่อยากให้หนังสือสวดมนต์มีในบ้านฉัน ท่านช่วยเขียนให้หน่อย”

อาตมาก็ต้องเขียน พอตอนหลังขี้เกียจเขียนต้องพิมพ์เป็นใบ นี่พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากาฯ “ฉันไม่นับถือพระ ฉันจะสวดได้หรือ” “ที่นอนนั้นแหละสวดไปก่อน” อาตมาหาอุบาย เลยก็สวดพาหุงมหากาฯ “ฉันท่องไม่ได้ อ่านตามตัวแล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าอายุ ๕๑ สวด ๕๒” “ใช้ก้านไม่ขีด ทิ้งเข้าซิ ทำไปก่อน” เขาเลยมั่นใจว่าคิดว่าจะทำได้ บอกว่า “โยมสวดมนต์เสร็จแล้วแผ่เมตตาให้ลูก อย่าด่าลูกนะ อย่าแช่งลูก ให้ลูกมีความเจริญสุข และให้ลูกมีความตั้งใจเรียนหนังสือให้สำเร็จ”

พอไปสวดได้ ๓ เดือน ท่องได้หมดเลย หนักเข้าก็ไม่ต้องใช้ก้านไม้ขีดแล้ว จึงเกิดอานิสงส์ ๒ ประการ

ข้อหนึ่ง โรคประสาทหาย กินได้นอนหลับ ชื่นอกชื่นใจ นอนหลับก็ใจดี เริ่มแผ่ส่วนกุศลให้ถึงลูกแล้ว บุญกุศลของแม่จะถึงลูกถึงตอนไหน รู้กันตอนนี้ เพราะลูกนี่เฟ้อในการเงิน ขอเงินแม่เรื่อยเลย ไม่รู้บุญกุศลของแม่แต่ประการใด วันนั้นบุญกุศลของแม่ถึงประมาณ ๖ เดือนหลังจากสวดมนต์ อาตมาจดไว้ วันนั้นพอดีลูกชายพาพวกนักศึกษาไทยที่ส่งด้วยทุนของตัวเอง ไปเที่ยว ขับรถไปชนเสาไฟฟ้า เพื่อนอยู่ข้างหลังกระเด็นออกจากรถหมด ไม่ตายไม่เป็นอะไรเลย แต่เจ้านี่ต้องไปอัดก๊อปปี้กับเสาไฟฟ้า เสาล้ม ต้องเสียเงินหลายแสน พวงมาลัยอัดหน้าอกไปโคม่าอยู่โรงพยาบาล ไม่รู้สึกตัว แล้วพอดีมีลูกพี่อยู่คนหนึ่ง เป็นแพทย์อยู่ที่อเมริกาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ก็ไปเยี่ยม ถ้าจะไม่รอดแน่ ก็ให้อ๊อกซิเจน นายแพทย์อเมริกาบอกว่าไม่รอดแน่

วันนั้นผ่านไป รุ่งขึ้นลืมตา พอรอดมาแล้วปวดเมื่อยจะตาย น้ำตาร่วงคิดถึงแม่ มันเฟ้อไปในสังคม มันจะไม่คิดถึงแม่ บางคนอายุ ๘๐ แก่จะตาย เวลาใกล้ตายหลงคิดถึงแม่จ๋ากระทั่งแม่ตายไปตั้งนานแล้วอย่างนี้แน่นอน มันทุกข์หนัก บอกปวดเมื่อยทั่วสรรพางค์กาย คุณแม่จ๋ารำพันคิดถึงแม่

ข้อสอง ลูกคิดถึงแม่ ถ้าแม่ทราบว่าหนูไม่เรียนหนังสือแล้ว แม่จะเสียใจแค่ไหน ทราบเข้าก็ดีอกดีใจมาวัดเลย เลี้ยงเพลพระ สวดธรรมจักรให้ ๑ จบ

ในที่สุด พอลูกกลับจากอเมริกาพาลูกมาเลย อาตมาให้พระบูชาไป ๑ องค์ แม่ก็เล่าให้ฟังเพราะเหตุอย่างนี้ ลูกเลยสวดมนต์ภาวนาแล้วไปเข้าวัดไทย ไปนั่งวิปัสสนาที่เมืองนอก เจ้าคุณเทพโสภณรู้จัก แต่ไม่รู้เรื่องวัดอัมพวัน รู้ว่าเจ้านี่มันนักกรรมฐานปริญญาเอก เดี๋ยวนี้ไม่ยอมกลับบ้าน แม่บอกหลวงพ่อให้ฉันสวดมนต์อะไรให้ลูกกลับประเทศไทย ไม่มีกลับเรารู้แล้วไม่กลับแน่

อันนี้ได้ผลแน่นอน ขอฝากไว้ว่าเด็กหรือใครก็ตาม ก็ต้องประสบทุกข์จะคิดถึงแม่ ถ้าไม่ประสบทุกข์ให้เงินไปเฟ้อ ไม่คิดถึงแน่ ต้องประสบทุกข์จึงจะเห็นตัวธรรมะ เห็นอกเห็นใจเลยเชียว เขามาเล่าให้อาตมาฟัง บอกหลวงพ่อครับ ผมไม่คิดถึงแม่เลย ๓ - ๔ ปีที่อเมริกา แต่ก็คิดถึงแม่ว่าอยู่กับแม่ป้อนข้าวให้ พัดวีให้ได้ คิดอย่างนี้เลยจึงกลับ แม่ก็เลยเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อนี่ช่วยเอาไว้ เขาเลื่อมใสอาตมาบอกว่า ถ้าเชื่อนะ ไปเดี๋ยวนี้ ตัดผม เพราะผมเขายาวประบ่า เลยตัดผมที่นี่สิงห์บุรีเห็นได้ชัดมาก เจ้าคนนี้ บอกแหมหลวงพ่อว่าผมนี่ผลาญเงินแม่ไปหลายล้านบาท ดังที่กล่าวแล้ว อาตมาก็ตั้งตำรา ถ้าคนไหนเคราะห์ร้ายสวดพุทธคุณ


จ่าสอบเป็นนายร้อย

จ่าที่ศูนย์ปืนใหญ่นี่บอกว่า หลวงพ่ออีก ๒ - ๓ ปีอายุผมเกินแล้ว สอบนายทหารไม่ได้เสียไป ๒ หมื่นก็ไม่ได้ “อย่าไปพูดเรื่องเสียเงินเสียยี่ห้อทหาร สองคนผัวเมียสวดมนต์ได้มั้ย ต้องได้แน่ สวดสองคนเลย” พวกทหารศูนย์ปืนใหญ่ เขาบอกสงสัยบ้านจ่านี่ท่าจะบ้าแล้ว พอผัวจะไปทำงาน “นี่แม่อีหนูมาสวดมนต์แทน ฉันจะไปทำงาน” เมียก็สวดใหญ่ เพื่อนๆ มาเยี่ยม ไปเถอะขาขาดไปเคยไปเล่นไพ่ด้วยกัน เลิกเล่นมานั่งสวดมนต์

ในที่สุดสอบได้สอบนายทหารได้เดี๋ยวนี้เป็นพันตรีไปแล้ว แล้วร่ำรวยมีเงินให้นายทหารกู้ จ่าคนนี้พอสวดมนต์ มีเงินและมีไร่ที่อำเภอพัฒนานิคม มีสวนมะพร้าว มะพร้าวเยอะแยะมันเป็นความจริงขึ้นมา ไม่ใช่ขลังด้วยคาถา แต่ขลังด้วยสติ สวดมนต์แล้วก็มีสติขึ้นมา ปัญญาก็เกิด สอบเขียนก็ได้เลย ตอนเสียเงิน ๒ หมื่นไม่ได้ เขาบอกข้อสอบให้ยังไม่ได้ บอกสวดพุทธคุณเข้า ได้ทุกราย อาตมาอบรมนักศึกษามานี่ติดตามโดยต่อเนื่อง ไม่ใช่ไปบอกขอกฐินผ้าป่า ต้องการประเมินผลขอให้เธอทำตาม บางคนบอกว่าฉันเรียนสำเร็จวิชาครูมาทำอะไรไม่ได้ บอกหนูไม่จำเป็นต้องเป็นครู มานั่งกรรมฐานสวดมนต์เช้า ไม่จำเป็นต้องวิชาที่เรียนตรงเลย มันจะเกิดมีคนอุปถัมภ์ ช่วยเหลือผลักดันไปจนได้โดยวิธีนี้

หนังสือกฎแห่งกรรม - ธรรมปฏิบัติ เล่มที่ 3
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี
due
#16
[SIZE="2"]บทสวดมนต์นี้ พี่ดิวรวบรวมมาให้ เป็นแบบสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่ทำได้
สำหรับให้เจ้ากรรมนายเวรโดยเฉพาะค่ะ สามารถพิมพ์แจกเพื่อนได้เลยจ้า
ขอให้ธรรมะรักษาทุกคนนะจ๊ะ


อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชยามิ
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชยามิ
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชยามิ

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
สะหวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สังฆัง นะมามิ (กราบ)

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

[SIZE="4"]๑. พุทธคุณ

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมามัมพุทโธ วิชชาจะระณะ
สัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา
เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ ( กราบ 1 ครั้ง )

[SIZE="3"]๒. ธรรมคุณ

สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก
เอหิปัสสิโกโอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติิ ( กราบ 1 ครั้ง )

[SIZE="4"]๓. สังฆคุณ

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน
ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะ-
สังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ
ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง
ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ ( กราบ 1 ครั้ง )

[SIZE="3"]๔. พุทธชัยมงคลคาถา (ถวายพรพระ)

๑. พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง
ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ

๒. มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ

๓. นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
เมตตัมพุเสกะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ

๔. อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ธาวันติโย ชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง
อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ

๕. กัตตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ

๖. สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง
ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ

๗. นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ

๘. ทุคคาหะ ทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถาโย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ

* ถ้าสวดให้คนอื่นใช้คำว่า เต สวดให้ตัวเองใช้คำว่า เม (เต แปลว่าท่าน - เม แปลว่าข้าพเจ้า)

[SIZE="4"]๕. มหาการุณิโก

มหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา
ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
โหตุ เม ชะยะมังคะลังฯ
ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง
นันทิวัฑฒะโน เอวัง ตะวัง วิชะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล
อะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร อะภิเสเก สัพพะ
พุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติฯ สุนักขัตตัง สุมังคะลัง
สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัหมะ
จารีสุ ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง ปะทักขิณัง
มโนกัมมัง ปะณิธี เต ปะทักขิณา ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัดเถ ปะทักขิเณฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะพุทธา นุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เม*
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะธัมมา นุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เม*
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะสังฆา นุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เม*
* ถ้าสวดให้คนอื่นใช้คำว่า เต สวดให้ตัวเองใช้คำว่า เม (เต แปลว่าท่าน - เม แปลว่าข้าพเจ้า)

กราบ ๓ ครั้ง เสร็จแล้วสวดเฉพาะพุทธคุณ ดังต่อไปนี้

อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชา จาระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
อะนุตตะโร ปุริสะทัม มะสาระถิ สัตถาเทวะ มะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ

