คลอเรลล่า ช่วยให้ เซลล์ในร่างกายเรา หายใจได้ สมบูรณ์ขึ้น ได้อย่างไร -- ตรรกะ ข้อเท็จจริง ทางวิทยาศาสตร์
โดย bit
bit
#1
คลอเรลล่า ช่วยให้ เซลล์ในร่างกายเรา หายใจได้ สมบูรณ์ขึ้น ได้อย่างไร -- ตรรกะ ข้อเท็จจริง ทางวิทยาศาสตร์

เซลล์ ในร่างกายของเราก็เป็นสิ่งมีชีวิต เช่นเดียวกับตัวเรา ซึ่งนอกจากจำเป็นต้องกินอาหารเพื่อดำรงชีวิตและทำงานแล้ว อีกสิ่งที่เซลล์จำเป็นต้องมีเหมือนกันกับตัวเรา คือ "การหายใจ"

ตัวเราเอง(มนุษย์) เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องใช้ออกซิเจนในการหายใจ นั่นก็เพราะ เซลล์ในร่างกายของเรา เกือบทั้งหมด เป็นเซลล์ ที่ต้องการใช้ออกซิเจนในการหายใจ (Aerobic) แม้ว่า เซลล์ของเรา จะสามารถหายใจแบบไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic) ได้บ้าง แต่ก็ทำได้ไม่นานก่อนที่เซลล์จะตายลงเนื่องจากการขาดออกซิเจน (Hypoxia) นั่นจึงเป็นเหตุผล ที่ทำให้ร่างกายของเราขาดออกซิเจนได้ไม่นาน (ไม่กี่นาที) หากนานเกินไป ร่างกายของเราก็จะตายลงเช่นกัน

ดังนั้น การหายใจของเซลล์ ในร่างกายของเรา จึงเป็นงานที่สำคัญมากในการดำรงชีวิตอยู่ของร่างกายเราเอง จนมีการศึกษาในระยะหลังๆ ที่พบว่าการที่เซลล์ในร่างกาย ไม่สามารถได้รับออกซิเจนเพียงพอต่อการใช้งานอยู่เรื่อยๆ เป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้น้อยลง จนเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ มากมาย อย่างเช่น ฮอร์โมนทำงานผิดปกติ การเผาผลาญผิดปกติ เนื้อเยื่ออักเสบเรื้อรัง เนื้องอกและมะเร็ง หลอดเลือดแดงแข็งตัว โรคหัวใจ เป็นต้น

(ข้อมูลจาก จุลสาร คลอเรลลา พืชธรรมชาติ ที่ทรงคุณค่าทางยา เขียนโดย นายแพทย์เดวิด สทีนบล๊อก, BS, M.Sc., D.O. ประธานสถาบันการวิจัยเวชศาสตร์ชะลอวัย แปลโดย ดร.กิดานันท์ มลิทอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2530)


ระบบการขนส่งออกซิเจนของร่างกาย จึงเป็นระบบที่ต้องทำงานหนักอยู่ตลอด 24 ชม. ไม่มีวันหยุดพัก เพื่อให้เซลล์ทั่วร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างทั่วถึงและต่อเนื่องหยุดไม่ได้ จึงเป็นเหตุให้เราไม่อาจหยุดหายใจได้ ตลอดชีวิต

เมื่อเราหายใจ ร่างกายเราจะนำอากาศภายนอกเข้ามาในปอด ดังที่เรารู้สึกว่า ปอดเรามีการขยายตัวเมื่อเราหายใจเข้า เมื่อตอนที่ขยายตัวนี้เอง ถุงลมเล็กๆที่มีอยู่ทั่วปอดที่กำลังขยายตัว จะกรองเอาออกซิเจนให้แพร่เข้าไปที่เส้นเลือดฝอยที่เชื่อมมาถึงแต่ละถุงลม และที่เส้นเลือดเหล่านี้เอง ที่เซลล์เม็ดเลือดแดง เข้ามารับออกซิเจน และ ขนส่งไปยังเซลล์ ทั่วร่างกาย ผ่านระบบเส้นเลือด (เซลล์เม็ดเลือดแดงเปรียบเหมือนพาหนะขนส่งออกซิเจน ระบบเส้นเลือดเปรียบเหมือนระบบถนน)



(ภาพจาก https://www.freepik.com/free-vector/human-gas-exchange-process-diagram_1907429.htm)

ระบบการขนส่งออกซิเจนนี้ ร่างกายมีเพียงระบบเดียว ไม่มีระบบสำรองอื่นที่สามารถใช้งานแทนกันได้ การที่เซลล์จะได้รับออกซิเจนไปใช้หายใจนั้น จึงต้องพึงพาอาศัยระบบนี้เท่านั้น หากระบบนี้ล้มเหลว เท่ากับเซลล์ทั่วร่างกายจะค่อยๆตาย และร่างกายจะตายในที่สุด

หลังจากที่มนุษย์ได้รับรู้ถึงความสำคัญของระบบขนส่งออกซิเจนนี้ จึงได้มีการศึกษาทำความเข้าใจระบบนี้อย่างจริงจัง จนค้นพบความคล้ายกันบางอย่างที่ซ่อนอยู่ ในร่างกายของเรา และ สิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา

เมื่อปี ค.ศ. 1840 ได้มีการค้นพบว่ามีสารชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติในการขนส่งออกซิเจน อยู่ในเม็ดเลือดแดง โดยนักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน ชื่อ Friedrich Ludwig Hunefeld และ ต่อมาสารนี้ รู้จักกันในชื่อ ฮีโมโกลบิน (Hemoglobin)

