คำเตือน....บล็อกนี้เป็นการเล่าเรื่องจากประสบการณ์และอาจจะมีภาพประกอบ
ที่น่าหวาดเสียว หากกลัวกรุณาปิดไปเลยค่ะ ถ้าไม่กลัวกรุณาอ่านให้ครบทุกบรรทัดนะคะ
ได้รับเชิญจาก The Klinique ให้ได้ทดลองกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยเทคโนโลยี
Vaser Plasma HD ด้วยตนเองค่ะ ต้องบอกว่าตัดสินใจอยู่นานว่าจะทำดีหรือไม่
และก็ต้องศึกษาวิธีการ ผลที่ได้รับ และผลข้างเคียงอย่างละเอียด
รวมถึงการหาที่ปรึกษาขอ second opinion และกำลังใจจากคนในครอบครัวด้วย
แล้วก็ตัดสินใจ "เอาวะ ลองดู อย่างน้อยครั้งนึงในชีวิตที่ชั้นจะหน้าท้องแบนราบ"
ก่อนจะทำ 1 สัปดาห์ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมค่ะ งดยา งดวิตามิน (ซึ่งก็ไม่ได้กินอยู่แล้ว)
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และ ทำใจ
ตื่นเช้ามาก็เตรียมตัวให้พร้อม งดน้ำงดอาหาร 6 ชั่วโมงก่อนทำค่ะ
ตอนไปแนะนำว่าให้พาเพื่อนไปด้วยนะคะ เพราะหลังจากทำแล้วควรมีคนพา
กลับบ้านค่ะ ไม่ควรขับรถเองโดยเด็ดขาด เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่า "ทำไม"
เมื่อเข้าไปถึงที่ The Klinique ก็นั่งรอสักพักค่ะ แล้วเค้าก็เรียกเข้าไปอ่านเอกสาร
พร้อมเซ็นต์รับทราบข้อมูลการทำ รวมทั้งข้อตกลงเรื่องการผ่าตัดและความผิดพลาด
ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้เราสามารถถามได้ทุกสิ่งที่อยากรู้ และถามเรื่อง
เกี่ยวกับการดูแลหลังการทำ Vaser ว่าต้องทำอะไรบ้าง ดูแลอย่างไร
ตอนนี้ควรถามให้ละเอียดเลยนะคะ
สิ่งที่ควรถาม
ถามว่าขั้นตอนการทำเป็นอย่างไรแบบละเอียด
ถามถึงการดูแลแผล และการพักฟื้นว่าต้องทำอย่างไร
ถามถึงข้อห้ามระหว่างการพักฟื้น
ถามเรื่องระยะเวลาในการพักฟื้น
และควรแจ้งเรื่องการแพ้ยาด้วยค่ะ
เมื่อซักจนขาวแล้ว......ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ
เหลือแค่เสื้อชั้นใน + กางเกงในกระดาษเท่านั้น
จากนั้นคุณหมอก็จัดการขยำขยี้พุงเราเพื่อเช็คว่ามีไขมันส่วนเกินตรงไหนบ้าง
แล้วก็เอาเมจิกมาวาด Contour บนพุงเราเป็นลวดลายสวยงาม.....5555++
ช่วงที่คุณหมอขยำพุงเราตรงนั้นตรงนี้....แอบมีหัวเราะก๊ากออกมา
ก็มันจั๊กกะจี้อ่ะ 5555+++
จากนั้นพยาบาลก็เอายาคลายกังวลและยานอนหลับมาให้ทานค่ะ
ทานเสร็จก็ขึ้นเตียงผ่าตัดนอนห่มผ้าค่ะ พยายามจะหลับ......แต่....ไม่หลับค่ะ
ก็นอนหลับตาไปเรื่อยๆ แต่ก็ได้ยิน ได้กลิ่นพ่นยาฆ่าเชื้อ จนหมอเข้ามาจัดอุปกรณ์
เปิดผ้าห่ม คลุมผ้าเขียวเปิดช่องตรงท้อง แล้วทำการฆ่าเชื้อที่พุงทั้งหมดเลยค่ะ
คุณหมอก็บอกว่า ฉีดยาชา เจ็บหน่อยน๊าาาา.....ฉึกๆ 2 เข็ม ตรงท้องน้อย
เอาล่ะ.....เดี๋ยวชั้นคงหลับ นับแกะก็ได้วะ....ตัวที่ 1 ตัวที่ 2.......
