มีผู้หญิงหลายคน เวลามีประจำเดือนทีไร มีความทุกข์ทรมานกับอาการปวดท้องน้อยเป็นอย่างมาก เป็นสิ่งที่น่าเห็นอกเห็นใจอย่างยิ่ง อาการแบบนี้ถ้าไม่เกิดกับใครจะไม่รู้สึกหรอก แต่ก็มีผู้หญิงบางคนไม่เคยปวดท้องน้อยมาก่อนเลย ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการมีประจำเดือนหรือไม่มีประจำเดือน ก็ไม่เคยปวดเลยสบายดีมาตลอด แต่มาช่วงนี้ทำไมเกิดปวดขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ อาการปวดท้องน้อยในผู้หญิงเป็นอาการหนึ่งที่พบได้บ่อย ๆ ที่ทำให้ต้องมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจและรักษาโรคทางนรีเวช เป็นอาการที่สร้างความกังวลใจให้ได้เรื่อย ๆ โดยเฉพาะคนที่มีอาการปวดอยู่ตลอด ๆ ปวดเรื้อรังไม่หายสักที ดังนั้นเราจึงควรมารู้จักกับอาการปวดท้องน้อยกันสักหน่อย จากทางศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลนครธน เพื่อจะได้ทราบแนวทางทั้งการตรวจวินิจฉัยรวมถึงแนวทางการรักษาด้วย
ปวดท้องน้อย เป็นอาการที่ผู้หญิงหลายคนมักจะมองข้ามอยู่บ่อยครั้ง เพราะคิดว่าเป็นอาการปวดท้องทั่ว ๆ ไป คล้ายกับการปวดประจำเดือนที่ไม่นานก็หาย แต่หากปวดเฉียบพลัน ปวดท้องประจำเดือนมาก และเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ปวดบ่อยแบบไม่ทราบสาเหตุ จนไม่สามารถทำกิจวัตรประจำอื่นได้ นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคทางนรีเวชได้
อาการปวดท้องน้อยเป็นอย่างไร?
อาการปวดท้องน้อย (pelvic pain) ในผู้หญิง เป็นอาการปวดตั้งแต่บริเวณใต้สะดือลงไปจนถึงหัวหน่าว มีทั้งการปวดแบบเฉียบพลัน และการปวดแบบเรื้อรัง อาจจะสัมพันธ์หรือไม่สัมพันธ์กับประจำเดือนได้ แต่อาการปวดท้องอย่างไรที่ควรพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาโรคเพิ่มเติม
ปวดเฉียบพลัน ทันที และมีอาการรุนแรง
อาการปวดไม่ดีขึ้นหลังจากทานยาแก้ปวด
อาการปวดที่เป็นนานเรื้อรัง รบกวนชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเป็นมานานกว่า 6 เดือน
อาการปวดที่มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีไข้ คลื่นไส้อาเจียน ปัสสาวะแสบขัด มีประวัติมีบุตรยาก
ปวดท้องประจำเดือนมาก และเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งสาเหตุของอาการปวดนั้นมีได้ทั้งจากโรคเกี่ยวกับลำไส้ ทางเดินอาหาร ระบบทางเดินปัสสาวะ กล้ามเนื้อ หรืออาจเป็นมาจากโรคทางนรีเวช เช่น เนื้องอกมดลูก เยื่อบุโพรงมดลุกเจริญผิดที่ ถุงน้ำ (cyst) รังไข่
โรคทางนรีเวชที่พบบ่อยและเกี่ยวข้องกับอาการปวดท้องน้อย
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)
เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการปวดท้องประจำเดือน โดยเฉพาะในคนที่มีประวัติมีบุตรยาก ปวดเรื้องรังนานกว่า 6 เดือน ปวดหน่วงขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือ มีคลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด ระหว่างมีประจำเดือน กลุ่มโรคเยื่อบุโพรงมดลุกเจริญผิดที่ยังรวมถึงโรค chocolate cyst อีกด้วย
เนื้องอกมดลูก (Myoma uteri)
อาการปวดมักเกิดจากการที่ก้อนเนื้องอกใหญ่จนมีการกดเบียดอวัยวะข้างเคียง การบิดขั้วของเนื้องอกจะทำให้เกิดการปวดที่รุนแรง ปวดท้องประจำเดือน หรือ มีเนื้อตายภายในเนื้องอก
เนื้องอก หรือ ถุงน้ำรังไข่ (Ovarian tumor)
อาจเกิดการบิดขั้ว แตก รั่ว ของถุงน้ำ จะทำให้เกิดอาการปวดท้องแบเฉียบพลัน อาจมีเลือดออกในช่องท้อง หรือ ติดเชื้อได้ หากถุงน้ำมีขนาดใหญ่มากจะทำให้เกิดอาการแน่นท้อง จุก เสียด ทานอาหารอิ่มง่ายได้
การตรวจและการวินิจฉัย
1. การซักประวัติและการตรวจร่างกาย
2. การตรวจภายใน
3. การตรวจด้วยอัลตราซาวด์
4. การส่องกล้องเพื่อดูพยาธิสภาพบริเวณอุ้งเชิงกราน
การรักษา
1. การให้ยาแก้ปวด
2. การรักษาด้วยฮอร์โมน
3. การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง หรือ การผ่าตัดส่องกล้อง
ดังนั้น หากคุณผู้หญิงเกิดมีอาการปวดท้องน้อยขึ้นมาอีก ทั้งแบบเฉียบพลัน และแบบเรื้อรัง ถ้ารักษาเบื้องต้นด้วยตนเองแล้วไม่ดีขึ้น ก็อย่ารอทิ้งให้อาการปวดเรื้อรังเนิ่นนานเกินไป แวะปรึกษากับแพทย์หรือมารับการรักษากับทางศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลนครธน เสียแต่เนิ่น ๆ นะคะ จะเป็นการช่วยคัดกรองโรคทางนรีเวชเหล่านี้ หากตรวจพบได้เร็ว รักษาได้ไว ก็จะช่วยให้คุณกลับมามีสุขภาพที่ดีเหมือนเดิม
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลนครธน https://www.nakornthon.com/article/detail/ปวดท้องน้อยในผู้หญิง-สัญญาณเตือนของโรคทางนรีเวช