(ข้อมูลจาก https://sciencing.com/discovered-hemoglobin-18542.html)


ในขณะที่ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1817 Joseph Bienaime Caventou และ Pierre Joseph Pelletier ได้ค้นพบสารสีเขียว ที่รับคาร์บอนไดออกไซต์ และ คายออกซิเจนกลับออกมา (ในสมัยนั้น มนุษย์ยังไม่รู้จักกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช) ซึ่ง ต่อมา สารนี้ รู้จักกันในชื่อ คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll)

(ข้อมูลจาก https://historyofsciences.blogspot.com/2013/02/discovery-of-chlorophyll.html)


หลังจากมีความพยายามในการศึกษา ลงในรายละเอียด ของทั้ง ฮีโมโกลบิน และ คลอโรฟิลล์ อย่างต่อเนื่องหลายสิบปี จนสามารถค้นพบโครงสร้างโมเลกุลของสารทั้ง 2 ตัวนี้ ปรากฏได้ ตามภาพด้านล่าง



(ภาพจาก https://science2be.wordpress.com/2012/09/03/the-amazing-similarity-between-blood-and-chlorophyll/)


ภาพเปรียบเทียบโครงสร้างโมเลกุลนี้ ทำให้เกิดคำถามทางวิทยาศาสตร์จากหลายมุมมอง ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่าง คลอโรฟิลด์ (ที่อยู่ในพืช) และ ฮีโมโกลบิน (ที่อยู่ในร่างกายเรา)

หนึ่งในความพยายามหาความสัมพันธ์ระหว่างสารสองชนิดนี้ ในมุมมองด้านสารอาหาร คือ การทดลองของ J. Howell Hughes และ A.L. Latner ในปี 1936 ที่ได้ทำการทดลองเลี้ยงกระต่าย โดยแบ่งกลุ่มหนึ่งให้อาหารปกติ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง ให้อาหารเสริม คลอโรฟิลล์ สกัดหยาบ (Crude Chlorophyll) (คลอโรฟิลล์ ที่มีส่วนของเซลล์ของพืชติดมาด้วย) ในปริมาณสูง (1 กรัม ต่อวัน) และ ทำการตรวจวัด ปริมาณฮีโมโกลบินในเลือด เป็นเวลา 2 อาทิตย์




พบว่า การให้คลอโรฟิลล์สกัดหยาบเป็นอาหารเสริม ในปริมาณมากต่อวัน ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของปริมาณฮีโมโกลบินในเลือดอย่างชัดเจน เราจึงเริ่มได้เห็น ความสัมพันธ์ของ ของคลอโรฟิลล์ กับ ฮีโมโกลบิน ในมุมมองด้านสารอาหาร ได้ชัดเจนมากขึ้น ผ่านการทดลองนี้

(ในการทดลองครั้งนี้ ยังได้มีการใช้ คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ มาทำการทดสอบด้วย แต่กลับพบว่า คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ จะส่งผลให้ปริมาณฮีโมโกลบินเพิ่ม เฉพาะการให้ที่ปริมาณน้อยมากๆเท่านั้น เมื่อเพิ่มปริมาณ กลับพบว่า ไม่ส่งผลต่อการเพิ่มฮีโมโกลบิน
ซึ่ง ต่างจากการให้คลอโรฟิลล์สกัดหยาบ ที่สามารถให้ปริมาณมากได้ การทานคลอโรฟิลล์เพื่อเพิ่มปริมาณฮีโมโกลบิน ควรทานแบบคลอโรฟิลล์สกัดหยาบ เพราะสามารถทานในปริมาณมากได้ ไม่ต้องมีการหาปริมาณจำกัดของโดสที่ทาน ซึ่ง แต่ละคนอาจไม่เท่ากัน)

(ภาพ และ ข้อมูลจาก https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC1394693/)

ในปีเดียวกันนั้น ดร. Arthur Patek ได้รายงานผลการทดสอบ ที่ได้ให้ คลอโรฟิลล์ ในปริมาณที่แตกต่างกัน คู่กับธาตุเหล็ก กับคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคโลหิตจาง จำนวน 15 คน ในเวลานั้น เป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว กว่าการให้ธาตุเหล็กเพิ่มเพียงอย่างเดียว ก็สามารถส่งผลให้มีปริมาณฮีโมโกลบินเพิ่มขึ้นได้ แต่ ดร. Patek พบจากการทดสอบว่า การให้ธาตุเหล็ก ควบคู่กับคลอโรฟิลล์นั้น ส่งผลให้ปริมาณฮีโมโกลบินของคนไข้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กว่าให้แต่ธาตุเหล็กอย่างเดียว อย่างมีนัยสำคัญ

(ข้อมูลจาก http://www.pkdiet.com/pdf/HemeVsChlorophyll.pdf)

จากการทดสอบของ ดร. Patek ทำให้เราได้เห็นองค์ประกอบของสารอาหาร (คลอโรฟิลล์ และ ธาตุเหล็ก) ที่สามารถช่วยเพิ่มปริมาณฮีโมโกลบินในเลือดของคนได้จริง ได้ชัดเจนมากขึ้น

และ หลังจากที่เห็นองค์ประกอบสารอาหารที่ใช้สร้างฮีโมโกลบินได้ชัดเจน จึงได้เริ่มมีการวิจัยเพื่อหา อาหารจากธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติในการเพิ่มฮีโมโกลบินในเลือดของมนุษย์ อย่างแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งต่อมาอาหารกลุ่มนั้นถูกเรียกว่า "ตัวสร้างเลือด" (Blood Builder)

