[SIZE="4"][SIZE="3"][SIZE="5"]เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเรากลายเป็นผู้หญิงเก่งที่ไม่ต้องพึ่งพิงผู้ชาย เริ่มไม่ต้องการแต่งงาน ส่วนบางคนรู้สึกผิดหวังกับความรักจึงไม่ต้องการใครอีกต่อไป ผู้หญิงสองกลุ่มนี้มีเยอะขึ้นมากๆ ญาติเจนนี่เองก็เป็นค่ะ ถ้าใครรู้สึกอย่างนี้เจนนี่ว่าควรจะดูหนังเรื่องนี้นะ
ไรอั้น ชายที่ทำหน้าที่ไล่พนักงานออกแทนเหล่าบรรดาหัวหน้าที่ขี้ขลาด งานของเขาทำให้เขาต้องเดินทางไปทั่วโลก บ้านของเขาจึงกลายเป็นสนามบิน และการเดินทางก็ทำให้เขายากที่จะปฏิสัมพันธ์กับใคร แม้ว่าการเดินทางทำให้เขาต้องห้อมล้อมไปด้วยคนมากมาย แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาเป็นคนสันโดษ เขารักที่จะเป็นแบบนี้ เขาเป็นคนคนที่ไม่อยากมีความสัมพันธ์กับใคร เป็นคนไม่อยากมีภาระ ไม่ชอบการผูกมัด สำหรับครอบครัวแล้วเขาแทบไม่มีตัวตน นอกจาการทำงานไล่คนออกแล้ว เขายังเป็นผู้บรรยายในการสัมมนา เกี่ยวกับการ ที่เราควรจะปล่อยสิ่งเราแบกรับไว้ ไม่ว่า เพื่อน แฟน ครอบครัว เราไม่ควรที่จะต้องรับผิดชอบใคร
การเดินทางทำให้เขาพบกับอเล็กซ์ สาวมั่นที่ถูกใจไรอั้นอย่างมากเพราะเธอก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกับไรอั้นเช่นกัน นั่นคือ การไม่อยากถูกผูกมัด ทั้งไรอั้นและอเล็กซ์ต่างก็เป็น “ นัก” เดินทาง เช่นกัน พวกเขามักจะนัดพบกันความสัมพันธ์พวกเขาเหมือนแค่ตอบสนองทางเพศไม่มีความเกี่ยวพันกัน พวกเขาชอบที่จะคุยกันแต่จะไม่มีความสัมพันธ์ในเชิงการผูกมัดอีกฝ่าย
แต่วันหนึ่งเขาพบว่าการที่เขาต้องเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อไปไล่คนออกนั้นต้องเปลี่ยนไปเมื่อนาตาลี เด็กสาวคนหนึ่งในบริษัทเสนอการไล่พนักงานออกทางอินเตอร์เน็ทซึ่งนั้นถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ นั่นจะทำให้เขาและทุกๆคนในบริษัทไม่ต้องเดินทางไปรอบประเทศ และเขาก็พยายามคัดค้าน เพราะเขาคิดว่ามันไม่ได้ผล กลับจะทำให้แย่ลงตะหาก หัวหน้าเขาเลย ให้เด็กสาวคนนั้นตามเขาไปเรียนรู้งาน
วันหนึ่งพี่สาวเขาโทรหาหลังจากที่ไม่ค่อยเจอหน้าเพราะเรื่องแต่งงานของน้องสาว น้องสาวเขาอยากให้เขาถ่ายรูป ป้ายคัตเอาต์ ที่มีรูปเธอกับแฟนของเธอ ในสถานที่ต่างๆ พวกเขาอยากเอารูปมาใช้ในวันแต่งงาน ใช่แล้ว พวกเขากำลังจะแต่งงานกันในขณะที่เขายังไม่เจอหน้าแฟนของน้องสาวเลย
การเดินทางครั้งใหม่ของเขา จึงมีน้องสาวและแฟนของน้องสาวไปด้วยในรูปแบบคัตเอาต์ รวมทั้งนาตาลี สาวออฟฟิศไฟแรงที่พึ่งจะเริ่มทำงาน
