เอ... ไม่รู้ว่าเราทำถูกรึเปล่านะคะ
เมื่อกี้นี้ ตอนกำลังจะเอารถเข้าบ้าน มีผู้ชายคนนึงมายกมือไหว้ข้างรถ เราก็งงๆ แต่ก็รอให้คนในบ้านเราออกมาก่อน แล้วค่อยพูดกับผู้ชายคนนั้น ให้เค้ารออยู่หน้าบ้าน ผู้ชายคนนั้นเค้าบอกว่า เค้าเคยมาทำงานตัดต้นไม้ที่บ้านเรา แล้วตอนนี้แม่เค้าเสีย เราฟังแล้วก็งงๆ
ก็เลยถามแม่บ้านที่มาเปิดประตูบ้านว่าเคยเห็นคนนี้มั้ย แม่บ้านบอกว่าไม่เคยเห็น เพราะแม่บ้านเป็นคนจ้างคนมาตัดต้นไม้ แต่จำคนนี้ไม่ได้ แค่เห็นหน้าคุ้นๆ อาจจะเป็นคนที่อาศัยอยู่แถวๆ นี้
ก็เลยถามผู้ชายคนนั้นว่า จะให้เราช่วยอะไรได้บ้าง เค้าบอกว่าแม่เค้าเพิ่งเสียวันนี้เอง ตอนนี้ยังอยู่ที่โรงพยาบาล จะเอาไปวัดพรุ่งนี้ เค้าจะขอยืมเงินเรา 1000 บาท.... แล้วอีกสองวันจะเอามาคืน เมื่อได้เงินประกันสังคมมาแล้ว
เราก็อึ้งๆ ไป ใจนึงก็คิดสงสารเค้า เพราะเค้าบอกว่าเค้าไม่รู้จะไปหาใคร ก็เลยมาลองเดินๆ หาแถวนี้ เค้าบอกว่าเคยอาศัยอยู่แถวๆ นี้ (แม่บ้านบอกว่าน่าจะเป็นที่สลัมที่ท้ายซอยติดๆ กัน ซึ่งมีคนมาซื้อที่ และไล่ที่ไปสองปีแล้ว)
แต่ถึงสงสาร เราก็ยังไม่ไว้ใจ ก็เลยขอบัตรประชาชนเค้าไว้ เค้าบอกว่าบัตรประชาชนของเค้าถูกนายจ้างยึดเอาไว้ เพราะเพิ่งเริ่มทำงาน (มีแบบนี้จริงๆ ด้วยเหรอคะ? ใครรู้ช่วยให้ข้อมูลหน่อยค่ะ) แต่เค้าจะเอาโทรศัพท์ของเค้าไว้ให้เรา ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากได้น่ะ
เราก็เลยไปตามพ่อเรามาคุยด้วย แต่ก็ตกลงกับพ่อแล้วว่า จะไม่ให้เงินเค้ายืม 1000 บาท แต่จะให้เงินเค้าไปนิดหน่อย เพราะถ้าเผื่อว่าแม่เค้าเสีย แล้วเค้าไม่มีเงินจริงๆ เงินที่เราให้ ก็ถือว่าร่วมทำบุญให้แม่เค้าละกัน
พ่อก็ออกไปกับเรา ไปพูดกับเค้าโดยไม่เปิดประตูบ้าน พ่อก็พูดตรงๆ ว่า"คุณมาแบบนี้ไม่น่าไว้ใจ แต่เราจะให้เงินไปก็แล้วกัน"
แล้วบังเอิญมีแบงค์ย่อยอยู่ 100 บาท นอกนั้นเป็นแบงค์พัน ก็เลยบอกเค้าว่าร่วมทำบุญ 100 บาทก็แล้วกัน แต่ไม่ให้ยืม 1000
แล้วเราก็มานั่งกังวลว่า เอ... ถ้าเค้าเดือดร้อนจริงๆ เนี่ย มันจะกลายเป็นว่าเราทำให้เค้ายิ่งแย่รึเปล่า เพราะพ่อเราก็พูดแรงเหมือนกัน และในใจเราก็แอบคิดว่าเค้าเป็นมิจฉาชีพมาหลอกซะด้วยสิ
คือที่กังวลเนี่ย เพราะเคยเจอมาเคสนึง เมื่อห้าปีที่แล้ว เป็นคุณพ่อที่เจอ คือคนขับรถที่บริษัทพ่อ (แต่ไม่ใช่คนขับรถของพ่อ ก็เลยไม่สนิทกัน) คนนั้นเค้ามาขอยืมเงินพ่อ บอกว่าลูกเค้าไม่สบาย แต่คนนั้นเค้าประวัติไม่ค่อยดี แบบว่าติดพนันบอล พ่อก็ไม่ไว้ใจ คิดว่าเค้ามาหลอก พ่อก็เลยยังไม่ได้ให้เงินไป พออีกสองวันเจอกันอีก พ่อก็ถามเค้าว่าลูกเป็นไงมั่ง เค้าก็ตอบว่าลูกเค้าเสียแล้ว.... พอรู้อย่างนี้ พ่อเราก็เสียใจ ว่าตอนนั้นไปคิดไม่ดีกับเค้า แล้วก็ไม่ได้ช่วยเค้าซะด้วย
พอมาเจอกรณีนี้ เราก็กลัวว่าเค้าไม่ได้มาหลอก แต่เราคิดร้ายกับเค้าไปเองรึเปล่า? แต่เราก็ได้ช่วยเค้าไป 100 บาทแล้วนะ... แต่ก็ยังไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี...
