ปัญญาจากหมาขี้เรื้อน
โดย hut2211
hut2211
#1
ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่ง
เพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก
ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน
เพื่อเห็นแก่แม่..
บัณฑิตใหม่หมาดจากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ได้
เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งเสร็จแล้ว
ผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับ
พระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่าแถวภาคอีสาน
พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดี
มีแต่ความสุขสบายเมื่อมาอยู่วัดป่า
กว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน
แต่ก็นั่นแหละกว่าจะ'นิ่ง'
ก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆกัน
ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอาก็เพราะ
พระใหม่มีนิสัยชอบจับผิดและชอบอวดรู้
ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ
วันแรกที่มาอยู่วัดป่าก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่า
ไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน
ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง
เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้า
ก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่า
ล้าสมัยไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี
ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่า
ท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกิน
กว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา
ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้าง
ก็ทำท่าจะล้างอย่างขอไปที
ล้างไปบ่นไปประเภทตูจบปริญญาโทมาจากเมือง
นอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้
โอ้ชีวิต!ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้
ถือดีว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง
มีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น
ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด
มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้วช่างรู้สึกว่า
ตัวเองเหนือกว่าทุกประตู
นึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจกลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่
ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทินนับถอยหลัง
รอวันสึกด้วยใจจดจ่อ
อยู่มาได้พักใหญ่พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่า
ท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา
ซ้ำนานๆครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง
วันๆไม่เห็นท่านทำอะไรเอาแต่กวาดใบไม้ เก็บขยะ ซักผ้าเอง
(เณรน้อยก็มีไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน
การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคนจัดการไปเสียทุกอย่าง
เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชาเสนอให้ปรับ
โน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัย
รวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วย
อีกข้อหนึ่งเพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้ว
ไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูก
อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้น
พระใหม่เสนอให้หลวงพ่อเจ้าอาวาส
มีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้
สอนให้มากขึ้นเทศน์ให้มากขึ้น
และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงาน
อย่างการซักจีวรเองเป็นต้นด้วยตนเอง
ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า
เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำ
หลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติกลางลานทรายด้วย
ท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่าน
ให้พระหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายฟัง
แต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน
อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา
แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลาย ดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง
ที่นอนอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตัวหนึ่งใต้ต้นอโศกที่อยู่ใกล้ๆ
"เธอทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่
เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อนคันไปทั้งตัว
ฉันเห็นมันวิ่งวุ่นไปมาทั้งวัน เดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้น
เดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นานเพราะมันคัน
แต่พวกเธอรู้ไหม
เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหน
มันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจหาว่า
แต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง
นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี
คิดอย่างนี้แล้วมันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน
หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที
เลยต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน
เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า
เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้น หาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่
แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก"
พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลงเป็นสัญญาณให้รู้ว่า
ได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตรสวดมนต์เย็นแล้ว
ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น
ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกตินอกสงบแต่ในวุ่นวาย
นึกอย่างไรก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนที่หลวงพ่อชี้ให้ดู
ยิ่งนั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาพระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย
จากคนที่หยิ่งยโสกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน
จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง
แม้เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขา
เพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจจากครอบครัว ท่านก็ยังไม่ยอมสึก
" อาตมาเป็นหมาขี้เรื้อนขออยู่รักษาโรค
จนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่งพรรษา "
โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุการกราบลาพระลูกชาย
แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถพลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่าคำว่า
"หมาขี้เรื้อน" ของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่
hut2211
#2

คุณติดคุกอยู่รึเปล่า




ทหารผ่านศึกวัยชรา ที่รอดตายจาก โดนจับไปเป็นเชลยและถูกเกณฑ์
มาสร้างทางรถไฟสายมรณะข้ามแม่น้ำแคว กาญจนบุรี
ได้มาเจอกันในงานวันรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงครามโลก
ชายคนที่หนึ่ง ถาม ชาย อีกคนว่า

“ คุณยกโทษให้กับพวกญี่ปุ่นที่ทรมานพวกเราไปหรือยัง “

“ผมไม่มีวันจะลืมเรืองที่เลวร้ายแบบนั้นได้หรอก
และผมก็ให้อภัยกับพวกที่ทรมานพวกเรา และฆ่าเพือนของผมไม่ได้หรอก!!” ชายคนที่2 ตอบ

“สำหรับผม.. ผมให้อภัยและลืมเรื่องร้ายๆ เหล่านั้นไปแล้ว ผมออกจากคุกแห่งนั้นแล้ว
แต่คุณยังติดอยู่ในคุกอยู่เลย!!!” ชายคนที่ 1 พูด


**********************


คุกในทางโลกเราจะออกมาได้ ต่อเมื่อ ผู้คุมเปิดประตูให้เราออกมา..
แต่คุกในใจมันไม่มีประตู เราจะเดินออกมาตอนไหนก็ได้!!
แต่ ทำไม?? เราถึงไม่ยอมออกจากคุกที่เราทำขึ้นขังใจของเราให้เป็นทุกข์!!
โดยการไม่ยอมลืมเรื่องร้ายในอดีต ไม่ยอมให้อภัยคนที่เคยทำร้ายเรา
แล้วก็คอยคิดถึงมันอยู่เรื่อยๆ และเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึงมัน!!!