แล้วหมอก็ลงมีดเจาะหน้าท้อง 2 รูเบาๆ.....กรี๊ดดดด....อิช้านนนยังไม่หลับ
แต่ไม่เจ็บ...ก็ไม่เป็นไร นอนหลับตาไปเดี๋ยวก็หลับ นับแกะต่อดีกว่า...
กำลังจะเคลิ้ม หมอก็สอดท่อใส่น้ำเกลือค่ะ เพื่อแยกชั้นไขมันก่อนเป็นน้ำเกลือผสมยาชา
คราวนี้ล่ะค่ะ ตาสว่างเลย.....สอดไปถึงไหน เจ็บไปถึงนั่น รู้สึกได้ถึงน้ำเกลือ
ที่ปล่อยพรืดๆๆๆๆ....ร้องโอยๆๆ น้องพยาบาลใจดีช่วยจับมือไว้
หมออัดน้ำเกลือไปประมาณ 1600 cc. ค่ะ......พุงเป่งเลย 5555+++
รอ 8 นาที......เริ่มชาแล้วค่ะ ชีวิตเริ่มสบาย.....นึกว่าจะหลับได้
หมอถามว่าไม่หลับเหรอ....ความจำดีไหม งั้นจำให้หมอนะว่า 850
เดี๋ยวเสร็จแล้วหมอจะถามอีกที
แม่มเอ๊ยยยยย ไม่หลับค่ะ.....เอาวะ ไม่หลับก็ไม่หลับแล้ว ชวนหมอคุยเลยแล้วกัน 55555+++
แล้วคุณหมอก็เริ่มสอดเครื่องมือไฟเบอร์ลำแสงพลาสมาขนาด 400 ไมครอน
มีเสียงจี๊ดๆ...วิ้งๆ....เข้าไปจี้ตามจุดต่างๆให้ทั่วท้องทั้งส่วนบนส่วนล่าง
เพื่อให้ไขมันแตกตัวออกมาค่ะ ขั้นตอนนี้ไม่เจ็บค่ะ ชาไปหมดแล้ว....555++
แต่ขอบๆที่ยาชาไปไม่ถึงก็มีเจ็บจิ๊ดๆนะคะ.....แค่พอครางโอยเบาๆ
พอจี้ด้วย Laser สลายไขมันและจี้เซลล์ไขมันให้ตายลง จนไม่สามารถกักเก็บไขมันได้อีกต่อไปเสร็จ
ก็ได้เวลาดูดค่ะ.....คุณหมอก็จัดการเอาท่อขนาดเท่าหลอดกาแฟนี่แหละค่ะ
เสียบเข้ามาดูดไขมันออกไป ซึ่งตอนนี้คุณหมอต้องขยำพุงเราขึ้นมาเพื่อให้
ท่อดูดดูดไขมันออกมา ตอนนี้ไม่เจ็บค่ะ....รู้สึกสบายดีไม่เจ็บเลย
ตอนนี้เริ่มเพ้อเพราะเมายานอนหลับแล้วค่ะ....นอนมองไขมันตัวเองไหลลง
กระบอกด้านข้างแล้วคิดอะไรก็ไม่รู้เลยพูดออกมาว่า...."ไขมันแบบนี้นี่เอง
ที่พวกนาซีเอาไปทำสบู่".......5555+++
พอดูดใกล้จะหมดแล้ว ตอนนี้เริ่มเจ็บแล้วค่ะ ดูดตรงไหนเจ็บตรงนั้นเลยค่ะ
แล้วความเจ็บก็เสร็จสิ้นด้วยความรวดเร็ว
สิ่งที่ออกมาอยู่ในกระบอกทั้งหมด 1400 cc. ค่ะ
เป็นไขมันล้วนๆ 850 cc. และมีน้ำเกลือและเลือดนิดหน่อยอีก 550 cc. ค่ะ
