สำหรับ ดารา นางแบบ ระดับโลก คลอเรลล่าคือตัวช่วยที่ทำให้ เธอหุ่นดี ผิวสวย หน้าเด็ก แต่สำหรับฉัน..คลอเรลล่าเป็นมากกว่านั้น...!!?
โดย s
s
#1
วันนี้ครบ หนึ่งปีเต็ม ที่แม่ฉัน ไม่มีอาการอัลไซเมอร์อีกเลย โดยที่ไม่ได้ทานยาใดๆ นอกจากอาหารธรรมดาอย่าง "คลอเรลล่า"

ขอบคุณคลอเรลล่า ของขวัญ ที่มีค่ายิ่ง สำหรับครอบครัวของเรา


วันนี้ได้ดูโฆษณา เกี่ยวกับลูกที่มีแม่เป็นอัลไซเมอร์ มันทำให้ฉัน..คิดถึงแม่ และ คิดถึงความรู้สึกวันนั้น ที่กลัวว่าวันนึง แม่จะจำฉันไม่ได้

ย้อนกลับไปเมื่อ 4-5 ปี ก่อน
แม่ขับรถกลับบ้านในทางที่ขับกลับทุกวัน แต่อยู่ดีๆวันนึงแม่ก็จำทางไม่ได้ ... แม่จำไม่ได้ว่าแป้งตลับประจำที่อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง ใช้ยังไง ตอนที่เกิดอาการขึ้นนั้น แม่เล่าให้ฟังว่า ใจเต้นรัว กลัวจนมือเย็นไปหมด แต่โชคดีอาการเหล่านี้ เกิดขึ้น แค่ช่วงสั้นๆ แล้วหายไปในไม่กี่นาที

แม่เก็บงำไว้ ไม่ยอมบอก ว่าแม่เริ่มมีอาการป่วย จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีก่อน ที่ฉันรู้ว่าแม่เริ่มมีอาการของ "โรคอัลไซเมอร์" ฉันกลัวและเสียใจจนไม่มีแรงจะยืน กลัวไปหมดทุกอย่าง ว่า แม่จะจำฉันไม่ได้ จำตัวเองไม่ได้ จำครอบครัวของเรา ความรักของพวกเราไม่ได้...

ธันวาคม ปี 2558 ฉันแนะนำให้แม่ทานคลอเรลล่า ด้วยเหตุผลว่า สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์อาศัยอยู่ตอนนี้ เราต้องรับโลหะหนักเข้าร่างกายทุกวัน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการทานอาหารธรรมดาสักตัว ที่ช่วยให้ร่างกาย ขับสิ่งพิษโลหะหนักออกได้ ก็คงจะดีไม่น้อย
แม่โทรมาบ่นทุก 2, 3 วัน ว่าติดฟันจัง ไม่ค่อยอยากทาน ไม่อร่อย รสชาติไม่ถูกใจ ฉันก็คะยั้นคะยอให้แม่ทาน เนื่องจากฉันเองทานตอนตั้งท้อง เพราะมันช่วยให้อาการแพ้ท้องลดลง ไม่อ่อนเพลีย ไม่ท้องผูก และไม่เป็นตะคริว เหมือนที่คนท้องหลายๆคนเป็นกัน
แต่ที่สำคัญกว่า คือคนท้องที่รับโลหะหนัก ระหว่างตั้งครรภ์ นั้นจะส่งผลให้ตัวอ่อนในครรภ์มีพัฒนาการผิดปกติ หรือ พิการได้ ฉันจึงทานเรื่อยมาเพราะโลหะหนักมันมีอยู่ในทุกอย่างที่เราใช้ ที่เราทานทุกวัน และด้วยความเห็นในผลลัพธ์ที่ตนประสบเอง ฉันจึงคาดคั้นให้แม่ทานตามมาเรื่อยๆ จนแม่เริ่มคุ้นกับการทานคลอเรลล่าติดฟันในทุกเช้า