เมื่อร่วมเดินทางไปกับไรอั้น สิ่งที่เป็นจริงต่างจากสิ่งที่นาตาลีคิดไว้มาก เธอคิดว่าเธอไล่คนออก “เป็น” แต่จริงๆแล้วนาตาลีไล่คนออก”ไม่เป็น” นาตาลีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการที่จะพูดคุยกับคนที่กำลังถูกไล่ออกควรจะพูดโน้มน้าวอย่างไร หลังจากที่เธอนั่งดูไรอั้นไล่คนออกมามาก นาตาลีจึงขอไล่คนออกเอง คนแรกของเธอเป็นคนที่ไม่สติแตกหลังจากที่เธอรู้ว่ากำลังจะถูกไล่ออก แต่เธอกลับบอกนาตาลีว่าเธอกำลังจะไปโดดสะพานฆ่าตัวตาย และนั่นเองที่ทำให้นาตาลี สติแตก
ระหว่างการเดินทางข้ามไปข้ามมาในประเทศ นาตาลีก็ถูกแฟนบอกเลิกทาง text ( ซึ่งนั่นไม่ต่างอะไรกับการไล่คนออกทางอินเตอร์เน็ต บทนี้กัดเจ็บจริงๆ )ทั้งไรอั้นและอเล็กซ์ที่นาตาลีเพิ่งเจอกันได้พูดคยกัน นาตาลีบอกว่า โตขึ้นเธออยากมีลูกตอน 23 แต่งงานตอน 22 ทุกอย่างเธอคิดไว้แล้วอยากให้เป็นแบบไหน ไรอั้นเลยบอกกับเธอว่าความจริงจะเปลี่ยนไปเมื่อเธอโตขึ้น อเล็กซ์บอกว่าเมื่อเธอโตขึ้นเธอจะไม่ต้องการอะไรนอกจากผู้ชายดีๆคนหนึ่งที่แค่รักเรา หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปปาร์ตี้กัน นาตาลีที่อกหักก็ไปหาผู้ชายคนอื่นในปาร์ตี้
ต่อมาไรอั้นชวนอเล็กซ์ไปงานแต่งงานน้องสาวเขาด้วยกัน เมื่อไปถึงงาน น้องสาวบอกเหตุผลที่ให้ทุกคนถ่ายรูปมาเพราะพวกเขาไม่มีเงินพอที่จะไปเที่ยวต่างๆ เลย แต่การไม่มีเงินไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่สามารถมีรูปได้ ตอนแรกไรอั้นบอกน้องสาวว่าเขาสามารถเป็นคนเดินส่งเจ้าสาวได้แต่ปรากฏว่าลุงของจิมเป็นไปแล้ว (ฉากนี้ไรอั้นน่าสงสารมากๆๆ ) เมื่อวันแต่งงานมาถึงเจ้าบ่าวเกิดกลัวที่จะแต่งงาน พี่สาวเลยให้เขาเข้าไปกล่อม เขาเข้าไปพูดกับเจ้าบ่าวว่า การที่เรามีเพื่อนยามแก่เถ้ามันก็คงดีกว่าอยู่คนเดียว (เจนนี่ชอบมุมกล้องตอนที่จิมแฟนของน้องสาวไปง้อน้องสาวพระเอก มันดูเหมือนเราอยุ่ในเหตุการณ์ ดูสมจริงมาก)
แล้วพวกเขาต่างคนก็ต่างกลับมาทำงาน นาตาลีได้เริ่มใช้งานระบบไล่คนออกโดยอินเตอร์เน็ท ซึ่งนาตาลีพบว่าการที่จะไล่คนคนหนึ่งออกมันเหนื่อยมาก ( ฉากนี้ในหนังทำได้อารมณ์มาก เห็นแล้วรู้สึกแทนนาตาลีเลย) เมื่อปรากฏว่าระบบใช้ได้ ทุกคนในบริษัท รวมทั้งไรอั้นต่างก็ไม่ต้องเดินทางอีกต่อไป แต่มาใส่หูฟังแทน
จู่ๆขณะที่ไรอั้นกำลังอบรมการสัมมนาอยู่ เขาก็ออกมาจากการสัมมนาแล้วรีบวิ่งไปขึ้นเครื่องบินแล้วไปหา อเล็กซ์ เขาก็วิ่งไปหาอเล็กซ์ที่บ้าน เขาได้รู้แล้วว่า อเล็กซ์คือ ผู้หญิงที่ใช่ แต่เขากลับพบว่า สำหรับอเล็กซ์แล้ว เขาไม่ใช่คนที่ใช่ เธอมีครอบครัวแล้ว สำหรับอเล็กซ์แล้ว ไรอั้นเป็นแค่ชู้ ไรอั้นรู้สึกแย่มาก