ให้สวดพุทธคุณเกินอายุ ๑ จบ เช่น อายุ ๒๘ ปี ให้สวด ๒๙ จบ
เมื่อสวดพุทธคุณครบตามจำนวนจบที่ต้องการแล้ว จึงตั้งจิตแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศลดังนี้

ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใด ที่ทำกับผู้ใด ในชาติใดๆก็ตาม ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
จงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมกันต่อไปเลย แม้กรรมใดที่ผู้ใดทำกับ
ข้าพเจ้ก็ตาม ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติในชาติใดๆ ข้าพเจ้าอโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น
ยกถวายพระพุทธเจ้า เป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมกันต่อไป ด้วยอานิสงฆ์แห่ง
อภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงษาคณาญาติ
และผู้มีอุปการะคุณของข้าพเจ้ามึความสุขความเจริญ ปฏิบัตแต่สิ่งที่ดีที่ชอบด้วยเทอญ


[SIZE="4"]คาถาแผ่เมตตาตนเอง

อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
อะหัง นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
อะหัง อะเวโร โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด

*ปล.ถ้าจำคำแปลได้แล้ว เวลาท่องไม่ต้องท่องคำแปลก็ได้ค่ะ

[SIZE="4"]แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์

สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้พยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิดฯ

*ปล.ถ้าจำคำแปลได้แล้ว เวลาท่องไม่ต้องท่องคำแปลก็ได้ค่ะ

[SIZE="4"] อุทิศส่วนกุศล

อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
- ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า จงมีความสุข
อิทัง เม ญาตินัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
- ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า จงมีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
- ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แด่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ จงมีความสุข
อิทัง สัพพะ เทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา
- ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลาย ขอให้เทวดาทั้งหลายจงมีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
- ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลาย ขอให้เปรตทั้งหลาย จงมีความสุข
อิทัง สัพพะ เวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
- ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงมีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพสัตตา
- ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงมีความสุข

*ปล.ถ้าจำคำแปลได้แล้ว เวลาท่องไม่ต้องท่องคำแปลก็ได้ค่ะ

[SIZE="4"]กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร

ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
ของข้าพ รวมทั้ง..................(เจาะจงคนที่ต้องการให้)ที่ข้าพเจ้าได้เคย
ล่วงเกินไว้ ตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ไม่ว่าท่านจะอยู่ภพใด ภูมิใด
ขอให้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรมและอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้า
ด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ


<<จบบทสวด>>
due
#17
[SIZE="3"]คำแปลของบทสวดพาหุง มหากรุณโก

ชัยชนะของพระพุทธเจ้าอันเป็นมงคล


บทที่ ๑ สำหรับเอาชนะศัตรูหมู่มาก เช่น ในการสู้รบ
บทที่ ๒ สำหรับเอาชนะใจคนที่กระด้างกระเดื่องเป็นปฏิปักษ์
บทที่ ๓ สำหรับเอาชนะสัตว์ร้ายหรือคู่ต่อสู้
บทที่ ๔ สำหรับเอาชนะโจร
บทที่ ๕ สำหรับเอาชนะการแกล้ง ใส่ร้ายกล่าวโทษหรือคดีความ
บทที่ ๖ สำหรับเอาชนะการโต้ตอบ
บทที่ ๗ สำหรับเอาชนะเล่ห์เหลี่ยมกุศโลบาย
บทที่ ๘ สำหรับเอาชนะทิฏฐิมานะของคน

เราจะเห็นได้ว่า ของดีวิเศษอยู่ในนี้ และถ้าพูดถึงการที่จะเอาชนะหรือการแสวงหาความมีชัย ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไร
นอกเหนือไปจาก ๘ ประการที่กล่าวข้างต้น
ก่อนที่จะนำเอาตัวคาถาบทสวดมนต์และคำแปลมาไว้ให้จำจะต้องทำความเข้าใจคำอธิบายบทต่างๆ
ไว้พอสมควรก่อน เพราะความในคาถาเองเข้าใจยาก ถึงจะแปลออกมาก็ยังเข้าใจยากอยู่นั่นเอง เมื่อเราไม่เข้าใจ
เราอาจจะไม่เกิดความเลื่อมใส จึงควรจะหาทางทำความเข้าใจกันให้แจ่มแจ้งไว้ก่อน

ในบทที่ ๑. เป็นเรื่องผจญมาร ซึ่งมีเรื่องว่าพระยามารยกพลใหญ่หลวงมา พระพุทธเจ้าก็ทรงสามารถเอาชนะได้
จึงถือเป็นบทสำหรับเอาชนะศัตรูหมู่มาก เช่น ในการสู้รบ
คำแปล- พระยามารผู้นิรมิตแขนได้ตั้งพัน ถืออาวุธครบมือ ขี่ช้างชื่อ ครีเมขละ พร้อมด้วยเสนามารโห่ร้องมา
องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะมารได้ ด้วยทานบารมีด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา

ในบทที่ ๒. เรื่องเล่าว่า มียักษ์ตนหนึ่ง ชื่ออาฬะวกะ เป็นผู้มีจิตกระด้างและมีกำลังยิ่งกว่าพระยามาร
พยายามมาใช้กำลังทำร้ายพระองค์อยู่จนตลอดรุ่ง ก็ทรงทรมานยักษ์ตนนี้ให้พ่ายแพ้ไปได้
จึงถือเป็นบทที่ใช้เอาชนะปฏิปักษ์หรือคู่ต่อสู้
คำแปล- อาฬะวกะยักษ์ผู้มีจิตกระด้าง ปราศจากความยับยั้ง มีฤทธิ์ใหญ่ยิ่งกว่าพระยามาร
เข้ามาประทุษร้ายอยู่ตลอดรุ่ง องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ ด้วยขันติบารมี ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา

ในบทที่ ๓. มีเรื่องว่าเมื่อพระเทวทัตทรยศต่อพระพุทธเจ้า ได้จัดการให้คนปล่อยช้างสาร ที่กำลังตกมันชื่อนาฬาคีรี
เพื่อมาทำร้ายพระพุทธเจ้า แต่เมื่อช้างมาถึงก็ไม่ทำร้าย จึงถือเป็นบทที่เอาชนะสัตว์ร้าย
คำแปล- ช้างตัวประเสริฐ ชื่อนาฬาคีรี เป็นช้างเมามัน โหดร้ายเหมือนไฟไหม้ป่า มีกำลังเหมือนจักราวุธ และสายฟ้า
องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ ด้วยพระเมตตาบารมีด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา

ในบทที่ ๔. เป็นเรื่องขององคุลีมาล ซึ่งเรารู้กันแพร่หลาย คือ องคุลีมาลนั้นอาจารย์บอกไว้ว่า
ถ้าฆ่าคนและตัดนิ้วมือมาร้อยเป็นสร้อยคอ ให้ได้ครบพัน ก็จะมีฤทธิ์เดชยิ่งใหญ่
องคุลีมาลฆ่าคนและตัดนิ้วมือได้ ๙๙๙ เหลืออีกนิ้วเดียวจะครบพัน ก็มาพบพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าทรงสามารถเอาชนะถึงกับองคุลีมาลเลิกเป็นโจรและยอมเข้ามาบวช กลายเป็นสาวกองค์สำคัญองค์หนึ่ง
จึงถือเป็นบทที่ใช้เอาชนะโจรผู้ร้าย
คำแปล- โจร ชื่อ องคุลีมาล มีฝีมือเก่งกล้า ถือดาบเงื้อวิ่งไล่พระองค์ไปตลอดทาง ๓ โยชน์
องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ ด้วยการกระทำปาฏิหาริย์ ด้วยเดชะอันนี้ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา

ในบทที่ ๕. หญิงคนหนึ่งมีนามว่า จิญจมาณวิกา ใส่ร้ายพระพุทธเจ้า โดยเอาไม้กลมๆ
ใส่เข้าที่ท้องแล้วก็ไปเที่ยวป่าวข่าวให้เล่าลือว่าตั้งครรภ์กับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงเอาชนะ ให้ความจริงปรากฏแก่คนทั้งหลายว่าเป็นเรื่องกล่าวร้ายใส่โทษพระองค์โดยแท้
จึงถือเป็นบทที่เอาชนะคดีความหรือการกล่าวร้ายใส่โทษ
คำแปล- นางจิญจมาณวิกาใช้ไม้มีสัณฐานกลมใส่ที่ท้อง ทำอาการประหนึ่งว่ามีครรภ์ เพื่อกล่าวร้ายพระพุทธเจ้า
องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ ด้วยวิธีสงบ ระงับพระทัยในท่ามกลางหมู่คน ด้วยเดชะอันนี้ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา

ในบทที่ ๖. เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงเอาชนะสัจจะกะนิครนถ์ ซึ่งเป็นคนเจ้าโวหาร เข้ามาโต้ตอบกับพระพุทธเจ้า
จึงถือเป็นบทที่ใช้เอาชนะในการโต้ตอบ
คำแปล- สัจจะกะนิครนถ์ ผู้มีนิสัยละทิ้งความสัตย์ใฝ่ใจจะยกย่องถ้อยคำของตนให้สูงประหนึ่งว่ายกธงเป็นผู้มืดมัวเมา
องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ ด้วยรู้นิสัยแล้วตรัสเทศนาด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา

ในบทที่ ๗. เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้า ให้พระโมคคัลลาน์ อัครมหาสาวกไปต่อสู้เอาชนะพระยานาคชื่อ นันโทปนันทะ
ผู้มีเล่ห์เหลี่ยมในการต่อสู้มากหลาย จึงถือเป็นบทที่ใช้เอาชนะเล่ห์เหลี่ยมกุศโลบาย
คำแปล- องค์พระจอมมุนี ได้โปรดให้พระโมคคัลลาน์เถระ นิรมิตกายเป็นนาคราช ไปทรมานพระยานาคชื่อ
นันโทปนันทะ ผู้มีฤทธิ์มากให้พ่ายแพ้ด้วยวิธีอันเป็นอุปเท่ห์แห่งฤทธิ์ ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา

ในบทที่ ๘. เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงเอาชนะ ผกาพรหม ผู้มีทิฏฐิแรงกล้าสำคัญว่าตนเป็นผู้ที่มีความสำคัญที่สุด แต่พระพุทธเจ้าก็ทรงสามารถทำให้ผกาพรหมยอมละทิ้งทิฏฐิมานะ และยอมว่าพระพุทธเจ้าสูงกว่า
จึงถือเป็นบทที่ใช้เอาชนะทิฏฐิมานะของตน
คำแปล- พรหม ผู้มีนามว่า ท้าวผกา มีฤทธิ์และสำคัญตน ว่าเป็นผู้รุ่งเรืองด้วยคุณอันบริสุทธิ์
มีทิฏฐิที่ถือผิดรัดรึงอยู่อย่างแน่นแฟ้น องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ด้วยวิธีเทศนาญาณ ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา


[SIZE="3"]คำแปล มหาการุณิโก

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ทรงประกอบด้วยพระมหากรุณา ทรงบำเพ็ญพระบารมีทั้งปวง เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ ทรงบรรลุพระสัมโพธิญาณอันสูงสุด ด้วยการกล่าวสัจจวาจานี้ ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ข้าพเจ้า