หรือแม้แต่ไม่ยอมให้อภัยตัวเอง... เมื่อเราทำผิดพลาด...

จะต้องใช้เวลาอีกนานไม๊? ที่เราจะเข้าใจว่า เราเป็นมนุษย์นะ!!!
การทำผิดพลาดเป็นของคู่กับการเกิดเป็นคน!!
เราทำ"ผิด"ก็เพื่อจะได้เรียนรู้ที่จะทำให้"ถูกต้อง"ในครั้งหน้า!!!!


ถ้าเราคิดได้ว่า แค่เราก้าวออกจากคุกที่เราทำขึ้น
เราจะพบกับ "อิสรภาพ และความสุข"
ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะจมอยู่กับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว
เราจะให้อภัยทุกๆคนรวมทั้งตัวเอง และก้าวต่อไปอย่างเป็นสุข..
เพราะชีวิตนี้สั้นนัก....

ทบทวนตนเองซิ.. คุณติดคุกอยู่รึเปล่า




ขอบคุณบทความจากทำดีดอทเน็ต(จั่นเจา)


http://www.dseason.com/coolsong/cool...lay.php?id=995
เพลง อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ลีฟ&เลนด์(Live & Learn)
(กมลา สุโกศล)

wawe
#3
ขอบคุณนะคะ สำหรับบทความดี ๆ แบบนี้ สาธุ สาธุ สาธุ
Ohh
#4
ขออนุโมธนา...... สาธุ :D
ratkatu
#5
[SIZE="4"]พ่อพระมาโปรดค่ะ
noo_pizza
#6
สาธุด้วยคน...

ชอบเรื่องแรกมาก ...เคยฟังนานแล้ว จนลืมไปแล้ว
ขอบคุณที่เอามาฝากกันอีกจ้า
nita
#7
ขอบคุณมากเลยค่ะ
ได้ข้อคิดดีๆ...ดีจัง
due
#8
[SIZE="4"]สัจจธรรมจริงๆค่ะ คนเรามักจะมองว่าคนอื่นไม่ดี
แต่ไม่ค่อยมองตัวเองเล้ย! สังคมถึงได้วุ่นวายทุกวันนี้
ขอบคุณน้องhutมากๆจ้า สาธุ ค่ะ
newsguy
#9
อืม....
ต้องมองตัวเองก่อน จำไว้ๆ
แต่ก็ทำยากนะนี่
ขอบคุรนะคะ ทู้คุณฮัทนี่เตือนสติได้ดีจริงๆค่ะ
cartoon
#10
[SIZE="2"]ชอบเรื่องหมาขี้เรือนที่สุดเลยค่ะ

น่ารักดี โชคดีนะคะที่พระใหม่เค้าเข้าใจ ไม่ดื้อเเพ่งแล้วย้อนมองตัวเอง

ไม่งั้นไม่จบแน่ๆ
:)
Suzii
#11
ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ ^^

ชอบจังเลยยค่ะ :) เรื่องหมาขี้เรื้อน อ่านแล้วรู้สึกจิตใจดีขึ้นมายังไงไม่รู้

...ตอนแรกเห็นชื่อกระทู้ นึกว่าจะให้ช่วยหาทางรักษาหมาขี้เรื้อนค่ะ
กะจะเข้ามาช่วยแนะนำวิธีรักษาหมาขี้เรื้อนซะหน่อย

ปรากฏว่าเป็นหมาขี้เรื้อนแบบทางธรรม ^___^

ขอนอกเรื่องสำหรับหมาขี้เรื้อนแบบจริงๆหน่อยนะคะ::
ให้เอา ไพร ผสม ขมิ้น และน้ำมันมะกอก ทาที่ตัวสุนัขค่ะ แล้วทิ้งไว้เรื่อยๆไม่ต้องอาบน้ำ
ผิวหนังของสุนัขจะดีขึ้นมากมายค่ะ (ลองมาแล้วบอกต่อค่ะ อิอิ)


PS. นอกเรื่องไปนิด ไม่ว่ากันน้า ;)
Sweet_Jasmine
#12
[SIZE="3"]เรื่องหมาขี้เรือน อ่านแล้วโดนใจมากค่ะ

ไม่รู้ว่า เราก็อาจจะเป็นหมาขี้เรื้อนอีกตัวรึป่าว:rolleyes:

ขอบคุณจขกท.สำหรับบทความดีๆค่ะ
sarachada
#13
เรื่องหมาขี้เรื้อนเป็นตัวอย่างที่ดีมากๆสำหรับคนที่ชอบโทษคนอื่นค่ะ
ดูกระทู้ทั้งหมดในชุมชน จาก  Downtown ดูกระทู้ในหมวด ดูกระทู้ในหมวดย่อย
กระทู้แนะนำจากการคัดเลือกอัตโนมัติ
1
2
3