[SIZE="4"]หามาจากในเน็ตเผื่อจะเป็นประโยชน์บ้างคะ
[SIZE="5"]เป็นอีกหนึ่งเรื่องใกล้ตัวสำหรับคนรักสุนัขที่เมื่อต้องพาเจ้าตูบแสนรักเดินทางไปท่องเที่ยวหรือใช้ชีวิตร่วมกันในต่างแดน
หลายคนอาจคาดไม่ถึงว่า ขั้นตอนกระบวนการจะมีความยุ่งยากหรือซับซ้อน ที่จริงแล้วถ้ามีความเข้าใจขั้นตอนและมีการวางแผนเผื่อเวลาเตรียมตัว เรื่องราวการพาสมาชิกสี่ขาร่วมเดินทางก็ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด
*โรงพยาบาลสัตว์-----* จึงรวบรวมเรื่องราวสำหรับคนที่รักสุนัขและสนใจพาเพื่อนรักสี่ขาเดินทางไปต่างประเทศ
อันดับแรกคือ การวางแผนล่วงหน้า ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเทศที่ท่านวางแผนจะพาสุนัขร่วมเดินทาง ว่าจะเป็นทวีปไหน ประเทศอะไร เพราะแต่ละประเทศมีขั้นตอนในการขออนุญาตไม่เหมือนกัน เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา หรือทวีปแอฟริกา
ดังนั้น เจ้าของควรใช้เวลาเช็คข้อมูลของแต่ละประเทศ และเผื่อเวลาในการเตรียมตัวด้านสุขภาพให้เจ้าตูบอย่างน้อย 6 เดือน
*ขั้นตอนแรก - ฝังไมโครชิปให้สุนัข*
คือนำสุนัขไปฝังไมโครชิปในสถาบัน หรือโรงพยาบาลสัตว์ที่ได้การรับรองมาตรฐาน โดยการฝังไมโครชิป ตามมาตรฐาน ISO 11758 นั้น ไมโครชิปมีขนาดเล็กเท่าเมล็ดข้าวสาร หมอจะใช้หลอดฉีดยา ฉีดฝังเข้าใต้ผิวหนัง บริเวณสะบัก ซึ่งในไมโครชิปจะมีบรรจุข้อมูลประกอบด้วย ชื่อเจ้าของ ที่อยู่ ประเทศ ในกรณีสุนัขหาย เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการเจ้าของจะได้ใบรับรองของไมโครชิป Microchip Certificate ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง
*ขั้นตอนที่สอง ฉีดวัคซีนตามข้อกำหนดของแต่ละประเทศ*
เจ้าของต้องพาสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า ซึ่งต้องแจ้งประเทศที่จะเดินทางต่อสัตวแพทย์ เนื่องจากข้อกำหนดในการฉีดวัคซีนแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน เช่น ญี่ปุ่น ซึ่งเคร่งครัดมาก สุนัขจะต้องได้รับการฉีดวัคซีน 2 ครั้ง โดยระยะการฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรกไม่น้อยกว่า 30 วัน แต่ต้องไม่น้อยกว่า 1 ปี เจ้าของจะได้รับ International Certificate of Vaccination เป็นเอกสารอ้างอิง
หลังจากวัคซีนเข็มที่ 2 ต้องพาสุนัขไปเจาะเลือดเพื่อส่งตรวจไปที่ Rabies Titer โดยทางโรงพยาบาลสัตว์----- จะนำเลือดส่งไปที่แล็บที่ประเทศอังกฤษ (ซึ่งทางญี่ปุ่นยอมรับ) ผลประมาณ 1 เดือน
หลังจากที่เจาะเลือดสุนัขต้องอยู่ในประเทศไทยอย่างน้อย 6 เดือน ก่อนเดินทางเข้าญี่ปุ่น เมื่อผลผ่านจะได้รับ Rabies Titer Certificate ในขณะที่ประเทศในแถบยุโรปและอเมริกา ฉีดวัคซีนเพียง 1 ครั้ง ซึ่งประเทศสหรัฐ โดยเฉพาะฮาวายการส่งตรวจผลเลือดจะรับเฉพาะ Lab จาก Kansas State ที่เดียว
ส่วนยุโรปนั้นส่วนใหญ่ประเทศใน EU เน้น International Certificate of vaccination ที่มีข้อมูลการฉีดวัคซีนประจำปี โดยที่ครั้งล่าสุดต้องก่อนการเจาะเลือดไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยหลังการเจาะเลือดสุนัขต้องอยู่ไม่ต่ำกว่า 3 เดือน
*ขั้นตอนที่สาม Health Certificate จำเป็นเมื่อต้องเดินทาง*
เมื่อครบกำหนด เจ้าของสุนัขต้องนำเอกสารทั้งหมดมาตรวจสุขภาพครั้งสุดท้าย เพื่อให้สัตวแพทย์รับรอง และใบตรวจสุขภาพ Health Certificate จากนั้นนำเอกสารไปให้สัตวแพทย์ที่คลังสินค้า (Cargo) ที่สนามบินเพื่อเช็คเอกสารและรับรองครั้งสุดท้าย
สำหรับเอกสารที่ใช้ประกอบการยื่นคำร้องพาสุนัขออกนอกประเทศ ได้แก่ เอกสารสำหรับด่านตรวจคนเข้าเมือง-ต่างประเทศ (สำหรับยื่นเพื่อขอนำสุนัขเข้าประเทศต่างๆ), ใบรับรองการฝังไมโครชิป (Microchip Certificate), ใบรับรองการฉีดวัคซีน (International Certificate of vaccination), ใบรับรองการตรวจสุขภาพของแพทย์ (Health Certificate)
ตามลิงค์ก็มีคะ
http://www.aussiemove.com/aus/pets.asp
*** ปล. เคยอ่านเจอว่า ถ้านำสุนัขเข้า ต้องนำไปไว้ที่ด่านกักโรคก่อนคะ หลายเดือนเหมือนกัน และ เจ้าของต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเองด้วยคะ ***