โอ้วววว.....พุงกะทิของช้านนนนนนนนนน
ดูดเสร็จแล้ว....พุงเหี่ยวเลย มีรอยช้ำแดงนิดหน่อยเพราะคุณหมอขยำซะ
ตอนดูดไขมันออกค่ะ....มีรูเจาะ 2 รูค่ะอยู่ใต้บิกินี่ไลน์นิดนึงค่ะ
จริงๆ....คุณหมอให้เลือกวิธีการปิดแผล มี 2 วิธีค่ะ
วิธีที่ 1 คือเปิดรูไว้ ให้ของเหลวไหลออกมา ก็จะบวมน้อยหน่อย แต่ต้องดูเแลแผลดีๆ ต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลบ่อยๆ
วิธีที่ 2 คือเย็บปิด ให้ของเหลวที่เกิดขึ้นร่างกาย Absorb เอง ก็จะบวมมากหน่อย หายช้านิดนึงแต่ดูแลแผลง่าย
น้ำตาลเลือกแบบที่ 2 ค่ะ.....เพราะคงต้องล้างแผลเอง แบบที่ 2 คงจะดูแลง่ายกว่า
คุณหมอก็เลยเย็บให้ค่ะ รูละ 2 เข็ม....แต่เย็บแบบหลวมๆหน่อย เผื่อให้ของเหลว
อย่างน้ำเกลือและเลือดที่คั่งอยู่ไหลออกมาได้บ้างค่ะ
เสร็จแล้วก็ต้องใส่สเตย์ค่ะ รัดไว้ 24 ชม. เป็นเวลา 4 สัปดาห์ค่ะ o_O"
ที่ต้องรัดไว้ขนาดนั้นเป็นเพราะ ผิวหนังและผนังกล้ามเนื้อด้านในมันเคยมีชั้นไขมัน
ประสานกันไว้อยู่ค่ะ แต่ตอนนี้ชั้นไขมันหายไปแล้ว เลยต้องรัดมันไว้เพื่อให้
ผิวหนังทั้ง 2 ชั้นติดกันค่ะ ไม่เช่นนั้นแล้วมันจะมีน้ำไปแทนที่ เกิดเป็นถุงน้ำ
อาจจะทำให้พุงยิ่งป่องไปกว่าเดิม เดือดร้อนต้องมานั่งเจาะกันอีกภายหลัง
เรื่องตลกมันเริ่มจากตรงนี้ค่ะ
คือตอนทำเจือกไม่หลับ ทำเสร็จเจือกเมายาค่ะ เดินเซเลย..คล้ายคนเมาเหล้า
เหมือนจะมีสติค่ะ พูดจารู้เรื่อง เดินไปฉี่ ยื่นนามบัตรให้หมอพร้อมเขียนอีเมล์
ลิ้งค์บล้อก และ เฟซบุ๊คให้ด้วย......แต่เขียนผิดถูกยังไงไม่รู้นะ 555++
มานั่งฟังหมออธิบายเรื่องการทานยาอีกครั้งนึง ซึ่งจำได้แต่ยาแก้อักเสบ
ต้องทานให้หมดนะ พร้อมให้ยามาถุงเบ้อเริ่ม ดังนั้นคนที่ฟังและจำการกินยา
ทุกอย่างคือคนที่ไปด้วยค่ะ ในที่นี้คือคุณแฟน ที่จะเป็นคนพากลับบ้าน
และจัดยาให้
ออกจาก The Klinique ได้ก็ว่าะเดินไปขึ้น Taxi กลับบ้านเลยค่ะ แต่ไม่มีคันไหนไปเอกมัยเลย
คุณแฟนเห็นเราเดินได้ลั้นลาก็เลยถามว่า กลับ BTS ไหวไหม???