ขอข้าพเจ้าจงมีชัยชนะในชัยมงคลพิธี ดุจพระจอมมุนีผู้ยังความปีติยินดีให้เพิ่มพูนแก่ชาวศากยะ ทรงมีชัยชนะมาร ณ โคนต้นมหาโพธิ์ทรงถึงความเป็นเลิศยอดเยี่ยม ทรงปีติปราโมทย์อยู่เหนืออชิตบัลลังก์อันไม่รู้พ่าย ณ โปกขรปฐพี อันเป็นที่อภิเษกของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ฉะนั้นเถิด เวลาที่กำหนดไว้ดี งานมงคลดี รุ่งแจ้งดี ความพยายามดี ชั่วขณะหนึ่งดี ชั่วครู่หนึ่งดี การบูชาดี แด่พระสงฆ์ผู้บริสุทธิ์ กายกรรมอันเป็นกุศล วจีกรรมอันเป็นกุศล มโนกรรมอันเป็นกุศล ความปรารถนาดีอันเป็นกุศล ผู้ได้ประพฤติกรรมอันเป็นกุศล ย่อมประสบความสุขโชคดี เทอญ


ขอสรรพมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า ขอเหล่าเทพยดาทั้งปวงจงรักษาข้าพเจ้า ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า ขอความสุขสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อ


ขอสรรพมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า ขอเหล่าเทพยดาทั้งปวงจงรักษาข้าพเจ้า ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ขอความสุขสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อ


ขอสรรพมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า ขอเหล่าเทพยดาทั้งปวงจงรักษาข้าพเจ้า ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ ขอความสุขสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------




ที่มาและอานิสงส์ของบทสวดมนต์ ชัยมงคลคาถา หรือพาหุงมหาการุณิโก
ที่มาของบทสวดมนต์ชัยมงคลคาถา อาตมาได้ตำราเก่าแก่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เป็นใบลานทองคำจารึกของสมเด็จพระพนรัตน์
วัดป่าแก้ว ปัจจุบันเรียกว่า วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา ได้รจนาถวายพระพรชัยมงคลคาถาแก่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระพนรัตน์เป็นอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
อานิสงส์ของบทสวดมนต์ชัยมงคลคาถา หรือพาหุงมหากา สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไม่เคยแพ้ทัพ
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ไม่เคยแพ้ทัพ พระชัยหลังช้างของ ร.๑ นั้นมาจากบทพาหุง มหากา
[SIZE="5"]ผู้ใดสวดมนต์ชัยมงคลคาถา หรือพาหุงมหากา เป็นประจำทุกๆ วันแล้ว มีแต่ชัยชนะทุกประการ
เรียนหนังสือก็เกิดปัญญา มีแต่ความเก่งกล้าสามารถ ผู้ใดสวดทุกเช้า ค่ำ คิดสิ่งใดที่ดีเป็นมงคล
จะสมความปรารถนาทุกประการ
mookmik
#18
คิดแล้วเชียวว่าต้องมีคนมาให้กำลังใจ คนในsbnน่ารักจริงๆ
เรื่องจริงมันมีมากกว่านี้เยอะแยะเล่า1เดือนก็ไม่รู้จะหมดรึเปล่า
เรื่องที่ทนไม่ได้สุดๆคือชอบปั้นน้ำเป็นตัว ชอบใส่ร้ายมุก
ไม่ใช่แม่สามีคนเดียวนะคะ รุมกันทั้งบ้าน (อยู่กันเยอะค่ะมีพี่น้อง4คน
แฟนมุกเป็นคนเล็กค่ะ) แฟนทำงานยิ่งกว่าคนงานอีกค่ะ สงสารเค้าจังเลย
มุกไปช่วยที่โรงงานเค้าก็บอกว่าเจือกอะไรไม่ใช่หน้าที่ของเมิงงงงง
เค้าบอกว่าหาที่ไหนได้อีกเนี่ยบ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ
ที่สำคัญค่ะอยู่บ้านนี้ห้ามเถียง มุกพูดอะไรไม่ได้เลยค่ะ สงสัยมุกจะเจ้ากรรมนายเงรเยอะ
อย่างที่พี่ดิวบอก
hayoe
#19
ยังไม่ได้แต่งงานค่ะ อ่านแล้วก้อชักกลัวๆ ไม่อยากแต่ง ยังๆก้อขอให้อดทนเพื่อลูกนะคะ สู้สู้ค่ะ:)
mookmik
#20
ชีวิตมุกนะพี่ยิ่งกว่าในละครอีก อย่างที่บอกว่าเค้าแก่แล้วเดี๋ยวเค้าก็ตาย
โฮยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆกรรมพันธ์เค้านะ ตายตอน 90 up อ่ะค่ะ แล้วก็กินอาหารเพื่อสุขภาพตลอดเลย
ตอนนี้เค้าเพิ่งจะ 60 กว่า ต้องรออีกหลายสิบปีถึงจะมีความสุขเหรอเนี่ย โอ้แม่เจ้า
ความอดทนมุกอ่ะมีค่ะแต่มันทนไม่ได้แล้วจริงๆ สงสัยต้องทำอย่างทุกคนบอกว่าต้องออกไปทำงานหล่ะค่ะ เพราะสงสารลูกมาก และก็ไม่อยากเลิกกันจริงๆนะคะ เพราะสามีไม่ผิดเลย แค่พูดไม่ได้เท่านั้นเอง
mookmik
#21
พิมพ์มาตั้งแยะ เหนื่อยมั้ยคะพี่ ขอบคุณมากค่ะ
มุกจะลองทำตามที่พี่บอกนะคะ
mookmik
#22
เพราะกินแต่มาม่าอย่างเดียวค่ะ สามีบอกว่าลำบากก่อนสบายทีหลัง
อีกกี่สิบปีจะสบายเหรอนานแน่เลย เค้าไปบอกคนอื่นว่ามุกคนไม่ดี
ชอบทำให้แม่ตัวเองร้องไห้ อันนี้สุดๆค่ะ เพราะมุกเกิดมายังไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้เลยอ่ะ
ใส่ร้ายตลอด บอกว่าคนไม่ดีอยู่บ้านนี้ไม่ได้ สงสัยต้องยอมเป็นคนไมดี
โหยยยยยยยยยคนที่อยู่เป็นคนดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
mookmik
#23
คุยกับแฟนก่อนแต่งงาน ว่าให้มาอยู่บ้านเรา หรือไปอยู่กันเองดีที่สุดค่ะ
เพราะปัญหาจะไม่เกิดค่ะ ชีวิตครอบครัวคงมีความสุข
~ k E t S y ~
#24
อืมมม ลำบากใจแทนจังเลยค่ะ............พูดไม่ออก
แล้วตอนนี้ย้ายออกมาอยู่ต่างหากรึยังคะ อาจจะเป็นส่วนตัวมากขึ้น

เราโชคดีหน่อยที่แม่ของสามีเหมือนเพื่อนเลย ยังพากันไปผับ บาร์ กันอยู่เลย
เอาใจช่วยเจ้าของกระทู้นะคะ
Meesook
#25
ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ แต่มาให้กำลังใจคุณมุกนะคะ แล้วก็มาชื่นชมพี่ดิวด้วยค่ะ อุตส่าห์พิมพ์คัดลอกบทสวด และเรื่องราวต่างๆ มาให้อ่านกัน

ขออนุญาตนอกเรื่องนิดนึงนะคะ คุณมุกคะทินีเพิ่งสั่งพิมพ์หนังสือ ที่มีบทสวดมนต์ และเรื่องราวที่พี่ดิวเอามาลงให้ดูอ่ะค่ะ ถ้าคุณมุกอยากได้ พีเอ็มมาบอกที่อยู่นะคะ ทินีจะส่งไปให้ค่ะ (และเพื่อนคนอื่นๆ ถ้าสนใจ ก้บอกที่อยู่มาได้ค่ะ มี 30 เล่ม)

สวดมนต์ไม่ใช่เวทมนต์นะคะ ไม่ได้ทำให้เรื่องดีขึ้นในพริบตา แต่สวดมนต์บ่อยๆ แผ่เมตตา และที่สำคัญ อโหสิกรรม จะทำให้เครียดน้อยลงค่ะ แล้วพอเครียดน้อยลงแล้วก็อาจจะมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอีกแง่มุมได้ค่ะ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็อาจจะยังคงมีอยู่ แต่เราจะมองในมุมใหม่ อยู่กับสิ่งเหล่านั้นได้อย่างมีความสุขค่ะ
mookmik
#26
คงได้เวลาที่จะไปทำงานข้างนอก แม่สามีนะคะให้คนใช้กินแต่ของเหลือ
คนงานขอขึ้นเงินเดือนก็ด่า หาว่าไม่รู้จักพอ จนมุกต้องขึ้นให้เองทั้งคนงาน
และคนใช้อีก 2 คนเพราะอยากให้เค้าอยู่เพราะเค้าช่วยแฟนมุกทุกอย่าง
ส่วนคนใช้ขึ้นให้เพราะจ้างเค้าอยู่เป็นเพื่อนมุกค่ะ เพราะมุกอยู่หัวเดียวกระเทียมลีบฮือๆๆๆๆๆๆๆๆ
ที่แนะนำบอกว่าให้ทำหูซ้ายทะลุหูขวา ทำจนหูกลวงเบ้อเริ่มเทิ่มแล้วค่ะ
โดนแกล้งสารพัดค่ะ ทั้งๆที่ มุกทำดีทุกอย่าง แต่เค้าไม่พอใจค่ะ
due
#27
Originally Posted by mookmik
ชีวิตมุกนะพี่ยิ่งกว่าในละครอีก อย่างที่บอกว่าเค้าแก่แล้วเดี๋ยวเค้าก็ตาย
โฮยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆกรรมพันธ์เค้านะ ตายตอน 90 up อ่ะค่ะ แล้วก็กินอาหารเพื่อสุขภาพตลอดเลย
ตอนนี้เค้าเพิ่งจะ 60 กว่า ต้องรออีกหลายสิบปีถึงจะมีความสุขเหรอเนี่ย โอ้แม่เจ้า
ความอดทนมุกอ่ะมีค่ะแต่มันทนไม่ได้แล้วจริงๆ สงสัยต้องทำอย่างทุกคนบอกว่าต้องออกไปทำงานหล่ะค่ะ เพราะสงสารลูกมาก และก็ไม่อยากเลิกกันจริงๆนะคะ เพราะสามีไม่ผิดเลย แค่พูดไม่ได้เท่านั้นเอง




[SIZE="5"]คิดแบบนี้ระวังบาปเน้อ!! แสดงว่าแอบแช่งเค๊าอยู่ในใจทุกวันเลยสิเนี่ย:(
due
#28
Originally Posted by Meesook
ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ แต่มาให้กำลังใจคุณมุกนะคะ แล้วก็มาชื่นชมพี่ดิวด้วยค่ะ อุตส่าห์พิมพ์คัดลอกบทสวด และเรื่องราวต่างๆ มาให้อ่านกัน

ขออนุญาตนอกเรื่องนิดนึงนะคะ คุณมุกคะทินีเพิ่งสั่งพิมพ์หนังสือ ที่มีบทสวดมนต์ และเรื่องราวที่พี่ดิวเอามาลงให้ดูอ่ะค่ะ ถ้าคุณมุกอยากได้ พีเอ็มมาบอกที่อยู่นะคะ ทินีจะส่งไปให้ค่ะ (และเพื่อนคนอื่นๆ ถ้าสนใจ ก้บอกที่อยู่มาได้ค่ะ มี 30 เล่ม)