ย้อนกลับไปในปี 1931 นักชีวเคมีชาวเยอรมัน Otto Heinrich Wanburg ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ จากการค้นพบ วงจรการหายใจระดับเซลล์ จากการศึกษาการหายใจของพืชน้ำเซลล์เดียวชนิดหนึ่ง ที่ชื่อว่า "คลอเรลล่า"

คลอเรลล่า เป็นพืชน้ำเซลล์เดียว ที่ต่อมามีการค้นพบว่า มีปริมาณโปรตีนมากถึง 60% ของน้ำหนักตัว อุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญต่อมนุษย์ และ ที่สำคัญ ยังพบว่า "เป็นพืชที่มีปริมาณคลอโรฟิลล์ ต่อน้ำหนัก มากที่สุดในโลก"





(ข้อมูล จากหนังสือ Chlorella, Jewel of the Far East (คลอเรลล่า อัญมณีแห่งตะวันออกไกล) โดย Dr. Bernard Jensen, Ph.D., D.O.)

เนื่องจากคลอเรลล่า เป็นพืชน้ำเซลล์เดียว ที่มีปริมาณคลอโรฟิลล์ต่อน้ำหนักสูงที่สุดในโลก เราจึงสามารถทานคลอเรลล่าได้เหมือนทาน คลอโรฟิลล์สกัดหยาบ (Crude Chlorophyll) ตามธรรมชาติ (ที่มีการค้นพบแล้วว่า เหมาะสมกับการใช้ทานเพื่อเพิ่มฮีโมโกลบิน)

นอกจากนั้น คลอเรลล่า ยังเป็นพืชที่มีปริมาณธาตุเหล็กต่อน้ำหนักสูง ถึง 130 มิลิกรัม ต่อ 100 กรัม (สูงกว่าตับวัว ถึง 20 เท่า) ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ต้องใช้อีกตัวหนึ่ง ในการสร้างฮีโมโกลบิน (ที่มีการค้นพบแล้วว่า ถ้าทานธาตุเหล็กคู่กับคลอโรลฟิลล์แล้ว จะช่วยเพิ่มปริมาณฮีโมโกลบินได้อย่างรวดเร็ว)

จนสามารถกล่าวได้ว่า คลอเรลล่า คือ อาหารจากธรรมชาติ ที่ช่วยให้ร่างกายของเราสร้างฮีโมโกลบิน (Blood Builder) ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดตัวหนึ่งเท่าที่โลกเคยมีมา (Amoore, 2012, https://goo.gl/HhTHQP)


ซึ่งมาจาก งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ ความสามารถนี้ ของคลอเรลล่า ตลอดระยะเวลา 60 ปี ที่ผ่านมา ออกมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน จากทั่วโลก (โดยเฉพาะจาก ยุโรป อเมริกา และ ญี่ปุ่น)

ยกตัวอย่างเช่น

การวิจัยผลของคลอเรลล่า ต่อภาวะเลือดจางของผู้หญิงตั้งครรภ์ ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2010 โดยแบ่งผู้หญิงตั้งครรภ์ 70 คน ออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก ทานอาหารตามปกติ อีกกลุ่ม เริ่มทานคลอเรลล่า วันละ 6 กรัม ตั้งแต่สัปดาห์ ที่ 12-18 หลังตั้งครรภ์ จนถึงคลอด

มีการวิจัย ในโรงพยาบาล Saiseikai ในจังหวัด นารา พบว่า กลุ่มที่ทานคลอเรลล่า มี ภาวะเลือดจาง โปรตีนรั่ว และ อาการบวมน้ำ น้อยลงกว่ากลุ่มแรก อย่างมีนัยยะสำคัญ จนสามารถสรุปได้ว่า การทานคลอเรลล่า สามารถลดความเสี่ยง จาก ภาวะเลือดจาง โปรตีนรั่ว และ อาการบวมน้ำ ของผู้หญิงตั้งครรภ์ได้จริง

(ข้อมูลจาก https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/20013055)

เมื่อร่างกาย มีปริมาณฮีโมโกลบินเพิ่มมากขึ้น ก็เปรียบเสมือนร่างกายมีพาหนะที่ใช้ขนออกซิเจน ในระบบเลือดมากขึ้น โดยหลักการทางวิทยาศาสตร์แล้ว ร่างกายจะมีความสามารถในการขนส่งออกซิเจนไปยังเซลล์ต่างๆในร่างกายมากขึ้น

จากหลักการทางวิทยาศาสตร์นี้ จึงได้มีการวิจัยผลของการทานคลอเรลล่า ต่อความสามารถในการขนส่งออกซิเจนในระบบเลือด เมื่อปี 2014 ที่ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการทดสอบกับ ผู้ชาย 7 คน และ ผู้หญิง 3 คน (อายุเฉลี่ย 21.3 ปี) ทั้งหมด 2 กลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่ง ให้ทานคลอเรลล่า 4.5 กรัม 2 ครั้งต่อวัน ทุกวัน เป็นจำนวน 4 สัปดาห์ และ วัดปริมาณออกซิเจนที่ร่างกายสามารถรับได้ ในขณะที่ออกกำลังกายเต็มที่ (ร่างกายต้องใช้ออกซิเจนเต็มที่) (Oxygen uptake) ซึ่งเป็นการวัดความสามารถในการขนส่งออกซิเจนของร่างกาย ที่ใช้กันเป็นมาตรฐานในวงการกีฬา