อิชั้นก็ตอบ โอเค๊.....แวะไปเดินงานหนังสือก็ด๊ายยยยยยย
เค้าก็บอกว่า กลับบ้านก่อนเห๊อะ
ระหว่างทางเดินไปทะลุ Digital Gateway เดินผ่านร้านขายผลไม้ อิชั้นก็ชี้
จะกินส้มเช้ง....เอา 2 ถุง.....ผ่านน้องเด็กขายกล้วยปิ้งก็ชี้....จะกินกล้วยปิ้ง
คุณแฟนก็แสนใจดี....ซื้อให้ทุกสิ่ง
เดินขึ้น BTS คุณแฟนก็ประคองไปตลอดเพราะเดินเซมาก....ขึ้นรถไฟฟ้าได้
ก็ยืนยิ้มชวนแฟนคุย เราไปเดินงานหนังสือกันเหอะ ผ่านอโศกก็บอกว่าไปกิน
ข้าวแกงกะหรี่กัน พอถึงพร้อมพงษ์แฟนก็ถามว่า นี่สถานีอะไร.....เราก็งงๆ
แล้วตอบว่าไม่รู้......เค้าก็บอกว่าที่เธอชอบมาช๊อปปิ้งไง.....
อ๋อ.....พร้อมพงษ์ งั้นเราไปกินฟูจิกันเหอะ หรือจะไปกินข้าวขาหมูตรงฟู๊ดคอร์ทดี
เค้าหัวเราะก๊ากกกก แล้วบอกว่า "กลับบ้านกันก่อน"
พอถึงเอกมัยก็ต่อแท็กซี่เข้าบ้านค่ะ ขึ้นแท็กซี่ปั๊บหลับปุ๊บ....เค้าก็เริ่มกังวลว่า
ถ้าถึงบ้านจะเอาเราเข้าบ้านยังไงถ้าปลุกไม่ตื่น.....เค้าก็เดินมาเปิดประตูอีกข้าง
เราก็ลุกเดินเข้าบ้านแต่โดยดี
พอถึงบ้าน....ก็ทิ้งตัวลงนอน "กลางบ้าน" เลยค่ะ แล้วก็หลับ.......ยาวววว
แต่แม่บอกว่าไม่ได้หลับนะ ยังคุยกะแม่อยู่เลยว่าเจ็บ ต้องเปลี่ยนผ้าปิดแผล
ต้องไปซื้อผ้าก๊อซเพิ่ม ต้องกินโจ๊ก ต้องบลาๆๆๆ......แบบว่าพูดรู้เรื่องมาก
55555+++
คุณแฟนก็ออกไปซื้อผ้าก๊อซแบบสเตอร์ไรด์มาให้ พร้อมโจ๊กด้วย
(ซึ้งใจมาก)
แล้วแม่ก็เปลี่ยนผ้าแปะแผลให้เพราะมันเปียกค่ะ มีน้ำปนเลือดคล้ายๆน้ำล้างเนื้อ
ไหลออกมาจนแฉะเลยค่ะ ออกมาจากรูข้างซ้ายข้างเดียว แม่ก็เปิดแผลเปลี่ยนให้
คุณยายก็เดินมาดูนึกว่าแผลใหญ่มาก ออกปากว่า "แผลเล็กนิดเดียวเอง"
ตอนที่แม่ทำแผลให้ไม่รู้เรื่องเลยค่ะ หลับสนิทมาก......คร่อกกกกกก
ตื่นอีกทีทุ่มนึงได้ค่ะ (ทำตอนเที่ยง กลับถึงบ้านบ่ายสามค่ะ)
แม่ก็ให้ขึ้นไปเปลี่ยนกางเกงเพราะเปื้อนหมด และเปลี่ยนผ้าปิดแผลด้วยเพราะ
เปียกอีกหมดแล้ว จนแม่คิดนวัตกรรมจากสนามรบขึ้นมา 5555++ ทายซิมันคืออะไร
แม่เอาผ้าก๊อซฆ่าเชื้อปิดแผลและแปะทับด้วยผ้าอนามัย 2 ผืนยาวต่อกัน
ปิดทั้ง 2 รู......เริ่ดป่ะล่ะ ทีนี่ล่ะ "เอาอยู่" 55555+++
น้ำออกมาเยอะเหมือนกันค่ะ เต็มแผ่นผ้าอนามัยเลย พอตอนนอนก็แปะแบบนี้อีกรอบ
ตื่นเช้ามา.....ไม่มีน้ำออกมาเลยค่ะ แห้งแล้ว เย้!!!!