สวดมนต์ไม่ใช่เวทมนต์นะคะ ไม่ได้ทำให้เรื่องดีขึ้นในพริบตา แต่สวดมนต์บ่อยๆ แผ่เมตตา และที่สำคัญ อโหสิกรรม จะทำให้เครียดน้อยลงค่ะ แล้วพอเครียดน้อยลงแล้วก็อาจจะมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอีกแง่มุมได้ค่ะ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็อาจจะยังคงมีอยู่ แต่เราจะมองในมุมใหม่ อยู่กับสิ่งเหล่านั้นได้อย่างมีความสุขค่ะ



[SIZE="5"]มาอนุโมทนาบุญ กับน้องทินีด้วยจ้า ที่พิมพ์บทสวดมนต์แจก
ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะจ๊ะ และก็ขอให้พบเนื้อคู่เร็วๆจ้า:D
mookmik
#29
พี่ดิวคะบาปแล้วเหรอคะเนี่ย มันมาจากจิตใต้สำนึกลึกกกกกกกกกกกกกกอ่ะค่ะ
แต่จริงๆ มุกก็ไม่ใจร้ายอย่างนั้นหรอกค่ะพี่ แม้แต่เถียงมุกยังไม่เคยเถียงเลย
เงียบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อย่างเดียวค่ะ อิจฉาคุณ ketsy จังเลย อิจฉามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
hut2211
#30
การทำตัวเราให้มีความสุขมากขึ้นก็ทำได้ด้วยวิธีง่ายๆ หลายวิธี เช่น [LIST=1]
  • ฝึกมองโลกในแง่ดี เริ่มต้นด้วยการมองหาแง่ดีของคนรอบข้าง และออกปากชมคนรอบข้างให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง และค่อยๆ เพิ่มขึ้นไปเป็น เช่น เพิ่มเป็นวันละ 3 ครั้งหลังอาหาร ฯลฯ ทุกวัน
  • เวลาเห็นคนอื่นทำดี... ให้แสดงความชื่นชมยินดี (appreciation / อนุโมทนา) เช่น กล่าว "สาธุ สาธุ สาธุ (แปลว่า "ดีละๆๆ") หรือกล่าวว่า "ดีๆๆ" หรือ "ดีมาก" อะไรทำนองนี้
  • เวลาชื่นชมการทำดีของคนอื่น... ให้เน้นชมการกระทำมากกว่าชมบุคคล และฝึกให้ชื่นชมได้ไม่ว่าคนอื่นจะเป็นผู้ใหญ่ผู้น้อย เป็นคนที่เรารัก คนกลางๆ หรือคนที่เราชิงชัง อย่าลืมว่า เราชื่นชมการกระทำดี ไม่ใช่ชื่นชมบุคคล
  • นำเรื่องการทำดีของคนอื่นไปเล่าต่อ หรือบอกต่ออย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
  • "ลด-ละ-เลิก" การนำเรื่องการทำชั่วของคนอื่นไปเล่าต่อให้น้อยลง
  • เวลาเราทำดี... ให้แสดงความชื่นชมยินดีเบาๆ เช่นกัน ทว่า... ควรทำเงียบๆ คนเดียว เพื่อป้องกันการไม่ให้การอนุโมทนานี้แปรสภาพ กลายเป็นการทำดีเพื่อหวังลาภ ยศ สรรเสริญ
  • ฝึกกิจกรรมสมาธิ เช่น ฝึกกำหนดลมหายใจช้าๆ ไม่เกิน 10 ครั้งต่อนาที อย่างน้อยวันละ 10 นาที ฯลฯ ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดความสุขแล้ว ยังป้องกันโรคความดันเลือดสูงได้ในระดับหนึ่งด้วย
  • ก่อนนอน... ให้ระลึกถึงการกระทำดีของเราในรอบวันให้ได้อย่างน้อย 1 อย่างก่อนนอนทุกคืน
    ...
    เร็วๆ นี้มีการศึกษาการทำงานของสมองพบว่า เมื่อเรานำเรื่องการทำดีของคนอื่นไปเล่าสู่ กลุ่มเซลล์สมองของเราจะเกิดกระบวนการ "สร้างความสุขจากการทำดี" ขึ้นคล้ายๆ กับเวลาที่เราทำดีเอง เรียกว่า "mirror neuron" หรือการทำงานของเซลล์ประสาทแบบกระจกที่สะท้อนการทำดี
    การสรรเสริญการทำดีของคนอื่นนั้น... สามารถทำซ้ำได้บ่อยครั้งมาก ทำให้เกิดกระบวนการแห่งความสุขขึ้นมาได้หลายๆ ครั้ง หรือต่อเนื่องเป็นเวลานาน
    ...
    เวลาเราเครียด เหงา หรือเศร้า... สมองของเราจะเกิดกระบวนการ "พายเรือในอ่าง" หรือเกิดกระแสประสาทจมปลักอยู่ในเรื่องร้ายๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เกิดสารความทุกข์มากขึ้นเรื่อยๆ
    ตรงกันข้ามถ้าเราหันมาฝึกชมคนรอบข้าง ฝึกกล่าวอนุโมทนาสาธุในการกระทำดีของคนอื่น ฝึกบอกต่อการกระทำดีของคนอื่น และลดการนินทาให้น้อยลง จะเกิดสารความสุขในสมองมากขึ้นเรื่อยๆ
    ...
    นี่เป็นอานุภาพแห่งความสุขที่พวกเรามีสิทธิ์พบได้ในปัจจุบัน โดยเริ่มเปลี่ยนที่ "ตัวเรา"
    อย่าลืมว่า คนเรามักจะทำอะไรดีๆ ได้มากกว่าที่คิดไว้เสมอ"
    ถ้าทำดีซะอย่างใครก็ว่าอะไรเราไม่ได้ครับ ผู้ใหญ่บางทีเค้าก็มีอีกมุมมองที่เราไม่เห็น คิดซะว่า เค้าว่าเราเพราะเราเป็นคนในครอบครับ ยิ้มสู้ เข้าไว้ นิ่งเสียเมื่อพูดแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น เอาความดีชนะเข้า เดี๋ยวดีเองครับขอให้โชคดี เป็นกำลังใจให้ครับ

    สาธุกับพี่ดิว และพี่ ทินี ด้วยครับ
  • mookmik
    #31
    ไปทำข้าวให้ลูกก่อนนะคะ ลูกกินเสร็จแล้ว มุกก็จะกินที่เหลืออะ
    ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆน่าสงสารตัวเองจังเลย
    mookmik
    #32
    ท่องแล้วอ่ะ นับหนึ่ง-ร้อยก็แล้ว จนตอนนี้ นับถึงล้านแล้วค่ะ
    due
    #33
    [SIZE="4"]พี่ดิวว่าน้องมุกต้องฝึกความคิดดีตามที่น้องhut บอกข้างบน
    พร้อมกับการไหว้พระสวดมนต์ทุกวันไปด้วย จะทำให้มีความสุขมากกว่านี้

    [SIZE="4"]ศาสนาพุทธสอนวิธีการดับทุกข์ ทุกข์ที่ไหน ก็ทุกข์ในใจเรานั่นแหละ
    เราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ แต่เราสามารถเปล่ียนตัวเองได้
    ความสุข ความทุกข์ ก็อยู่ในใจเรา อยู่ที่เราจะเลือกว่าจะสุขหรือทุกข์

    [SIZE="3"]น้องมุกมีสามีที่ดี ลูกที่น่ารัก แม่สามีก็เป็นแค่แม่สามี คนอื่นก็เป็นแค่คนอื่น
    แต่คนที่เรารักมากที่สุด เค๊ารักเรา แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว
    แต่น้องมุกไปยึดเอาความทุกข์มาเป็นหลัก คอยรับแต่ทุกข์
    เข้ามาในจิต แล้วแทนที่จะรับมาแล้วรีบปล่อยมันออกไป
    แต่กลับเก็บ เก็บ เก็บ มันเอาไว้ มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น
    อีกหน่อยก็แย่ เมื่อเทียบกับความสุข สังเกตุว่า พอรับมาปุ๊ป
    ก็ปล่อยออกไปปั๊ป เพราะจิตเต็มไปด้วยความทุกข์ จนไม่มีที่
    สำหรับความสุขแล้ว ใช่ไม๊คะ พี่อยากแนะนำให้ต่อไปนี้
    อะไรดีๆ รับมาแล้วเก็บไว้ให้นานๆ ส่วนความทุกข์หรืออะไรที่ไม่ดี
    รับมาแล้วก็ปล่อยไป อย่าไปจำ ลืมๆมันไปเถอะค่ะ เอาหัวไปจำเรื่องอื่นดีกว่า
    เหมือนเสื้อสีขาว แต่มีรอยเปื้อนจุดเล็กๆหนี่งจุด ทำไมคนเราถึงมองแต่
    ไอ้ตรงรอยเปื้อนมากกว่าสีขาวของเสื้อ นั่นเป็นเพราะคนเรามักจะเลือกรับ
    แต่สิ่งที่เป็นทุกข์มาใส่ใจมากกว่า ส่วนพื้นสีขาวของเสื้อที่ทุกคนชอบมองผ่่านไป
    Djebb
    #34
    Originally Posted by hut2211
    การทำตัวเราให้มีความสุขมากขึ้นก็ทำได้ด้วยวิธีง่ายๆ หลายวิธี เช่น
    [LIST=1]
  • ฝึกมองโลกในแง่ดี เริ่มต้นด้วยการมองหาแง่ดีของคนรอบข้าง และออกปากชมคนรอบข้างให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง และค่อยๆ เพิ่มขึ้นไปเป็น เช่น เพิ่มเป็นวันละ 3 ครั้งหลังอาหาร ฯลฯ ทุกวัน
  • เวลาเห็นคนอื่นทำดี... ให้แสดงความชื่นชมยินดี (appreciation / อนุโมทนา) เช่น กล่าว "สาธุ สาธุ สาธุ (แปลว่า "ดีละๆๆ") หรือกล่าวว่า "ดีๆๆ" หรือ "ดีมาก" อะไรทำนองนี้
  • เวลาชื่นชมการทำดีของคนอื่น... ให้เน้นชมการกระทำมากกว่าชมบุคคล และฝึกให้ชื่นชมได้ไม่ว่าคนอื่นจะเป็นผู้ใหญ่ผู้น้อย เป็นคนที่เรารัก คนกลางๆ หรือคนที่เราชิงชัง อย่าลืมว่า เราชื่นชมการกระทำดี ไม่ใช่ชื่นชมบุคคล
  • นำเรื่องการทำดีของคนอื่นไปเล่าต่อ หรือบอกต่ออย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
  • "ลด-ละ-เลิก" การนำเรื่องการทำชั่วของคนอื่นไปเล่าต่อให้น้อยลง
  • เวลาเราทำดี... ให้แสดงความชื่นชมยินดีเบาๆ เช่นกัน ทว่า... ควรทำเงียบๆ คนเดียว เพื่อป้องกันการไม่ให้การอนุโมทนานี้แปรสภาพ กลายเป็นการทำดีเพื่อหวังลาภ ยศ สรรเสริญ
  • ฝึกกิจกรรมสมาธิ เช่น ฝึกกำหนดลมหายใจช้าๆ ไม่เกิน 10 ครั้งต่อนาที อย่างน้อยวันละ 10 นาที ฯลฯ ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดความสุขแล้ว ยังป้องกันโรคความดันเลือดสูงได้ในระดับหนึ่งด้วย
  • ก่อนนอน... ให้ระลึกถึงการกระทำดีของเราในรอบวันให้ได้อย่างน้อย 1 อย่างก่อนนอนทุกคืน