ระหว่างขากลับบนเครื่องบิน เขาได้บรรลุเป้าหมายที่เขาอยากได้มาตลอด นั้นคือ จำนวนไมล์จากการเดินทางบนเครื่องบินทั้งหมดครบ สิบล้านไมล์ และการได้พบกับนักบินของเครื่องบิน ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด แต่เขากลับลืมคำพูดที่อยากจะพูดกับกัปตัน ( ในฉากนี้เป็นฉากที่เขาลืมคำพูดที่เขาอยากพูดกับกัปตัน แล้วกัปตันก็บอกเขาว่า ไม่เป็นไร ทุกคนก็เป็นกันทั้งนั้น เจนนิ่คิดว่า ในบทพยายามจะบอกว่าคนเรามักจะลืมสิ่งที่สำคัญไปในชีวิต ซึ่ง ไรอั้นในตอนนั้นลืมไปว่าตัวเองนั้นไม่ได้ต้องการที่จะอยู่อย่างโดเดี่ยว ไม่รู้ว่าเจนนี่คิดไปเองรึเปล่า ใครที่ดูกันแล้วบ้าง คิดว่ายังไงบ้างค่ะ)
ซึ่งการที่ได้เดินทางครบสิบล้านไมล์นั้นสามารถเอาไมล์นั้นมาเป็นค่าเครื่องบินได้ฟรี ซึ่งเขาเอามาให้น้องสาวและสามีของหล่อนไปเดินทางรอบโลกซึ่งไม่มีเงินพอที่จะเดินทางไปฮันนีมูนรอบโลก คนละ ห้าล้านไมล์ และสุดท้ายเขาออกจดหมายให้นาตาลี ที่ลาออกจากกงานเพราะพนักงานที่เธอไล่ออกคนแรกกลับโดดสะพานฆ่าตัวตาย ระบบการไล่ออกจึงต้องถูกระงับ และไรอั้นก็ยังคงเดินทางต่อไป บ้านของเขาก็คงยังอยู่ที่เครื่องบิน แต่ถึงแม้ว่าเขาจะต้องออกเดินทางต่อไปแต่ที่เปลี่ยนไปคือ เขาได้ยอมรับแล้วว่าตัวเขาเองต้องการใครบางคน
หนังเรื่องนี้ทำได้ลงตัวมากทั้งของเนื้อเรื่องที่สมจริง มีเหตุมีผล การแสดงของนักแสดงดูสมจริง ดูไม่เว่อร์ มุมกล้องและการตัดต่อเป็นตัวบอกอารมณ์ของอารมณ์ได้ดีมากทั้งฉากที่นาตาลีไล่คนออกทางอินเตอรเน็ตครั้งแรก และอีกหลายๆฉาก รวมทั้งสัญลักษณ์ในหนังมันดีมาก เช่น การที่ไรอั้นเอาคัตเอาต์ใส่ลงไปในกระเป๋าเดินทางเขา ความหมายของมันก็คือ ตัวประเป๋าคือชีวิตของไรอั้น และการที่ไรอั้นรับเอา คัตเอาต์ไปทุกที่นั่นก็หมายถึง เขาเริ่มที่จะรับคนอื่นเข้ามาในชีวิตของเขาแล้ว เรื่องของเสียงประกอบ เจนนี่ชอบเสียงตอนจบมากๆๆๆ มันได้อารมณ์ของตัวละครมาก ทิ้งจังหวะได้ดีมาก
เรื่องนี้พยายามจะบอกว่า อย่าผิดหวังเมื่อความสัมพันธ์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดเพราะว่าในโลกของความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดไปเสมอหรอกเพราะความสัมพันธ์ของคนมันทั้งละเอียดอ่อนและซับซ้อนรวมทั้งความรู้สึกของคนด้วย อย่าไปคิดว่าการอยู่คนเดียวมันดีกว่าเพราะการมีคนอยู่ข้างๆเรายังไงมันก็ดีกว่าอยู่แล้ว เหมือนไรอั้นเขาเป็นคนที่ต้องทำงานไปทั่วโลก ทำให้เขาคิดว่าการที่ไม่มีใครมันดีกว่า เขาก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่กำลังหนีจากความเหงาของตัวเองและปฏิเสธมันว่าเขาไม่ได้เหงาแค่เขาไม่ต้องการมัน นอกจากนี้ยังมีประเด็นเล็กๆที่ดีอยู่ เช่น ยังไงๆการติดต่อผ่านเทคโนโลยีก็ไม่อาจมาแทนการคุยกันซึ่งๆหน้าได้โดยเฉพาะเรื่องสำคัญๆ เหมือนการ บอกเลิกแฟนทาง text