ธันวาคม 2559 แม่ทานตามคำแนะนำมาตลอด ... ซึ่งตอนนี้ สิ่งที่ฉันดีใจที่สุด คือ เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้วที่แม่ ยังไม่เคยมีอาการอัลไซเมอร์ ขึ้นมาอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม่ไม่ต้องใช้ยานอนหลับแซแนกซ์ที่แม่เคยทานอยู่ประจำ แม่ได้หลับสนิท ยาวๆ ตื่นมาสดชื่นทุกวัน
ผิวพรรณ และ รูปร่าง อ่อนเยาว์ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ จนไปไหนๆ ก็มีแต่คนถามว่าทำยังไง ถึงได้ดูเหมือนสาวอายุ 40 กว่าๆ ทั้งหน้าตา ผิวพรรณ และ รูปร่าง

แต่นั้นมันแค่ของแถม เพราะสิ่งที่ฉันดีใจมากๆ และ มีความสุขที่สุด คือ รู้ว่า วันพรุ่งนี้ แม่จะยังจำฉันได้ เราจะยังได้อยู่ด้วยกัน และ ได้อยู่กันไปอีกยาวนาน นานที่สุด ที่เป็นไปได้ ตลอดไป...

ขอบคุณ "คลอเรลล่า"

ปล. ฉันนั่งอ่านประวัติศาสตร์คลอเรลล่า แล้ว แอบเห็นตามคำโฆษณาเลยว่า หรือ นี่คือของขวัญ ที่พระเจ้าทิ้งไว้ เพื่อช่วยพวกเรา ในวันที่โลกเต็มไปด้วยสารพิษทุกหย่อมหญ้า ไม่ว่าจะหลีกเลี่ยงยังไง คุณก็ต้องรับมันเข้าไป จนป่วยเป็นโรคต่างๆ นับไม่ถ้วน แล้วก็พากันไปกินยา รักษาโรค รักษาที่ปลายเหตุ
แต่ยาดีแค่ไหนก็คงช่วยไม่ได้ ถ้าพิษมันยังสะสมอยู่ในตัวเรา หรือ แม้แต่โรคอัลไซเมอร์ ที่แม่ฉันเป็น คนทั่วไปใครจะรู้เล่า ว่า สาเหตุต้นๆ มันก็มาจากการที่ร่างกายสะสมโลหะหนักที่เป็นพิษไว้มาก แล้วมีอีกกี่โรค ที่เรายังไม่รู้ ดังนั้น การที่พืชธรรมดาสักตัว จะสามารถนำพาพิษโลหะหนักออกได้ตามธรรมชาติ มันจึงเป็นเหมือนเรื่องวิเศษ เหมือนของขวัญที่มีค่ายิ่ง สำหรับการมีชีวิตอยู่ในโลกทุกวันนี้
ถ้าฉันขอบคุณผู้ที่ทิ้งคลอเรลล่าไว้ให้แก่โลกได้ ฉันอยากขอบคุณ จากหัวใจ ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ‍♀️‍♀️

** รีวิวจากลูกค้าที่สนิท ขออนุญาตเจ้าของเรื่อง นำมาเป็น โฆษณา เพื่อให้คนอื่นๆ ได้มีสุขภาพที่ดี และ หายป่วยด้วยค่ะ ซึ้งมากมาย ดีใจที่มีคนทานแล้วได้ผลดีอลังการมากๆ