    ...
    เร็วๆ นี้มีการศึกษาการทำงานของสมองพบว่า เมื่อเรานำเรื่องการทำดีของคนอื่นไปเล่าสู่ กลุ่มเซลล์สมองของเราจะเกิดกระบวนการ "สร้างความสุขจากการทำดี" ขึ้นคล้ายๆ กับเวลาที่เราทำดีเอง เรียกว่า "mirror neuron" หรือการทำงานของเซลล์ประสาทแบบกระจกที่สะท้อนการทำดี
    การสรรเสริญการทำดีของคนอื่นนั้น... สามารถทำซ้ำได้บ่อยครั้งมาก ทำให้เกิดกระบวนการแห่งความสุขขึ้นมาได้หลายๆ ครั้ง หรือต่อเนื่องเป็นเวลานาน
    ...
    เวลาเราเครียด เหงา หรือเศร้า... สมองของเราจะเกิดกระบวนการ "พายเรือในอ่าง" หรือเกิดกระแสประสาทจมปลักอยู่ในเรื่องร้ายๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เกิดสารความทุกข์มากขึ้นเรื่อยๆ
    ตรงกันข้ามถ้าเราหันมาฝึกชมคนรอบข้าง ฝึกกล่าวอนุโมทนาสาธุในการกระทำดีของคนอื่น ฝึกบอกต่อการกระทำดีของคนอื่น และลดการนินทาให้น้อยลง จะเกิดสารความสุขในสมองมากขึ้นเรื่อยๆ
    ...
    นี่เป็นอานุภาพแห่งความสุขที่พวกเรามีสิทธิ์พบได้ในปัจจุบัน โดยเริ่มเปลี่ยนที่ "ตัวเรา"
    อย่าลืมว่า คนเรามักจะทำอะไรดีๆ ได้มากกว่าที่คิดไว้เสมอ"
    ถ้าทำดีซะอย่างใครก็ว่าอะไรเราไม่ได้ครับ ผู้ใหญ่บางทีเค้าก็มีอีกมุมมองที่เราไม่เห็น คิดซะว่า เค้าว่าเราเพราะเราเป็นคนในครอบครับ ยิ้มสู้ เข้าไว้ นิ่งเสียเมื่อพูดแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น เอาความดีชนะเข้า เดี๋ยวดีเองครับขอให้โชคดี เป็นกำลังใจให้ครับ

    สาธุกับพี่ดิว และพี่ ทินี ด้วยครับ



  • เราชอบแนวคิดนี้ของคุณ hut2211 นะคะ เพราะเป็นการปรับมุมมองของเราก่อน ทำความเข้าใจกับอารมณ์ที่ไม่พอใจของตัวเอง

    และเมื่อเข้าใจกับอะไรต่างแล้ว ก็จะรู้วิธีรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ค่ะ
    pinecrest
    #35
    ไม่รู้เหมือนกัน .. กับคุณแม่สามีก็คุยกันได้ค่ะ
    อาจเป็นเพราะอยู่คนละบ้านมั๊ง ...
    แต่เวลาเจอกันก็คุยกันสนิทสนมดีค่ะ ไม่มีอะไร
    แต่ถึงจะมี ไพน์ก็เฉยๆนะ ไพน์กับสามีรักกัน คนอื่นไม่เกี่ยว
    เราเคารพคุณแม่เค้า ให้เกียรติเค้า แต่ก็แค่นั้นล่ะค่ะ
    ไม่ได้ปล่อยให้เค้ามีอิทธิพลเหนือเรา
    ไม่เอาเรื่องเล็กๆน้อยๆมาคิดให้หดหู่ใจ
    ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอแล้วเนอะ (:
    mookmik
    #36
    พี่ชายสามีคนที่เถียงพ่อแม่ และเห็นภรรยาดีกว่าพ่อแม่ ลูกเค้าคลอดได้ 3 เดือนแล้ว
    แม่สามีบอกว่าลูกเค้า เป็นตัวซวย! การเงินในบ้านไม่ดี โฮเด็กเกี่ยวด้วยมั้ยเนี่ย เพิ่งจะลืมตามาดูโลก
    น่าสงสารจัง
    barumbum
    #37
    ชอบแนวคิดนี้ของคุณ 2211 เหมือนกันค่ะ

    อยากให้เจ้าของกระทู้ใจเย็นๆค่ะ
    เพราะแม่ของบุ๋มก็โดนอาม่า(เป็นแม่ของพ่อ)

    แดกดันตลอดเวลาค่ะ จะย้ายออกก็ไม่ได้ เพราะเป็นกงสีเหมือนกันค่ะ

    คุรแม่ก็ทนมาตลอด เป้นเวลา ประมาน27ปีแล้วค่ะ

    หลังๆไม่ใช่แม่คนเดียวที่โดนบุ๋มซึ่งเป็นหลายก็โดนแดกดันด้วยเหมือนกันค่ะ

    มีครั้งหนึ่งบุ๋มฟิวขาดเถียงกลับไปเลย แต่รู้ไหมค่ะ

    มันมีแต่จะทำให้เรื่องแย่ลง คุณพ่อบุ๋มเป็นคนกลางลำบากใจมากค่ะ

    จนทุกวันนี้มันเหมือนมีบรรยากาศมาคุตลอดเวลา ถ้าบุ๋มอยู่กับอาม่าค่ะ

    ปล ปล่อยวางคือทางที่ดีที่สุดค่ะ เค้าอยากด่าอะไรก็ปล่อยเค้าไปค่ะ

    ก็คิดซะว่าชาติที่แล้วเราติดค้างเค้าค่ะ ถ้าเค้าด่าเราแล้วเราไม่ได้ยินหรือไม่สนใจ เดี๋ยวก็โดนตัวเค้าเองค่ะ

    เดี๋ยวนี้เวรกรรมติดจรวจค่ะ
    mookmik
    #38
    เพราะพี่ๆให้คำแนะนำที่ดีมากๆค่ะ อย่าไปสนใจคนอื่นทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
    และมองย้อนกลับมาดูตัวเอง มานั่งคิดค่ะ มุกก็ไม่เคยทำอะไรให้เค้านะคะ
    มุกแค่ประจบผู้ใหญ่ไม่เป็น พูดไม่เก่ง แต่อีกคนประจบเก่ง
    บอกว่าเค้าน่ารักกกกกกกกกกก รวยด้วย เรียนจบเมืองนอกเมืองนา
    mookmik
    #39
    มุกเห็นแม่สามีเอาของเหลือมาใส่บาตร
    มาถวายพระพุทธบาปมั้ยคะพี่
    มุกรู้มาว่าให้พระต้องเอาแต่ของดีดีไม่ใช่เหรอคะ
    mookmik
    #40
    คุณแม่ทนมา 27 ปีแล้ว มีอะไรดีขึ้นมั้ยคะ อดทนมาก
    hut2211
    #41
    ถ้าว่างลองสละเวลาซัก 1 ชั่วโมง ฟังอันนี้ดูนะครับ รับรองได้อะไรดี ๆ เพิ่มขึ้นเยอะ

    ฟังการบรรยาย เรื่อง เข็มทิศชีวิต ได้ที่ http://dhamma.atspace.com/life_compass.htm

    สู้ สู้ ครับ
    teerasak
    #42
    มาเห็นใจคุณมุกอีกแรง เป็นกำลังใจให้นะค๊า สู้ สู้ น๊า
    สงบสยบความเคลื่อนไหวไปโลด..ทำเป็นมึลล์ เฉยๆ ว่าด้
    ว่าไปเลยค่า (เพราะอิฉันไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลข
    หมายที่ท่านเรียก) คนที่คิดไม่ดี ชอบว่าร้ายคนอื่น อายุมัก
    ไม่ยืนหรอกค่ะ เพราะในใจมีแต่ความคิดร้ายๆ

    ขอบคุณคุณ hut สำหรับข้อคิดดีๆด้วยนะค๊า เข้าถึงมากๆ
    เราแอบโชคดีแหละ แม่สามีน่ารักมากมาก ถ้าเจอแบบคุณ
    มุกบ้างสงสัยจะมีสงครามล้างเผ่าพันธ์แหงม :(
    SweetCandyBee
    #43
    เราว่าตัวเราค่อนข้างโชคดีในเรื่องของคู่นะคะ เพราะสามีไม่ติดคุณพ่อคุณแม่มากค่ะ เป็นผู้ใหญ่ แล้วไม่เอาเรื่องในครอบครัวเราไปยุ่งกับแม่ของเค้าเลย ประมาณว่าดูแลให้เงินคุณพ่อคุณแม่เค้าทุกเดือนตามหน้าที่ลูกที่ดี แต่ไม่ให้มายุ่งกับเรื่องในครอบครัวเรา แล้วเค้าก็เป็นคนน่ารัก เข้ากันได้ดีกับคุณแม่เรามากๆ แต่ยังไงก็อยากให้คุณมุกทำใจให้สบาย พยายามหลีกเลี่ยงการประทะกับคุณแม่สามีเพื่อเราเองจะได้ไม่หงุดหงิด หรือไม่สบายใจค่ะ อย่างเพื่อนๆ บอกคนที่เราอยู่ด้วยคือสามีไม่ใช่แม่สามี เพราะฉะนั้น ถ้าสามียังน่ารักอยู่ก็อดทนหน่อยนะคะ เพื่อครอบครัวของเราเองค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
    pen_guin
    #44
    อดทนนะคะ
    คุณโชคดีมากแล้วที่มีสามีดี
    คนที่จะโชคดีมากขนาดได้ทั้งสามีและแม่สามีดีนั้น
    มีน้อยมากๆค่ะ
    ให้มองคนที่โชคร้ายกว่าเรานะคะ
    ที่สามีแย่ แม่สามีแย่ เศร้ากว่ากันเยอะค่ะ
    ขอให้โชคดีนะคะ
    เชื่อว่าสักวัน ความดีของเราเค้าจะมองเห็นค่ะ
    kutie2hiso
    #45
    [SIZE="3"]โอ้โห คุณ due บทสวดสุดยอดเลยค่ะ ขอไปใช้บ้างน่ะค่ะ


    Originally Posted by due
    [SIZE="3"]คำแปลของบทสวดพาหุง มหากรุณโก

    ชัยชนะของพระพุทธเจ้าอันเป็นมงคล


    บทที่ ๑ สำหรับเอาชนะศัตรูหมู่มาก เช่น ในการสู้รบ
    บทที่ ๒ สำหรับเอาชนะใจคนที่กระด้างกระเดื่องเป็นปฏิปักษ์
    บทที่ ๓ สำหรับเอาชนะสัตว์ร้ายหรือคู่ต่อสู้
    บทที่ ๔ สำหรับเอาชนะโจร
    บทที่ ๕ สำหรับเอาชนะการแกล้ง ใส่ร้ายกล่าวโทษหรือคดีความ
    บทที่ ๖ สำหรับเอาชนะการโต้ตอบ
    บทที่ ๗ สำหรับเอาชนะเล่ห์เหลี่ยมกุศโลบาย
    บทที่ ๘ สำหรับเอาชนะทิฏฐิมานะของคน