พบว่า กลุ่มที่ได้รับคลอเรลล่า ร่างกายมีความสามารถในการขนส่งออกซิเจนเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ




(ภาพ และ ข้อมูลจาก https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/25320462)

และหากร่างกายมีความสามารถในการขนส่งออกซิเจนเพิ่มขึ้นแล้ว ระบบเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ที่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจนในการหายใจ ก็จะสามารถทำงานได้สมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งหนึ่งในระบบที่สำคัญมากของมนุษย์ ที่เราสามารถวัดผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัด คือ ระบบภูมิคุ้มกัน

มีการวิจัยในปี 2012 ที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยแบ่งผู้เข้ารับการทดสอบ จำนวน 60 คน ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้รับคลอเรลล่า จำนวน 5 กรัมต่อวัน ติดกันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ส่วนอีกลุ่มไม่รับคลอเรลล่า และ มีการตรวจวัดปริมาณกิจกรรม ของเซลล์เม็ดเลือดแดง ชนิด Natural Killer (NK Cell activity) พบว่า กลุ่มที่ทานคลอเรลล่า มีปริมาณกิจกรรมของเม็ดเลือดขาวชนิด NK เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า)



(ภาพ และ ข้อมูลจาก https://nutritionj.biomedcentral.com/articles/10.1186/1475-2891-11-53)

ผลจากการวิจัยในครั้งนี้ นอกจากจะแสดงให้เราได้เห็นว่า ระบบภูมิคุ้มกันของเราสามารถทำงานได้มากขึ้นเกือบ 2 เท่า หลังจากที่ทานคลอเรลล่าต่อเนื่อง 8 สัปดาห์แล้ว ยังแสดงให้เราเห็นด้วยว่า จริงๆแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันของคนปกติโดยทั่วไป ในยุคปัจจุบันนั้น ทำงานได้น้อยกว่า ค่าที่ควรจะเป็นถึงเกือบ 2 เท่า (เป็นอย่างน้อย)

นั่นจึงไม่แปลกที่เราจะสังเกตได้ว่า คนในยุคหลังๆ ป่วยง่าย ป่วยบ่อยขึ้น สวนทางกับเทคโนโลยีและวิทยาการทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าขึ้น ที่สามารถพัฒนายาสมัยใหม่ ที่สามารถระงับอาการป่วยไข้ได้ โดยไม่ต้องให้ภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยได้ทำงาน นั่นเลยยิ่งส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของคนในยุคหลังจากนี้ มีแนวโน้มจะยิ่งทำงานได้น้อยลง ร่างกายพึ่งพาตนเองในการป้องกันโรคได้น้อยลงเรื่อยๆ หากไม่สามารถหลุดจากวัฏจักรนี้ได้

ซึ่ง หากเราสามารถ "ป้องกันไม่ให้เซลล์ขาดออกซิเจน" ได้ นอกจากระบบภูมิคุ้มกันของเราจะกลับมาทำงานได้ ตามที่ควรเป็นแล้ว เซลล์ส่วนอื่นๆในร่างกาย ก็จะสามารถกลับมาทำงานได้ ตามที่ควรเป็นเช่นกัน

เพราะเซลล์ภูมิคุ้มกัน รวมถึงเซลล์อื่นๆในร่างกายเรา ก็เหมือนตัวเรา หากมีอากาศหายใจไม่พอ ก็ไม่มีแรง พอไม่มีแรงก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ งานก็บกพร่อง เมื่อเซลล์ต่างๆในร่างกายหายใจได้ไม่สมบูรณ์ ร่างกายเราจึงสะสมความบกพร่องไปเรื่อยๆ จนเป็นสาเหตุให้เกิดโรคและความผิดปกติต่างๆ ตามมามากมาย

ดังนั้น ในทางกลับกัน การดูแลให้เซลล์ของร่างกาย หายใจได้สมบูรณ์ขึ้น จึงเป็นการป้องกันความผิดปกติของระบบต่างๆในร่างกาย ก่อนที่ความผิดปกตินั้นจะพัฒนาไปเป็นความเจ็บป่วยในรูปแบบต่างๆ ของร่างกายเรา ซึ่ง อาหารจากธรรมชาติชนิดหนึ่ง ที่ถูกพิสูจน์ด้วยงานวิจัยในระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ว่าสามารถช่วยให้เซลล์ของร่างกาย หายใจได้สมบูรณ์ขึ้น ก็คือ "คลอเรลล่า"
bit
#2
ทำไมเราถึงเลือก คลอเรลล่า จาก FEBICO เท่านั้น

เพราะ คลอเรลล่านั้นเป็นพืชที่สามารถดูดซับโลหะหนัก อันเป็นพิษจากสิ่งแวดล้อมที่คลอเรลล่าอาศัยอยู่ ดังนั้น หากสถานที่ผลิต อาหารที่ใช้ สิ่งแวดล้อมที่เติบโต ปนเปื้อนแม้เพียงนิดเดียว คลอเรลล่านั้นจะนำพิษมาเก็บไว้ในเซลล์แทน แทนที่จะช่วยดูดพิษโลหะหนักออกจากตัวผู้ทาน

ด้วยเหตุนี้ ทางเราจึงต้องเลือกจำหน่าย แต่คลอเรลล่า ของ FEBICO เท่านั้น เพราะ FEBICO คือ ผู้ผลิต คลอเรลล่า รายเดียวในโลก ที่ได้รับการยืนยันจากมาตรฐานสากล ทั้ง USDA Organic จาก USA และ Naturland จาก Germany แล้วว่า