ของขวัญ ที่ทรงคุณค่าที่สุด "แก่ทุกชีวิต"
เพราะรัก จึงมอบให้


▲▼▲▼▲▼▲▼▲▼▲▼


หากโลกต้องทิ้งของขวัญ ไว้เพื่อช่วยมวลมนุษยชาติในทุกวันนี้

สิ่งนั้นคือ คลอเรลล่า


ของขวัญจากโลกที่มีอายุมายาวนาน "กว่า 540 ล้านปี" ช่วยชีวิตคนมานับล้าน !!! เพราะคลอเรลล่าคือพืชตัวเดียว ที่มีชีวิตรอด..มาจากยุคดึกดำบรรพ์ ที่สามารถดูดซับพิษ โลหะหนักออกจากร่างกาย ได้ตามกลไกธรรมชาติ
หลายครั้งในประวัติศาสตร์โลก ที่คลอเรลล่าถูกบันทึกไว้ว่า "เป็นพืชที่ช่วยชีวิตมวลมนุษยชาติ" ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตโรค อิไต อิไต ในยุคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ที่ยาวนานถึง 70 ปี หรือ วิกฤต กัมมันตภาพรังสีเชอร์โนบิล ที่คร่าชีวิตคนไปมากมาย หรือในอีกหลายพื้นที่ในโลก ที่ต้องประสบปัญหาการเติบโตของยุคอุตสาหกรรม และ การปนเปื้อนรั่วไหล ของสารพิษโลหะหนัก
จนในทุกวันนี้สารพิษจากโลหะหนักคือสิ่งที่เราต้อง เผชิญ และ รับเข้าไปในร่างกาย ในชีวิตประจำวันทุกวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้นมากมายกว่าในยุคอดีต
คลอเรลล่า จึงกลายเป็นคำตอบของผู้ที่ต้องการอาหารจากธรรมชาติ เพื่อช่วยดูแลรักษาร่างกาย ให้ห่างไกลจากสารพิษโลหะหนัก ที่ร่างกายไม่สามารถขับออกเองได้
‍และในมิติของความเป็นสุดยอดสารอาหาร คลอเรลล่า คือ โปรตีนเซลล์เดียว ที่จัดเก็บโปรตีน และสารอาหารที่ครบที่สุดสำหรับมนุษย์ เมื่อรับประทานเป็นประจำ จึงทำให้ร่างกาย ได้รับการเติมโปรตีนระดับเซลล์ และช่วยฟื้นฟูความเสื่อมต่างๆ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น The Fountain of Youth (น้ำพุแห่งความเยาว์วัย)
และด้วยเหตุนี้ เหล่าดารานางแบบที่มีชื่อเสียงของโลก จึงเลือกรับประทาน เป็นอาหารคู่ชีพ เพื่อดูแลรูปร่าง และ คงความอ่อนเยาว์

"คลอเรลล่า จึงเป็นของขวัญล้ำค่า" จากโลก ที่ถูกเก็บมาหลายร้อยล้านปี มาจนถึงปัจจุบัน
อาหารธรรมดา..ที่รับประทานได้ทุกวัน แต่ทรงคุณค่า แก่ชีวิต "ทุกชีวิต" จริงๆ


ดังนั้น หากคุณต้องการที่จะ "เริ่ม" ให้อาหารระดับเซลล์แก่ร่างกายคุณ และ นำสารพิษโลหะหนักที่ตกค้างอันเป็นสาเหตุของ ความแก่ชราและโรคภัย ออกจากร่างกาย

"Chlorella ที่ปลอดภัย" จึงเป็นตัวเลือกแรก..ที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ เพราะ คลอเรลล่านั้นเป็นพืชที่สามารถดูดซับโลหะหนัก อันเป็นพิษจากสิ่งแวดล้อมที่คลอเรลล่าอาศัยอยู่ ดังนั้น หากสถานที่ผลิต อาหารที่ใช้ สิ่งแวดล้อมที่เติบโต ปนเปื้อนแม้เพียงนิดเดียว คลอเรลล่านั้นจะนำพิษมาเก็บไว้ในเซลล์แทน

ด้วยเหตุนี้ จึงควรเลือกทาน คลอเรลล่า ที่ผ่านการรับรองออร์แกนิกส์ ที่ปราศจากสารปนเปื้อนใดๆ ในทุกขั้นตอนการผลิต ทั้งสถานที่ตั้ง สภาพแวดล้อม และทุกองค์ประกอบทั้งหมดที่ใช้ เพื่อความปลอดภัย ของตัวเราเอง

▲▼▲▼▲▼▲▼▲▼▲▼


สำหรับ ดารา นางแบบ ระดับโลก เธออาจใช้คลอเรลล่า เพื่อทำให้เธอหุ่นดี ผิวสวย หน้าเด็ก
แต่สำหรับฉัน คลอเรลล่า เป็นมากกว่านั้น เพราะมันคือ "ของขวัญที่ล้ำค่า" ช่วยให้แม่ฉันหายจากโรคร้าย ที่จะพรากความทรงจำในชีวิตทั้งหมดไป
ขอบคุณคลอเรลล่า ของขวัญ ที่มีค่ายิ่ง สำหรับครอบครัวของเรา
ดูกระทู้ทั้งหมดในชุมชน จาก  Downtown ดูกระทู้ในหมวด ดูกระทู้ในหมวดย่อย
กระทู้แนะนำจากการคัดเลือกอัตโนมัติ
1
2
3