    เราจะเห็นได้ว่า ของดีวิเศษอยู่ในนี้ และถ้าพูดถึงการที่จะเอาชนะหรือการแสวงหาความมีชัย ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไร
    นอกเหนือไปจาก ๘ ประการที่กล่าวข้างต้น
    ก่อนที่จะนำเอาตัวคาถาบทสวดมนต์และคำแปลมาไว้ให้จำจะต้องทำความเข้าใจคำอธิบายบทต่างๆ
    ไว้พอสมควรก่อน เพราะความในคาถาเองเข้าใจยาก ถึงจะแปลออกมาก็ยังเข้าใจยากอยู่นั่นเอง เมื่อเราไม่เข้าใจ
    เราอาจจะไม่เกิดความเลื่อมใส จึงควรจะหาทางทำความเข้าใจกันให้แจ่มแจ้งไว้ก่อน

    ในบทที่ ๑. เป็นเรื่องผจญมาร ซึ่งมีเรื่องว่าพระยามารยกพลใหญ่หลวงมา พระพุทธเจ้าก็ทรงสามารถเอาชนะได้
    จึงถือเป็นบทสำหรับเอาชนะศัตรูหมู่มาก เช่น ในการสู้รบ
    คำแปล- พระยามารผู้นิรมิตแขนได้ตั้งพัน ถืออาวุธครบมือ ขี่ช้างชื่อ ครีเมขละ พร้อมด้วยเสนามารโห่ร้องมา
    องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะมารได้ ด้วยทานบารมีด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา

    ในบทที่ ๒. เรื่องเล่าว่า มียักษ์ตนหนึ่ง ชื่ออาฬะวกะ เป็นผู้มีจิตกระด้างและมีกำลังยิ่งกว่าพระยามาร
    พยายามมาใช้กำลังทำร้ายพระองค์อยู่จนตลอดรุ่ง ก็ทรงทรมานยักษ์ตนนี้ให้พ่ายแพ้ไปได้
    จึงถือเป็นบทที่ใช้เอาชนะปฏิปักษ์หรือคู่ต่อสู้
    คำแปล- อาฬะวกะยักษ์ผู้มีจิตกระด้าง ปราศจากความยับยั้ง มีฤทธิ์ใหญ่ยิ่งกว่าพระยามาร
    เข้ามาประทุษร้ายอยู่ตลอดรุ่ง องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ ด้วยขันติบารมี ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา

    ในบทที่ ๓. มีเรื่องว่าเมื่อพระเทวทัตทรยศต่อพระพุทธเจ้า ได้จัดการให้คนปล่อยช้างสาร ที่กำลังตกมันชื่อนาฬาคีรี
    เพื่อมาทำร้ายพระพุทธเจ้า แต่เมื่อช้างมาถึงก็ไม่ทำร้าย จึงถือเป็นบทที่เอาชนะสัตว์ร้าย
    คำแปล- ช้างตัวประเสริฐ ชื่อนาฬาคีรี เป็นช้างเมามัน โหดร้ายเหมือนไฟไหม้ป่า มีกำลังเหมือนจักราวุธ และสายฟ้า
    องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ ด้วยพระเมตตาบารมีด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา

    ในบทที่ ๔. เป็นเรื่องขององคุลีมาล ซึ่งเรารู้กันแพร่หลาย คือ องคุลีมาลนั้นอาจารย์บอกไว้ว่า
    ถ้าฆ่าคนและตัดนิ้วมือมาร้อยเป็นสร้อยคอ ให้ได้ครบพัน ก็จะมีฤทธิ์เดชยิ่งใหญ่
    องคุลีมาลฆ่าคนและตัดนิ้วมือได้ ๙๙๙ เหลืออีกนิ้วเดียวจะครบพัน ก็มาพบพระพุทธเจ้า
    พระพุทธเจ้าทรงสามารถเอาชนะถึงกับองคุลีมาลเลิกเป็นโจรและยอมเข้ามาบวช กลายเป็นสาวกองค์สำคัญองค์หนึ่ง
    จึงถือเป็นบทที่ใช้เอาชนะโจรผู้ร้าย
    คำแปล- โจร ชื่อ องคุลีมาล มีฝีมือเก่งกล้า ถือดาบเงื้อวิ่งไล่พระองค์ไปตลอดทาง ๓ โยชน์
    องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ ด้วยการกระทำปาฏิหาริย์ ด้วยเดชะอันนี้ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา

    ในบทที่ ๕. หญิงคนหนึ่งมีนามว่า จิญจมาณวิกา ใส่ร้ายพระพุทธเจ้า โดยเอาไม้กลมๆ
    ใส่เข้าที่ท้องแล้วก็ไปเที่ยวป่าวข่าวให้เล่าลือว่าตั้งครรภ์กับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงเอาชนะ ให้ความจริงปรากฏแก่คนทั้งหลายว่าเป็นเรื่องกล่าวร้ายใส่โทษพระองค์โดยแท้
    จึงถือเป็นบทที่เอาชนะคดีความหรือการกล่าวร้ายใส่โทษ
    คำแปล- นางจิญจมาณวิกาใช้ไม้มีสัณฐานกลมใส่ที่ท้อง ทำอาการประหนึ่งว่ามีครรภ์ เพื่อกล่าวร้ายพระพุทธเจ้า
    องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ ด้วยวิธีสงบ ระงับพระทัยในท่ามกลางหมู่คน ด้วยเดชะอันนี้ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา

    ในบทที่ ๖. เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงเอาชนะสัจจะกะนิครนถ์ ซึ่งเป็นคนเจ้าโวหาร เข้ามาโต้ตอบกับพระพุทธเจ้า
    จึงถือเป็นบทที่ใช้เอาชนะในการโต้ตอบ
    คำแปล- สัจจะกะนิครนถ์ ผู้มีนิสัยละทิ้งความสัตย์ใฝ่ใจจะยกย่องถ้อยคำของตนให้สูงประหนึ่งว่ายกธงเป็นผู้มืดมัวเมา
    องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ ด้วยรู้นิสัยแล้วตรัสเทศนาด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา

    ในบทที่ ๗. เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้า ให้พระโมคคัลลาน์ อัครมหาสาวกไปต่อสู้เอาชนะพระยานาคชื่อ นันโทปนันทะ
    ผู้มีเล่ห์เหลี่ยมในการต่อสู้มากหลาย จึงถือเป็นบทที่ใช้เอาชนะเล่ห์เหลี่ยมกุศโลบาย
    คำแปล- องค์พระจอมมุนี ได้โปรดให้พระโมคคัลลาน์เถระ นิรมิตกายเป็นนาคราช ไปทรมานพระยานาคชื่อ
    นันโทปนันทะ ผู้มีฤทธิ์มากให้พ่ายแพ้ด้วยวิธีอันเป็นอุปเท่ห์แห่งฤทธิ์ ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา

    ในบทที่ ๘. เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงเอาชนะ ผกาพรหม ผู้มีทิฏฐิแรงกล้าสำคัญว่าตนเป็นผู้ที่มีความสำคัญที่สุด แต่พระพุทธเจ้าก็ทรงสามารถทำให้ผกาพรหมยอมละทิ้งทิฏฐิมานะ และยอมว่าพระพุทธเจ้าสูงกว่า
    จึงถือเป็นบทที่ใช้เอาชนะทิฏฐิมานะของตน
    คำแปล- พรหม ผู้มีนามว่า ท้าวผกา มีฤทธิ์และสำคัญตน ว่าเป็นผู้รุ่งเรืองด้วยคุณอันบริสุทธิ์
    มีทิฏฐิที่ถือผิดรัดรึงอยู่อย่างแน่นแฟ้น องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ด้วยวิธีเทศนาญาณ ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา


    [SIZE="3"]คำแปล มหาการุณิโก

    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ทรงประกอบด้วยพระมหากรุณา ทรงบำเพ็ญพระบารมีทั้งปวง เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ ทรงบรรลุพระสัมโพธิญาณอันสูงสุด ด้วยการกล่าวสัจจวาจานี้ ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ข้าพเจ้า


    ขอข้าพเจ้าจงมีชัยชนะในชัยมงคลพิธี ดุจพระจอมมุนีผู้ยังความปีติยินดีให้เพิ่มพูนแก่ชาวศากยะ ทรงมีชัยชนะมาร ณ โคนต้นมหาโพธิ์ทรงถึงความเป็นเลิศยอดเยี่ยม ทรงปีติปราโมทย์อยู่เหนืออชิตบัลลังก์อันไม่รู้พ่าย ณ โปกขรปฐพี อันเป็นที่อภิเษกของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ฉะนั้นเถิด เวลาที่กำหนดไว้ดี งานมงคลดี รุ่งแจ้งดี ความพยายามดี ชั่วขณะหนึ่งดี ชั่วครู่หนึ่งดี การบูชาดี แด่พระสงฆ์ผู้บริสุทธิ์ กายกรรมอันเป็นกุศล วจีกรรมอันเป็นกุศล มโนกรรมอันเป็นกุศล ความปรารถนาดีอันเป็นกุศล ผู้ได้ประพฤติกรรมอันเป็นกุศล ย่อมประสบความสุขโชคดี เทอญ


    ขอสรรพมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า ขอเหล่าเทพยดาทั้งปวงจงรักษาข้าพเจ้า ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า ขอความสุขสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อ


    ขอสรรพมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า ขอเหล่าเทพยดาทั้งปวงจงรักษาข้าพเจ้า ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ขอความสุขสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อ


    ขอสรรพมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า ขอเหล่าเทพยดาทั้งปวงจงรักษาข้าพเจ้า ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ ขอความสุขสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อ

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------




    ที่มาและอานิสงส์ของบทสวดมนต์ ชัยมงคลคาถา หรือพาหุงมหาการุณิโก
    ที่มาของบทสวดมนต์ชัยมงคลคาถา อาตมาได้ตำราเก่าแก่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เป็นใบลานทองคำจารึกของสมเด็จพระพนรัตน์
    วัดป่าแก้ว ปัจจุบันเรียกว่า วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา ได้รจนาถวายพระพรชัยมงคลคาถาแก่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระพนรัตน์เป็นอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    อานิสงส์ของบทสวดมนต์ชัยมงคลคาถา หรือพาหุงมหากา สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไม่เคยแพ้ทัพ
    สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ไม่เคยแพ้ทัพ พระชัยหลังช้างของ ร.๑ นั้นมาจากบทพาหุง มหากา
    [SIZE="5"]ผู้ใดสวดมนต์ชัยมงคลคาถา หรือพาหุงมหากา เป็นประจำทุกๆ วันแล้ว มีแต่ชัยชนะทุกประการ
    เรียนหนังสือก็เกิดปัญญา มีแต่ความเก่งกล้าสามารถ ผู้ใดสวดทุกเช้า ค่ำ คิดสิ่งใดที่ดีเป็นมงคล
    จะสมความปรารถนาทุกประการ
    baiyaa
    #46
    มายกมือด้วยคน..ปัญหาโลกแต่ค่ะ แม่ผัว - ลูกสะใภ้