เป็นคลอเรลล่า ที่ปราศจากสารปนเปื้อนใดๆ ในทุกขั้นตอนการผลิต ทั้งสถานที่ตั้ง สภาพแวดล้อม และทุกองค์ประกอบทั้งหมดที่ใช้ ซึ่งไม่เคยมีผู้ผลิตรายใดในโลก สามารถผลิตได้มาตรฐานครบถ้วน จนได้รับการการันตีจากทั้ง 2 เครื่องหมายระดับสากลนี้มาก่อน

คลอเรลล่า ของ FEBICO จึงให้ผลลัพธ์ ที่ชัดเจนกว่า ปลอดภัย และ เป็นยี่ห้อเดียวในโลก ที่ได้ขึ้นชื่อว่า

"คลอเรลล่า เกรดพรีเมี่ยมที่สุดอย่างแท้จริง"


1. เป็น ผู้ผลิตรายเดียว ในโลก ที่ใช้น้ำแร่ธรรมชาติ ในการเลี้ยงสาหร่ายเซลล์เดียว



ขอบคุณรูปจาก http://www.febico.com

FEBICO เป็น บริษัทเดียว ในโลก ที่ใช้ น้ำแร่ธรรมชาติ ที่สะอาด ไม่มีการปนเปื้อน ในสิ่งแวดล้อมที่บริสุทธิ์ สาหร่ายเซลล์เดียว ของเรา จึงถูกเลี้ยง แบบธรรมชาติ 100% และ ไม่มีมลภาวะ



2. เป็นผู้ผลิต คลอเรลล่า และ สไปรูริน่า รายแรกของโลก ที่ผ่านการรับรองผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (ออร์กานิกส์) จาก Naturland (เยอรมัน) และ เป็นผู้ผลิตคลอเรลล่า รายแรกที่รับการรับรองมาตรฐาน USDA-NOP



ขอบคุณรูปจาก https://en.wikipedia.org/wiki/National_Organic_Program

หลังจาก 9 ปี ที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง FEBICO ได้รับการรับรองจาก Naturland ซึ่ง Naturland ก็ได้รับการรับรองจาก IFOAM Accreditation Programme และอยู่ภายใต้ มาตรฐานแบบยุโรป EN 45011/ISO65



3. เป็นผู้ผลิต รายเดียว ที่มีสิทธิบัตร คลอเรลล่า ที่ผ่านกระบวนการ Cracked Cell wall ซึ่ง สามารถทำให้ร่างกายสามารถได้รับสารอาหารจากคอลเรลล่า ได้ถึง 80%



(ซ้าย)สิทธิบัตร "Cracked Cell Wall"
(กลาง)อัตราการได้รับสารอาหาร ก่อน และ หลัง "Cracked Cell Wall"
(ขวา)คลอเรลล่า ที่ผ่านการ "Cracked Cell Wall แล้ว"


ขอบคุณรูปจาก http://www.febico.com/

ผนังเซลลูโลส ที่หนา ของเซลล์คลอเรลล่า ทำให้ น้ำย่อยที่กระเพาะของมนุษย์สามารถนำสารอาหารออกมาได้เพียง 40% วิธีที่มีใช้มาก่อน คือการนำคลอเรลล่า มาผ่านเครื่องบด เพื่อทำเซลล์ให้แตก แต่วิธีนี้ ทำให้มีการปนเปื้อนของโลหะหนัก มากขึ้น จากการบด และ ทำให้สารอาหารได้รับความเสียหาย

ซึ่ง FEBICO เห็นปัญหานี้ และ สามารถพัฒนา กระบวนการ Cracked Cell wall ของตัวเองได้สำเร็จ โดยเป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ ที่เป็น "สิทธิบัตร" ของ FEBICO เอง ที่ไม่ต้องใช้เครื่องบด

คลอเรลล่า ของ FEBICO ที่ถูกกระบวนการตามสิทธิบัตร "Cracked Cell Wall" ผนังเซลล์จะถูกทำให้เปิดออกจากภายในเหมือนป๊อปคอร์น ซึ่ง จะสามารถทำให้ร่างกาย ได้รับสารอาหารจากคลอเรลล่า ถึง 80% และ ยังรักษาสารอาหารที่อยู่ข้างในได้ 100% (ไม่มีการปนเปื้อนของโลหะหนักเพิ่มเติม เพราะไม่ได้ใช้เครื่องบด)


อ้างอิงข้อมูลจาก

http://www.febico.com/en/page/Patents/patents.html







ติดต่อ สั่งซื้อสินค้า Organic Chlorella Tablet ของ FEBICO ที่มีพร้อมจำหน่าย ในไทย ได้ในโพสต์ด้านล่าง

bit
#3


ติดต่อสั่งซื้อ หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ร้านค้าออนไลน์ ด้านล่างนี้ (ทุกร้านสามารถจัดส่งได้ทั่วประเทศ)


ผู้ขายที่อยู่ กรุงเทพและปริมณฑล

ร้าน The best 2 you (คุณตาล) , อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี

"ตาลทานคลอเรลล่าต่อเนื่องตั้งแต่ 16 ก.ย. 58 สุขภาพดีขึ้นเรื่อยๆ ภูมิแพ้(อากาศ)ใกล้จะหายขาดแล้ว สิวไม่ค่อยขึ้นหน้า และที่หลังสิวหายแล้ว ตาลมีลูกคลอดก่อนกำหนด ให้ลูกกินคลอเรลล่าทุกวัน เพราะเป็นอาหารจากธรรมชาติ 100% ที่ได้รับเครื่องหมายออร์แกนิก ระดับโลก จาก USDA และ Naturland มั่นใจได้ว่าไม่มีสารตกค้าง สะอาด และปลอดภัย จึงกล้าให้ลูกกิน ลูกแข็งแรงมาก พัฒนาการดี ชอบกินผัก ตาลติดตามอ่านงานวิจัยคลอเรลล่าอยู่ตลอด ยินดีแชร์ประสบการณ์ค่ะ"


ติดต่อ คุณตาล Inbox : https://m.me/Thebest2you Line ID : luktan69 Tel : 080-1998694 E-Mail : [email]thebest2you@outlook.com[/email]

ร้าน Beauty Skincare by jumjum (คุณจุ๋ม) , เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ

"จากที่แรกๆทาน chlorella เพื่อปรับระบบขับถ่าย ให้ถ่ายง่าย แต่พอทานนานๆ ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น ไม่ป่วยไม่เป็นหวัดอีกเลย พอเข้าดือนที่ 5 คนทักว่าหน้าเด็ก หน้าใส ปัจจุบันทานมา 8 เดือนแล้วค่ะ สุขภาพดีขึ้นเยอะมากๆ จนอยากทานคลอแเรลล่าตลอดชีวิต จุ๋มมั่นใจว่าปลอดภัยเะราะคลอเรลล่าเป็นพืชธรรมชาติ ที่ทานได้ทุกวันตอนนี้ทั้งแฟน พี่ๆ พ่อแม่ และหลานชายก็ทาน chlorella ทุกวัน ยิ่งหลายชายวัย 4 ขวบกว่าไม่ชอบกินผัก ถ่ายยาก ไม่สบายบ่อย ต้องฝึกให้กินร่างกายจะได้สร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น และลองสังเกตการเปลี่ยนแปลงของหลานตลอด หลานก็สุขภาพดีขึ้น ถ่ายง่ายขึ้น ทุกวันนี้จุ๋มยังติดตามอ่านงานวิจัยของคลอเรลล่าอยู่ตลอด หากใครสนใจยินดีให้คำปรึกษาและแนะนำข้อมูลของคลอเรลล่าทักมาได้ตลอด พร้อมแชร์ประสบการณ์ทานของจุ๋มเองจ้า"


ติดต่อ คุณจุ๋ม Inbox : เพจ Beauty Skincare by jumjum Line ID : luknujum Tel : 086-8951715

ร้าน Family Use Shop (คุณอ้อ) , เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ

"ตอนแรกที่แม่อ้อและพ่ออั๋น (สามี) ตัดสินใจทานคลอเรลล่าเพราะอยากขับสารพิษในร่างกาย เพราะรู้ว่าอาหารที่ทานเข้าไปถึงจะล้างทำความสะอาดอย่างไรก็คงตกค้างในร่างกายอยู่ดี เมื่อได้ทานไปก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ร่างกายสดชื่น ไม่เพลียระหว่างวันเพราะกลางคืนจะต้องตื่นมาดูลูกสาวที่ป่วยตลอด ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ เพราะเป็นอาหารจากธรรมชาติ 100% ที่ได้รับเครื่องหมายออร์แกนิก ระดับโลก จาก USDA และ Naturland จึงกล้าให้ลูกกินเพราะมีลูกสาวที่ป่วยติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย เจาะคอและต้องทานอาหารปั่นซึ่งแม่อ้อก็กังวลได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน จึงอยากบำรุงร่างกายด้วยคลอเรลล่า ลูกสุขภาพแข็งแรงดีมาก มีพัฒนาการดี หมอที่ดูแลน้องชมตลอดว่าแม่อ้อดูแลลูกดีมาก ๆ ส่วนลูกสาวคนเล็กก็ไม่ป่วยบ่อยเหมือนก่อนเป็นหวัดนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่กี่วันก็หาย เพราะเค้าต้องไปโรงเรียนเพื่อนบางคนป่วย เราต้องดูแลลูกให้มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงตลอด ส่วนเรื่องระบบขับถ่ายของทั้งสองคนดีมาก ๆ แม่อ้อยินดีแชร์ประสบการณ์ค่ะ"


ติดต่อ คุณอ้อ Line ID : @Family use shop Tel : 087-1118721

ร้าน Looktansecret (คุณตาล) , อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร

"เริ่มจากตัวตาลเองก่อน เริ่มทานคลอเรลล่า เดือนมกราคม 2560 เพราะเห็นอ้วนเพื่อนตัวแทนด้วยกันทานแล้วดูหน้าเด็กขึ้น ผิวดีขึ้น ตาลจึงลองทานบ้าง(อยากสวยหน้าเด็กตามเพื่อน) ทานไปประมาณเดือนแรก
ผลลัพธ์ที่ได้ คืออาการภูมิแพ้ที่ตัวเองเป็นร่างกายดีขึ้นไม่ต้องจามทุกเช้าไม่คันตา ไม่ต้องนอนหายใจข้างเดียว เสมหะน้อยลงมาก หลับลึกสบายขึ้น ขับถ่ายง่ายขึ้น อาการปวดหลังดีขึ้น และ มีคนทักหน้าสดใส จนทำให้สามีเห็นว่าตาลดีขึ้น ทีนี้ทานกันทั้งครอบครัว เพราะลูกสาว2คน เป็นภูมิแพ้เหมือนกัน มีน้ำมูกทุกวัน ทานยาแก้แพ้ทุกวัน ตั้งแต่ลูกสาว 2 คน ทานได้ 1 เดือนแล้ว ผิวที่แพ้เป็นผื่นกลับเรียบเนียนขึ้น เห็นผลได้ชัดเจนว่า ไม่ต้องทานยาแก้แพ้ทุกวัน และลูกๆก็ไม่ต้องทนทรมานกับการล้างจมูกทุกวัน แถมยังประหยัดค่ายาแก้แพ้ค่าน้ำเกลือล้างจมูกไปได้เยอะเลยค่ะ"