เช้านี้หายมึนแล้วค่ะ เริ่มทำแผลเอง.....มีรอยช้ำนิดหน่อย แผลก็หน้าตาดีอยู่
ล้างแผลเองค่ะ เช็ดด้วยน้ำเกลือรอบๆแผล เช็ดแอลกอฮอล์รอบปากแผล
ใส่เบตาดีน.....แล้วปิดแผลเหมือนเดิม
ยังคงต้องใส่สเตย์ตลอดเวลา ยกเว้นตอนเช็ดตัวอาบน้ำค่ะ ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะคะ
แล้วก็ต้องระวังเรื่องการทานอาหารด้วยค่ะ
งดน้ำอัดลม
งดทานเค็ม
งดผงชูรส
ทานอาหารอ่อนๆ
ตลอด 2 อาทิตย์ค่ะ
วันแรกหลังการทำก็ยังคงเจ็บค่ะ.....><"
เจ็บเหมือนโดนสอบสมรรถภาพซิทอัพ 300 ทีโดยไม่เตรียมตัวมาก่อน
วันที่สองหลังการทำ เจ็บน้อยลง แต่บวมมากขึ้นค่ะ บวมจนสเตย์แน่นมาก
และเริ่มระบมมาก วันนี้ทรมาณที่สุดค่ะ แต่ก็ไปทำงานตามปกตินะคะ
วันที่สาม......เริ่มเจ็บน้อยลงไปอีก ที่บวมมากๆก็เริ่มยุบนิดนึง แต่ก็ยังแน่นๆ
อยู่ดี....มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อค่ะ ตอนเย็นมีท้องเสียด้วยนิดหน่อย
น่าจะเป็นเพราะยาแก้อักเสบที่ทานค่ะ
แกะสเตย์เปิดพุงถ่ายรูปสักหน่อยค่ะ
รูปด้านหน้า....พุงยังบวมอยู่นะคะ
รูปด้านข้างซ้าย....ยังบวมเป็นลอนๆอยู่เลย
แต่ทั้งหมดจะเห็นว่า......มันไม่มีรอยช้ำเลย.....เจ๋งโคตร
ตอนนี้ต้องระมัดระวังการกินมากค่ะ กินแต่น้อย ไม่งั้นจะเจ็บค่ะ แล้วอาหารก็จะ
ไม่ย่อยด้วย ท้องอืดง่ายมากค่ะ....ถามหมอว่า มันจะแบนไปอีกนานไหม
หมอบอกว่าถ้าระวังเรื่องการทานและออกกำลังกายสม่ำเสมออยู่ได้ 10 ปี ค่ะ
ภาพไคลแม็กซ์ที่ใครๆเห็นก็ตกใจ......before & after ค่ะ
ระยะเวลา 3 วันหลังทำค่ะ ซึ่งยังบวมอยู่นะคะ
มดบอกว่า....เหมือนก่อนคลอดกับหลังคลอด.....5555+++
ครั้งหนึ่งในชีวิตที่มีเอวและท้องแบนได้ขนาดนี้.....เจ็บตัวขนาดนี้
ถามว่าคุ้มไหม......ขอตอบว่า โคตรคุ้มเลยค่า....Y_Y
ต่อไปนี้คงต้องระวังเรื่องการกินและการออกกำลังกายให้มากขึ้นค่ะ
เพราะความงามครั้งนี้แลกมาด้วยเลือด....และน้ำตาเลยค่ะ
ค่าใช้จ่ายในการทำครั้งนี้ จุดละ 19,900 บาท
น้ำตาลทำ 2 จุด......ก็คูณสองเข้าไป เป็น 39,800 บาทค่ะ