    นอ้งมุกเป้นกำลังใจน๊ะ ทนต่อไป ทำเป็นไม่รู้ ไม่ชี้สะ

    หรือเปิดอกคุยกับสามีดีกว่า

    ........ ของเราคุยกะสามีตรงๆๆ ว่าฉันไม่ไหวก็นิสัยของแม่เธอน๊ะ และจะไม่ทนอีก

    ดีหน่อยที่สามีรู้นิสัยแม่เค้า เพราะแม่เค้าก็ทิ้งเค้าไปตั้งแต่ 2 ขวบ
    พึ่งจะมาเจอกันถาวรเมือ 2 ปีนี้เอง

    และจุ้นจ่านทุกอย่างในครอบครัวเรามากๆ เราเฉย ไม่ยุ่ง
    ไม่สุงสิงด้วย เพราะกลัวอารมณ์แตก บางครั้งก็เกรงใจสามีมาก
    Supermink
    #47
    คุณมุกค่ะ เราอะหัวอกเดียวกันเลยค่ะ แต่ คุณมุกดีกว่าหน่อยที่ไม่มีพ่อสามีอีกคน เราสิค่ะ โดนทั้งพ่อ และ แม่สามีเลยค่ะ แต่พีเคก็ทำตามที่พี่ดิวบอกมาใช้นะค่ะ ก็ช่วยได้เยอะค่ะ เวลาเค้าด่าเราก็เงียบ ในใจคิดถึงหน้าแม่หน้าพ่อตลอด แล้วก็มานั่งร้องไห้ในห้องน้ำ ออกมาสวดมนต์ แล้วก็หายค่ะ พีเคเหนื่อยมากๆค่ะ ถ้าวันไหนหยุดงาน (หยุดเดือนละครั้ง) จะนอนอยู่บ้านตื่นสายๆยังไม่ได้เลยค่ะ เวลาเค้าจะทำอะไรทีเสียงดังโครมคราม พีเคนอนอยู่ต้องสะดุ้ง เลยค่ะ แต่ ก็อดทนพยายามไม่เจอหน้า เจอกันแต่เฉพาะตอนกลางคืน ยิ่งพ่อสามีนะค่ะ ปากก็บอกว่าไม่ดูถูกคนจน แต่การกระทำมันไม่ใช้นะค่ะ ยิ่งพีเคเป็นคนไทยด้วย เค้าจะพูดจาดูถูก พูดกระแนะกระแหน ว่าเราเอาเงินมาจุนเจือพ่อแม่ครอบครัวเรา ยิ่งแฟนทางนั้นเค้าก็พึงไม่ค่อยได้ เวลาเค้าเถียงแทนเราก็โด่นด่าว่าเค้าข้างเมีย เรากะสามีเป็นคนที่ไม่มีเพาว์เวอร์ค่ะเพราะในบรรดาพี่น้องซึ้งเค้าได้ ผัวรวยเมียรวย เชื้อจีนกันทั้งนั้น เค้าเลยมองเราตัวเท่ามด ไม่มีปากมีเสียง ของเสียๆอยากเช่นกับข้าวก็เอามารวมๆเป็นถุงเดียวกันให้เรากะสามีกิน พีเคน้ำตาตกในเลยนะค่ะ ขนาดเวลาถึงวันพระพีเคจะไปทำบุญตักบาตร เค้าก็จะว่าพีเคค่ะ หาว่าฟุ่มเฟือยงมงาย ถ้าอยากจะใส่บารตก็ให้ไปใส่พระจีนแทน แต่พีเคก็รับฟังเฉยๆ แล้วพีเคก็แอบไปใส่ทุกวันพระ ไปเองกลับเองสบายใจค่ะ ถ้าเราทำดีถึงไม่มีใครรู้แต่ท่านเทวดาเค้าก็รู้ เค้าก็ค่อยจะช่วยเราเองค่ะ เราต้องอดทนค่ะ
    ตอนนี้พีเคก็รอเก็บเงินให้เป็นกอบเป็นกำ เพื่อที่จะซื้อบ้าน แล้วออกไปอยู่กันเองค่ะ อืมมีอีกเรื่องค่ะ

    เอาไว้คุณมุกเบื่อๆ ออนมาคุยกับพีเคได้นะค่ะ หรือ เพื่อนๆท่านไหนที่มีปัญหาคล้ายเราคุยกันได้ค่ะ พีเคออนตลอด เอาไว้pm มานะค่ะ


    สู้ๆๆๆค่ะ
    mookmik
    #48
    หัวอกเดียวกันเยอะจังอ่ะ ชีวิตคนเราไม่มีใครเพอเฟกต์จริงๆแหล่ะ
    อยู่ที่เรารับทุกอย่างได้รึเปล่า เราต้องมองว่าคนที่เค้าเจอยิ่งกว่าเราเค้ายังทนได้เลย
    คิดแบบนี้ก็มีกำลังใจขึ้นมาเยอะเลย แต่การเจอสงครามประสาทมันเหนื่อยเนอะว่ามั้ย
    Keeki
    #49
    ปัญหาโลกแตกค่ะ แอบเห็นใจเจ้าของกระทู้มากมาย

    เพื่อนเราเจอยิ่งกว่าค่ะ ก่อนแต่งอ่ะดี๊ดี พอแต่งเข้าไปแล้ว เอ่อ หน้ามือเป็น.......เลยค่ะ
    orn
    #50
    มาให้กำลังใจค่ะ

    ปัญหาโลกแตกจริงๆ

    ลองคิดว่าวันนึงคุณแมสามีจะชอบเรา อย่าคิดว่าเค้าจะเกลียดเราไปจนวันตาย

    และการแช่งเค้า มันเป็นจิตใต้สำนึกหรืออะไรก็แล้วแต่ ความรู้สึกนี้อาจจะ
    ทำให้เค้ารู้สึกว่าเราไม่เป็นมิตร บรรยากาศมันก็ตรึงเครียดและดูอึมครึม

    และอีกอย่าง แม่สามีจะยิ่งไม่ชอบลูกสะใภ้มากขึ้น เวลาลูกชายเค้าเข้าข้างภรรยา

    ลองทำใจสบาย ๆ อย่าไปเครียดแค้น อย่างน้อยไฟในใจเรามันจะไม่เผาใจเรา

    เป็นกำลังใจให้นะคะ^^
    matty
    #51
    ถ้าไม่ไหวจิงๆลองปรึกษาสามีดีมั้ยคะ เราแต่งมาอยู่บ้านเค้า เป็นหน้าที่เค้าเหมือนกันที่จะต้องให้ความปกป้องคุ้มครองเราด้วย น่าจะเป็นเค้าคนเดียวที่จะไปคุยกับแม่เค้าและญาตพี่น้องอย่างมีเหตุผลอ่ะค่ะ

    พี่สาวเราก้อเจอแม่สามีกับพี่สาวสามีปากปลาร้ามากๆๆๆๆๆ ยุ่งไปซะทุกเรื่อง เวลาเล่าให้เราฟังแล้วจะโกรธแทนทุกครั้ง ก้อได้สามีเค้าหล่ะค่ะ ที่คอยปกป้องเวลาแม่หรือพี่สาวเค้าจิกว่าพี่สาวเรา สุดท้ายไม่ไหวจิงๆก้อย้ายออกมาค่ะ

    ส่วนของเราโชคดีที่แม่สามีดีและใจดีสุดๆ

    เป็นกำลังใจให้นะคะ เชื่อว่าธรรมะย่อมชนะอธรรมค่ะ
    srichardson
    #52
    เข้าใจความรู้สึกค่ะคุณมุกถ้าเป็นเราสงสัยบ้านแตกไปนานแล้ว :rolleyes: แต่อย่างที่น้องพีทว่า ในเมื่อสามีเราดีและเข้าใจเราทุกอย่างก้อพอแล้วค่ะ ตัวคุณสามีซิค่ะยิ่งทุกข์กว่าเราเพราะนี้ก้อเมียนั่นก้อแม่ เพราะฉะนั้นคุณมุกรักลูกรักสามีคิดว่าทำเพื่อลูกเพื่อสามีเถอะค่ะ เข้าบ่นมาว่ามาก็เดิน (กระแทกเท้า) หนีไปเลยซิค่ะ :D เป็นกำลังใจนะค่ะ เบื่อๆเครียดๆก้อเข้ามาคุยกับเพื่อนในเวบนี้ก้อได้จ้า ;)
    wannit
    #53
    [SIZE="5"]ปัญหาเรื่องอื่น ไม่มีคำแนะนำเลยค่ะ

    รู้แต่ว่าถ้าเป็นกงสี อย่าออกมาอยู่เองจะดีที่สุด เพราะว่าสิ่งที่คุณมุกกับสามีจะได้ มันจะอดหมดเลยนะคะ

    เราบอกได้แค่ว่า ต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ทุกคนต้องตายหมดค่ะ

    อดทนเพื่ออนาคตนะจ๊ะ

    ปล. อิอิ มีคนสอนมาเด้ออออ
    LoVe59
    #54
    [SIZE="4"]เข้ามาให้กะลังใจค่ะ สู้ๆ
    เหงาก็เข้ามาSBN
    เบื่อช๊อปปิ้ง ในSBN
    :Dเซ็งๆ ก็ไปห้องอาหารตา อิอิ
    bombasiclove
    #55
    [SIZE="6"]แบบนี้เรียกว่า "พระพาลปี" รึเปล่า??
    mookmik
    #56
    ตอนนี้หายเครียดแล้วคร่า
    แต่เครียดเรื่องอื่นแทนอ่า
    จะเม้มตังค์สามียังไง ถึงจะเอามาช็อปๆๆๆๆๆๆ
    ของดีใน sbn อ่ะค่ะ อิอิ
    teerasak
    #57
    Originally Posted by orn
    มาให้กำลังใจค่ะ

    ปัญหาโลกแตกจริงๆ

    ลองคิดว่าวันนึงคุณแมสามีจะชอบเรา อย่าคิดว่าเค้าจะเกลียดเราไปจนวันตาย

    และการแช่งเค้า มันเป็นจิตใต้สำนึกหรืออะไรก็แล้วแต่ ความรู้สึกนี้อาจจะ
    ทำให้เค้ารู้สึกว่าเราไม่เป็นมิตร บรรยากาศมันก็ตรึงเครียดและดูอึมครึม

    และอีกอย่าง แม่สามีจะยิ่งไม่ชอบลูกสะใภ้มากขึ้น เวลาลูกชายเค้าเข้าข้างภรรยา

    ลองทำใจสบาย ๆ อย่าไปเครียดแค้น อย่างน้อยไฟในใจเรามันจะไม่เผาใจเรา

    เป็นกำลังใจให้นะคะ^^



    เพราะผู้หญิงสองคนรักผู้ชายคนเดียวกัน...คอนเฟิร์ม!!