ติดต่อ คุณตาล Line ID : Looktansecret IG : looktansecret Tel : 093-9965979


ผู้ขายที่อยู่ ภาคตะวันออก

ร้าน Aounoom Shop (คุณอ้วน) , อ.เมือง จ.ระยอง

"เมื่อปี 2558 อ้วนมีโอกาสได้รู้จักกับ Chlorella ของ Febico และเห็นว่า เป็นอาหารจากธรรมชาติ 100% ที่ได้รับ USDA และ Naturland จึงเลือกที่จะทานเองและให้แม่ได้ทานด้วยกัน ตอนนั้นหวังแค่เพียงในเรื่องของการขับล้างสารพิษ ขับโลหะหนักออกจากร่างกาย แต่ทานไปทานมากลับมีผลพลอยได้ในเรื่องของความงาม จนใครๆก็ทักว่าสวยขึ้น ดูเด็กลง ทั้งแม่ทั้งลูก อันนี้ละที่ปลื้มที่สุด ปัจจุบันอ้วนก็ยังอ่านและติดตาม อัพเดทงานวิจัยของคลอเรลล่าอยู่ตลอด แวะมาพูดคุยหรือแชร์ประสบการณ์กับอ้วนได้นะคะ"


ติดต่อ คุณอ้วน Inbox : https://m.me/AounoomShop Line ID : aounoom Tel : 086-9060470

ร้าน yingAsecret's shop (คุณหญิง) , อ.บ้านฉาง จ.ระยอง

"หญิงทานเองแล้วรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น โดยปกติหญิงเป็นคุณแม่ลูกอ่อนที่ไปทำงานประจำในช่วงกลางวัน แล้วตอนกลางคืนก็ยังต้องให้นมลูกด้วยดังนั้น ไม่มีคืนไหนที่จะได้หลับสนิทเลยค่ะ ร่างกายก็จะทรุดโทรมอ่อนเพลีย แต่พอทานเองได้ 1 เดือนก็รู้สึกได้ว่า ร่างกายไม่อ่อนเพลียเหมือนเมื่อก่อน การขับถ่ายเป็นเวลามากขึ้น เมื่อเริ่มเห็นผลลัพธ์กับตัวเองจึงได้ให้คุณแม่ อายุ 65 ปี สามีอายุ 36 ปี และลูกสาวอายุ 1.3 ขวบ ที่นอกจากนมแม่แล้วก็ให้ทานคลอเรลล่าเป็นประจำทุกวันโดยทาน 1 เม็ด เช้า 1 เม็ด เย็น เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและระบบย่อยอาหารที่ดีค่ะลูกชอบมากให้เขากัดเคี้ยวทานเองเหมือนขนมเลยค่ะ ลูกสาวแข็งแรงมากนะคะ ตั้งแต่ทานคลอเรลล่ามาไม่เคยป่วยที่จะต้องทานยาเลย เพราะถ้าเป็นหวัดก็หายได้เองค่ะ และระบบขับถ่ายของเขาดีมาก ไม่มีท้องผูก ที่หญิงมั่นใจและยอมรับในคลอเรลล่าและทานกันทั้งครอบครัวเพราะได้เห็นผลลัพธ์จากคนอื่นๆที่ได้ทานต่อเนื่องกันมา 2-3 ปี และหญิงได้ติดตามงามวิจัยมาตลอดและค่อนข้างมั่นใจกับ organic chlorella จาก FEBICO ว่าปลอดภัยจริง จึงตัดสินใจว่าจะทานคอลเรลล่ากันไปเรื่อยๆตลอดเลยค่ะ หากต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับคลอเรลล่าสามารถสอบถามได้นะคะหญิงยินดีแชร์ประสบการณ์ค่ะ"


ติดต่อ คุณหญิง Inbox : https://facebook.com/yingAsecret/ Line ID : yingrukrae Tel : 086-8595942 E-Mail : [email]ying_benja@hotmail.com[/email]


ผู้ขายที่อยู่ ภาคกลางและตะวันตก

ร้าน Nich-cha shop (คุณปุ๋ม) , อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์

"ตัวเองและครอบครัวเริ่มทานกันจริงจัง เดือนสิงหาคม 2560 ผลลัพธ์ที่ได้
- กับตัวเอง เรื่องระบบขับถ่ายดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนมาก
-กับสามี ไม่เพลียระหว่างวัน หลับลึก
-กับลูกสาว เรื่องภูมิแพ้ดีขึ้น แข็งแรงขึ้นและการเจริญเติบโต โตกว่าเพื่อนชัดเจน(สูงไวกว่า) ***เรื่องนี้ต้องขยายค่ะจะมาเล่าให้ฟังอิกทีค่ะ***
-กับพี่สาวน้องสาว รู้สึกผิวหน้าเนียนๆขึ้น ดีขึ้นหลังทาน
-กับคุณพ่อ ผลการตรวจเลือดความดันที่เคยสูง ลงมาปกติ และค่าอื่นๆดีขึ้นเช่นกัน"


