ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันรถยนต์ส่วนตัวคือปัจจัยหนึ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไกลเป็นประจำ ทว่ารถยนต์ถือเป็นสินค้าราคาแพง และทุกคนไม่ได้มีเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้น ด้วยเหตุนี้จึงมีบริการขอสินเชื่อรถยนต์เข้ามาช่วยแก้ไขอย่างตอบโจทย์
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าการขอสินเชื่อรถยนต์จะสามารถผ่านฉลุยทุกครั้ง มีโอกาสอยู่บ้างเหมือนกันที่จะพบกับความผิดหวัง เนื่องจากสินเชื่อไม่ได้รับการอนุมัติ บทความนี้จึงขออาสาแนะนำ 3 เทคนิคที่จะทำให้การยื่นขอผ่านฉลุยไร้อุปสรรค
1.หากทำงานประจำ ควรขอหลังจากอายุงานเกิน 6 เดือน
สำหรับพนักงานบริษัทที่สัญญาจ้างเป็นรูปแบบงานประจำ ควรยื่นขอสินเชื่อรถยนต์หลังจากที่อายุงานในบริษัทปัจจุบันเกิน 6 เดือน เพราะหากยังอยู่ในช่วงทดลองงาน ทางบริษัทผู้ให้สินเชื่ออาจมองว่ามีโอกาสที่จะไม่ผ่านการประเมิน ส่งผลต่อความมั่นคงของรายได้ และนำไปสู่การอนุมัติยากกว่าที่คิด
2.เงินเดือนควรสูงกว่าค่างวดเป็นสองเท่า
แน่นอนว่ายิ่งเงินเดือนของผู้ขอสินเชื่อรถยนต์สูงกว่าค่างวดที่ต้องชำระมากเท่าไร ทางบริษัทผู้ปล่อยสินเชื่อก็ยิ่งมองว่าโอกาสที่จะได้รับชำระตรงเวลาไร้ปัญหาก็ยิ่งมากเท่านั้น ซึ่งอัตราส่วนที่เหมาะสมคืออย่างน้อยเงินเดือนควรสูงกว่าค่างวดเป็นสองเท่า ตัวอย่างเช่นหากต้องจ่ายค่างวดเดือนละ 15,000 บาท เงินเดือนก็ควรที่จะต้องเกิน 30,000 บาทขึ้นไป
3.สมุดบัญชีมีการเคลื่อนไหวประจำ
ในมุมมองของบริษัทผู้ปล่อยสินเชื่อรถยนต์ ยิ่งผู้ขอสินเชื่อมีการเคลื่อนไหวของเงินในบัญชีเท่าไร ก็ยิ่งดูน่าเชื่อถือมากเท่านั้น ตรงกันข้ามกับบัญชีที่ถึงแม้จะมียอดเงินในจำนวนมาก แต่บัญชีกลับไม่ค่อยเคลื่อนไหว หรือเคลื่อนไหวอย่างไม่มีแบบแผน บริษัทผู้ปล่อยสินเชื่อจะมองว่ามีโอกาสที่ผู้ขอสินเชื่อจะตบตาด้วยการหยิบยืมหรือกู้เงินจากคนอื่นมาเพื่อแต่งบัญชีให้มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งอาจนำไปสู่การประเมินความสามารถชำระหนี้ที่อาจไม่ตรงกับความจริงได้ ดังนั้นต่อให้จะมีเงินในบัญชีไม่มากนัก แต่หากบัญชีมีการเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ ก็ย่อมมีโอกาสผ่านการอนุมัติสินเชื่อเช่นกัน
ด้วยเทคนิค 3 ข้อนี้ ประกอบกับการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการขอสินเชื่อรถยนต์เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้ทุกขั้นตอนของการขอผ่านฉลุยได้ไม่ยาก