    Originally Posted by mookmik
    ตอนนี้หายเครียดแล้วคร่า
    แต่เครียดเรื่องอื่นแทนอ่า
    จะเม้มตังค์สามียังไง ถึงจะเอามาช็อปๆๆๆๆๆๆ
    ของดีใน sbn อ่ะค่ะ อิอิ


    กระทู้นี้ต้องซ่อนคุณฝาชีให้มิดชิดนะคุณมุก คริ คริ;)
    ting_ja
    #58
    เหมือนแม่สามีเพื่อนเลย แต่เราว่าแม่สามีเพื่อนเราโหดกว่า เพราะด่าเลยค่ะ ต่อหน้าเลย

    เราเขียนจม.ด่าด้วย โทมาด่าด้วย เฮ้อ ได้แต่ทำใจน่ะค่ะ
    jiji_ch
    #59
    [SIZE="3"]กะแม่ก้อรัก
    กะเมียก้อรัก
    nuudee
    #60
    อ่านแล้วน่าเห็นใจคุณมุกมากๆค่ะ เป็นกำลังใจให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ ยังไงลองชวนคูณแฟน ให้ลองไปอย่บ้านคุณมุกมั่งสิคะ พอตอนเช้าก็ค่อยไปทำงานที่บ้านเค้า ตอนเย็นก็กลับมานอนบ้านเรา เผื่อว่าอาไรๆมันจะดีขึ้นมั่ง เราก็จะได้หลีกเลี่ยงการเสวนากะแม่สามีไปด้วย :evil: แฮ่ๆ
    N a m F o n
    #61

    [SIZE="4"]คุณมุก เป็นอย่างไรบ้างคะ?
    แวะมาถามข่าวคราวค่ะ :)

    Aumie
    #62
    [SIZE="5"]ไม่เคยมีประสบการณ์คะ แต่เข้ามาเป็นกำลังใจให้นะคะ

    ปล.ขอบคุณพี่ดิวนะคะ พี่พิมพ์บทสวดและคำแปลมาซะยาวเลย สวดมาตั้งนานเพิ่งมารู้คำแปลซะงั้น
    phung14
    #63
    ยังไม่แต่งงาน แล้วก็ยังหาว่าที่สามีบ่ได้ แต่เห็นใจเจ้าของกระทู้มากมาย ... เป็นกำลังใจให้นะคะ :D

    ขอบคุณคุณดิวสำหรับบทสวด ที่ผ่านมาก็สวดอยู่บ่อยๆ แต่ไม่เคยรู้บทอโหสิกรรม (ที่ต่อท้ายอิติปิโส) เลยค่ะ --- เดี๋ยวจะเริ่มอโหสิกรรมคืนนี้เลย (อิอิ)
    Nattamol
    #64
    ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีแม่สามีค่ะ (เพิ่งโสดอีกต่างหาก T-T)
    แต่แวะมาให้กำลังใจค่ะ สู้ๆ นะคะ คุณแม่สามีเค้าคงอยู่ได้อีกไม่นาน คิดซะงี้แล้วกันค่ะ
    amm
    #65
    ไม่มีแม่สามีค่ะ เพราะเสียไปแล้ว แต่เรากลับอยากให้เค้าอยู่นะคะ คิดถึงเค้าค่ะ :(

    ทุกอย่างอยู่ที่ใจค่ะ ถ้าใจเราไม่ยอมรับ คิดเจ็บแค้นต่างๆนานา ชีวิตเราและครอบครัวจะไม่มีความสุขหรอกค่ะ เพราะมันจะไม่จบแค่ที่เค้ามาด่าว่าเรา แต่มันจะอยู่ในใจเราตลอดเวลา คนที่ทุกข์ก็คือเรา และอาจมีผลไปถึงลูกของเราก็ได้นะคะ

    ถ้าคิดว่าทำใจไม่ได้ อยู่ห่างๆค่ะ เจอกันให้น้อยที่สุด ไม่ต่อล้อต่อเถียง เพราะจะยิ่งไม่จบง่ายๆ เค้าด่ามา ในใจนึกแผ่เมตตาไว้ค่ะ

    หวังว่าคงจะช่วยได้บ้างนะคะ
    trazy
    #66
    อ่านเรื่องของคุณมุกแล้วก็เข้าใจมากๆเลยค่ะ
    คนเราสมัยนี้ก็แบบนี้แหล่ะ มักจะชื่นชมยินดีกับคนที่สามารถพาให้ตนเองมีหน้ามีตาได้
    เพราะอะไรน่ะเหรอค่ะ ก็เพราะว่าตัวเค้าเองไม่มีความมั่นใจ หรือภูมิใจในตัวเค้าเองมากกว่า
    ยกตัวอย่างกรณีคุณแม่สามีคุณมุก ให้คิดซะว่าที่ท่านชื่นชมยินดีกันสะใภ้อีกคนมากกว่า
    ก็เพราะว่าสะใภ้อีกคนอาจจะรวยมาก สามารถทำอะไรให้เป็นหน้าตาของเค้าได้ เพราะตัวเค้าเอง
    เอาเข้าจริงๆแล้วก็ไม่ได้มีอะไร ลองสังเกตสิค่ะ ถ้าแม่สามีคุณเรียนจบสูง จบนอกมาแล้วหรือรวยมาแต่ดังเดิมละก็เวลาเค้าจะร้ายเค้าก้เลือกจะร้ายใส่กับทุกคนค่ะ แต่ไอ้ที่เลือกร้ายใส่เนี่ยะก็เฉพาะคนที่ไม่สามารถชูหน้าตาเค้าได้ โดยไม่มีเหตุผล หุหุหุหุหุหุ
    คนพวกนี้น่าสงสารนะค่ะ ชอบดูถูกคนอื่น ทำตัวข่มคนอื่น ทำตัวให้ดูเด่นเสมอๆเมื่อมีโอกาส
    เอาเป็นว่ามองเค้าแล้วก็เอามาคิดตาม และให้เค้าเป็นตัวแบบอย่างที่ไม่ดี ที่ไม่ควรจะเอาอย่างค่ะ
    ต้องขอบคุณเค้านะค่ะ และคิดว่าเราอาจจะโชคดี เพราะอยุ่ๆก็มีตัวอย่างแย่ๆมาให้ดู
    เราสามารถนำสิ่งนี้กลับไปพัฒนาชีวิตเราให้ดีกว่าเดิมค่ะ
    วิธีอยู่กับคนที่เราเกลียดค่ะ

    รู้ไหมว่า เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้คนละกี่ปี
    ชีวิตนั้นสั้นยิ่งกว่าหยดน้ำค้างเสียอีก จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า

    ถ้าเราใช้เวลาอันแสนสั้นนี้ไปมัวหลับๆตื่นๆอยู่ในความรัก โลภ โกรธ หลง
    หมั่นไส้คนนั้น ปลาบปลื้มคนนี้ ริษยาเจ้านายใส่ไคล้ลูกน้อง
    ปกป้องภาพลักษณ์ (อัตตา) กด (หัว)

    คนรุ่นใหม่หลงใหลเปลือกของชีวิต โดยลืมไปเลยว่าอะไรคือสิ่งที่ตนควรทำอย่างแท้จริง
    คิดดูเถิดว่า เราจะขาดทุนขนาดไหน
    ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ เขียนบทกวีไว้ว่า

    ''น้ำไหลอายุขัยก็ไหลล่วง ใบไม้ร่วงชีพก็ร้างอย่างความฝัน
    ฆ่าชีวาคือพร่าค่าคืนวัน จะกำนัลโลกนี้มีงานใด''

    คนเราไม่ควรพร่าเวลาอันสูงค่าด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจให้ตกเป็นทาสของความชอบ ความชัง มากนัก
    เพราะถ้าเราวิ่งตามกิเลส กิเลสก็จะพาเราวิ่งทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อไปไม่รู้จบ
    กิเลสไม่เคยเหนื่อย แต่ใจคนเราสิจะเหนื่อยหนักหนาสาหัสไม่รู้กี่เท่า

    ควรคิดเสียใหม่ว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะชอบหรือไม่ชอบใคร
    หรือเพื่อที่จะให้ใครมาชอบหรือมาชัง
    แต่เราเกิดมาสู่โลกนี้เพื่อทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะทำ
    เอาเวลาที่รู้สึกแย่ๆ กับคนอื่นนั้นหันกลับมามองตัวเองดีกว่า
    ชีวิตนี้เรามีอะไรบ้างที่เป็นแก่นสาร มีงานอะไรบ้างที่เราควรทำ
    นอกจากนั้นก็ควรมองกว้างออกไปอีกว่า
    เราได้ทำอะไรไว้ให้แก่โลกบ้างแล้วหรือยัง
    คนทุกคนนั้นต่างก็มีดีมีเสียอยู่ในตัวเอง
    ถ้าเราเลือกมองแต่ด้านเสียของเขา
    จิตใจของเราก็เร่าร้อน หม่นไหม้

    เวลาที่เสียไปเพราะมัวแต่สนใจด้านไม่ดีของคนอื่นก็เป็นเวลาที่ถูกใช้ไปอย่างไร้ค่า

    บางที่คนที่เราลอบมอง ลอบรู้สึกไม่ดีกับเขานั้น
    เขาไม่เคยรู้สึกอะไรไปด้วยกันกับเราเลย
    เราเผาตัวเราเองอยู่ฝ่ายเดียวด้วยความหงุดหงิด ขัดเคืองและอารมณ์เสีย
    วันแล้ววันเล่า สภาพจิตใจแบบนี้ไม่เคยทำให้ใครมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาได้เลย

    ลองเปลี่ยนวิธีคิด วิธีมองโลกเสียใหม่ดีกว่า

    คิดเสียว่าคนเราไม่มีใครดีพร้อมหรือ เลวไม่มีที่ติไปเสียทั้งหมดหรอก
    เราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี ประเดี๋ยวเดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว
    มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระทำไม
    อะไรที่ควรทำก็รีบทำเถิดปล่อยวางเสียบ้าง
    ความโกรธ ความเกลียดนั้นไม่มีคุณค่าอะไรต่อชีวิตอันแสนน้อยนิดนี้เลย
    มุ่งไปข้างหน้า ไปหาสิ่งที่มีคุณค่าให้ชีวิตดีงามดีกว่า

    วิธีที่แนะนำทั้งหมดนั้น นักภาวนาเรียกว่า ''การกลับมาอยู่กับตัวเอง''
    กล่าวคือ ถ้าเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่กับคนที่ไม่ถูกโฉลก
    แทนที่จะปล่อยใจให้อยู่กับ ความรู้สึกแย่ๆไปตลอด ก็ควรหันกลับเข้ามา ''มองด้านใน''
    แก้ไขที่ตัวเอง อย่ามุ่งแก้ไขที่คนอื่น
    เพราะยิ่งพยายามแก้ไขคนอื่น ก็ยิ่งยุ่งเหมือนลิงทอดแห
    ยิ่งเราให้ความสำคัญกับคนที่เราเกลียดมากเท่าใด
    สภาพจิตใจก็ยิ่งแย่ลงมากเท่านั้น

    วิธีที่ดีที่สุดในการอยู่กับคนที่เรารู้สึกไม่ดีหรือเป็นปฏิปักษ์ก็คือ
    การดึงความรู้สึกจากเขามาอยู่เราทุกขณะ
    duckkie
    #67
    ยังไม่มีแฟน และแต่งงานคร่า แต่อ่านแล้วเห็นใจมากๆเลย ครอบครัวคนจีนมักจะเจอปัญหาแบบนี้
    แต่ขอให้สู้เพื่อคุณลูกค่ะ อย่างน้อยก้อมีคุณสามี และคุณลูกเป็นกำลังใจ
    ดูกระทู้ทั้งหมดในชุมชน จาก  Downtown ดูกระทู้ในหมวด ดูกระทู้ในหมวดย่อย
    กระทู้แนะนำจากการคัดเลือกอัตโนมัติ
    1
    2
    3