ติดต่อ คุณปุ๋ม Line ID : lerdlawan IG : nichcha_shop Tel : 089-4519479


ผู้ขายที่อยู่ ภาคใต้

ร้าน Famalyshop (คุณฟ้า) , อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา

"ฟ้าเป็นคุณแม่ที่คลอดน้องก่อนกำหนด ลังเลอยู่นานที่จะทานคลอเรลล่า ศึกษาข้อมูลวิชาการทั้งไทยและตั้งประเทศร่วมปี จนในที่สุดเปิดใจทานและให้ลูกชายวัยขวบเศษทานด้วย ผลสำหรับฟ้าและสามีที่เห็นชัด คือ หน้าเด็กลงชัดมาก นอนหลับสนิทขึ้น ไม่เพลีย ส่วนน้องปริญญ์หนุ่มน้อยคลอเรลล่า ตื่นเช้ามาเรียกหาคลอเรลล่าก่อนอย่างอื่น #คลอเรลล่า ทำให้ลูกชายสุดที่รักของแม่ฟ้าชอบทานผัก เรียกหาผักผักทุกครั้งที่ทานข้าว แม่ชื่นใจที่สุด ปัจจุบันครอบครัวเรา 4 คน พ่อ แม่ ลูก (ในท้องอีก 1 ) ยังทานคลอเรลล่าเป็นประจำทุกวัน และเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกตั้งแต่ในครรภ์ ฟ้าจึงเลือกคลอเรลล่าเพื่อเค้า ฟ้ายินดีตอบทุกคำถามจากการศึกษาข้อมูลวิชาการและ ประสบการณ์จริงค่ะ"


ติดต่อ คุณฟ้า Inbox : https://m.me/Famalyshop หรือ https://web.facebook.com/Famalyshop/messages/ Line ID : fahsaitu Tel : 086-3832442
bit
#4
ข้อมูลเบื้องต้น สำหรับ ผู้เริ่ม ศึกษา คลอเรลล่า

คลอเรลล่าคืออะไร https://goo.gl/hF7U8b


ทำไม ต้องคลอเรลล่า ของเฟบิโก้ https://goo.gl/7WEaVq


การกิน คลอเรล่าของเฟบิโก้ ปลอดภัยกว่า การกินอาหารเสริม อาหารอื่นๆ อาหารทั่วๆไป ในชีวิตประจำวันได้ อย่างไร https://goo.gl/6djz4u


บทความนี้เหมาะสำหรับคุณผู้หญิง คุณแม่หลังคลอด "2 สาเหตุหลัก ที่ทำให้คุณ แก่เกินวัย ที่แท้จริง อย่างรวดเร็ว โดยที่คุณยังไม่ทันรู้ตัว" และ คลอเรลล่า ข่วยป้องกัน ปัญหานี้ได้อย่างไร https://goo.gl/xmBqPJ


คลอเรลล่า เคล็ดลับ ความลับ ความงาม ในมุมมองของ "Rosie Huntington-Whiteley" นักแสดง #Hollywood และเป็น #นางแบบวิคตอเรีย คลอเรลล่า celebritysecret ตัวจริง https://goo.gl/bWCzX9


คอลลาเจนถึงแน่นขึ้น หลังจากทานคลอเรลล่า อย่างต่อเนื่อง ?? -- ตรรกะ ข้อเท็จจริง ทางวิทยาศาสตร์ https://goo.gl/EJG6rZ


อายุ 30 ขึ้นแล้ว คลอเรลล่า ทำให้ คอลลาเจน แน่นขึ้นได้อย่างไร https://goo.gl/mzL7vm


เมื่อลูกไม่กินผัก ! ทำอย่างไร ให้ลูก "ชอบกินผัก" ? -- สามารถฝึกให้ลูกทานผักได้ ง่ายขึ้น ด้วยการให้ลูกทาน คลอเรลล่า https://goo.gl/XE68gH


มีการวิจัยพบว่า เด็กที่ทานคลอเรลล่าอย่างต่อเนื่อง จะเป็นเด็ก "ชอบกินผัก" -- ข้อเท็จจริง ที่อาจเป็นคำตอบสุดท้าย ของคุณ https://goo.gl/3sttQ7


สุดท้าย บทความที่อยากให้ได้อ่านมากๆ สำหรับ คนที่กำลังตัดสินใจเลือกว่า จะกินคลอเรลล่า

"สำหรับ ดารา นางแบบ ระดับโลก คลอเรลล่าคือตัวช่วยที่ทำให้ เธอหุ่นดี ผิวสวย หน้าเด็ก แต่สำหรับฉัน..คลอเรลล่าเป็นมากกว่านั้น...!!?" https://goo.gl/tzVLu6



ข้อมูลอื่นๆ เพิมเติมเกี่ยวกับ คลอเรลล่า คลิ๊กภาพต่างๆ ในอัลบั้มภาพนี้
https://goo.gl/93EqWC

หรือ ค้นในลิงค์ค้นหานี้ของกูเกิ้ล
https://goo.gl/NEgHM1
ดูกระทู้ทั้งหมดในชุมชน จาก  Downtown ดูกระทู้ในหมวด ดูกระทู้ในหมวดย่อย
กระทู้แนะนำจากการคัดเลือกอัตโนมัติ
1
2
3