อาการ
มือชา เท้าชา นับเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่มักกวนใจในผู้สูงวัยบ่อย ๆ ซึ่งอาการมือชา เท้าชามีหลายระดับ ตั้งแต่มือชา เท้าชาเล็กน้อย แบบนี้ไม่ได้รบกวนชีวิตมากนัก จนกระทั่งรุนแรงไปถึงมีอาการมือชา เท้าชาตลอดเวลา นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายที่แอบซ่อนอยู่ภายในร่างกายได้เช่นกัน เรามาเช็กข้อมูลสุขภาพกับคุณหมอพิเชษฐ์ เกี่ยวกับโรคที่มาพร้อมอาการ
มือชา เท้าชากันค่ะ
อาการ
มือชา เท้าชา เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ หรือเกิดจากโรคประจำตัวบางชนิด เช่น
- โรคเบาหวาน เกิดจากน้ำตาลในเลือดสูงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในเลือด ส่งผลให้เส้นประสาทนำไฟฟ้าได้ดี นอกจากนี้โรคเบาหวานยังทำให้เกิดการทำลายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงเส้นประสาท ส่งผลให้เกิดอาการชามือ ชาเท้า
- โรคหมอนรองกระดูกสันหลังเบียดเส้นประสาท มักมีอาการเจ็บปวดตามแขน,ขา เนื่องจากหมอนรองกระดูกเสื่อมแล้วปลิ้นไปเบียดเส้นประสาทแขนหรือขา
- ผู้มีภาวะขาดไทรอยด์ มักจะรู้สึกชาบริเวณปลายมือ ปลายเท้าบ่อย ๆ มีอาการปวดแปลบๆ
- ขาดวิตามิน เมื่อร่างกายกำลังขาดวิตามิน และแร่ธาตุที่สำคัญ จะทำให้ปลายเส้นประสาทเสื่อม หรืออักเสบ ผู้ที่ขาดจะเกิดการชาที่ปลายมือและปลายเท้า ซึ่งเกิดจากการขาดวิตามินอย่างรุนแรงนั่นเอง
แนวทางการดูแลผู้ที่มีอาการมือชา เท้าชา สำหรับผู้มีอาการ
มือชา เท้าชา ควรหันมาดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคที่เป็นสาเหตุ และไม่ควรนิ่งเฉยเมื่อเกิดอาการ
มือชา เท้าชา สามารถดูแลได้โดยการรับประทานวิตามินที่ร่างกายขาดให้เพียงพอ ไม่นอนทับแขน หรือนั่ง ยืน อยู่ในท่าเดิมนาน ๆ เลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ และควรทานเสริมด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เราขอแนะนำแคล-ที แมกนีเซียม พลัส วิตามินรวม ที่มีความสำคัญต่อการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ มีส่วนช่วยดูแลอาการมือชา เท้าชา ดูแลอาการตะคริว และเหน็บชาได้ หากมีอาการรุนแรงควรเข้าพบแพทย์ให้ทำการตรวจวินิจฉัยโรคให้ชัดเจน