และอีกใจก็กลัวว่าเค้าจะโกรธรึเปล่า แล้วเค้าจะมาทำร้ายเรามั้ย หรือมาบุกบ้านเรามั้ย? กังวลไปเรื่อยเหมือนกันนะคะเนี่ย...
รบกวนขอความเห็นเพื่อนๆ หน่อยนะคะ เพราะนี่เราคิดวนไปวนมาอยู่หลายชั่วโมงแล้วเนี่ย คิดไม่ตกซะทีค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
update!!!
เมื่อวานก็โทรไปบอก รปภ. หน้าหมู่บ้านให้ช่วยดูๆ คนนี้ให้ด้วย กลัวว่าเดี๋ยวจะเป็นคนร้ายอะไรเงี้ย ปรากฏว่าเมื่อเช้ารปภ. มาที่บ้าน มาบอกว่าเจอตัวคนนั้นแล้ว ปรากฏว่าเป็น "คนบ้า"!!! และบ้ามานานแล้ว อาศัยอยู่แถวๆ หมู่บ้านนี้แหละ เค้าเจอใครก็พูดไปเรื่อยเจื้อย ส่วนมากพูดไม่รู้เรื่อง มีเรื่องแม่เสียที่เค้าอ้างกับเราเมื่อคืนนี้แหละ ที่พูดรู้เรื่อง
เอ๊า! ถือว่าทำบุญกะคนบ้าละกัน... ได้บุญเหมือนกัน...
จริงๆเราว่าคุณพ่อคุณมีสุขไม่ได้พูดแรงเกินไปหรอกค่ะ ก็พูดไปตามความจริงนะคะ
แต่ว่าตอนที่พูดแบบนั้นไปเค้าตอบอะไรกลับมารึเปล่าคะ
แต่ถึงอย่างไรก็ได้ช่วยนะคะ อย่าคิดมากเลยค่ะ
เหมือนคุณพ่อเราเลยค่ะ
เคยเจอบ่อยเวลาไปนั่งกินข้าวที่ร้านอาหารตามต่างจังหวัดก็จะมีคนเข้ามาขอเงินแบบนี้ล่ะค่ะ
แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคุณยายแก่ๆ หรือแม่ที่อุ้มลูกเล็กๆมา
บอกว่าไม่มีเงินกินข้าว ขอเงินหน่อย
คุณพ่อเราก็จะใช้วิธีซื้อเป็นข้าวให้กินเลย หรือไม่ก็สั่งให้ที่ร้านทำใส่ถุงให้เค้าไปเลย
แทนที่จะให้เงินไปน่ะค่ะ
ตอนเด็กๆเราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่คุณพ่อบอกว่าเป็นการช่วยที่ตรงจุดค่ะ
ปัจจุบันนี้เวลาเราเจอแบบนี้เราก็เลยใช้วิธีเดียวกับคุณพ่อน่ะค่ะ
ตอนที่พ่อพูดไป คนนั้นเค้าก็จ๋อยๆ น่ะค่ะ ไม่ได้ตอบอะไร เราเห็นเราก็สงสารเหมือนกัน
แต่อีกใจก็ต้องเซฟตัวเองไว้ก่อนด้วยอ่ะค่ะ... เฮ้อ... แต่ก็ยังอดคิดมากไม่ได้...
ไบรท์ว่าพี่ทินีทำ oK แล้วน่อ ไบรท์เจอสถานการณ์แบบนี้ไม่รู้ว่าจะคิดได้แบบนี้หรือเปล่า
สู้ๆ
เดียว่า ตัวเราปลอดภัยไว้ก่อนน่าจะดีที่สุดอ่าค่ะ
สังคมสมัยนี้ ไว้ใจใครยาก ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้อีก
อย่างน้อยเราก้ได้ช่วยเค้าทำบุญไปแร้วนะคะ
เดียก้เปนคนนึงที่ชอบใจอ่อนเวลา เจอแบบนี้
แต่ถ้าเรามี เราก้ให้ แค่นั้นเองอะค่ะ
เคสแปลกๆแบบนี้ ช่วงนี้ก้ระมัดระวังตัวเปนพิเศษนิดนึง กันไว้ดีกว่าแก้เนอะคะ ^^
พี่ครับ ลองเอาคำถามเข้าไปถามที่นี่ดู นะครับ
http://www.raksa-dhamma.com/consult_public_main2.php น่าจะไปคำตอบดี ๆ ครับ
แล้วเอาคำตอบมาลงบอกกันบ้างนะครับ
ทำใจให้สบายค่ะพี่ เราทำดีที่สุดแล้วค่ะ
พี่ทินี อย่าคิดมากเลยค่ะ ชิโกะว่าที่คุณพ่อพี่ทินี กับพี่ทินีทำก็โอเคแล้วนะ ลองคิดในแง่ว่า ยังไงเราก็ยังได้ช่วยเค้าไปตั้ง 100 บาท ซึ่ง ถ้าบังเอิญพี่ทินี ไม่ได้กำลังจะขับรถเข้าบ้าน แล้วเจอเค้า เค้าก็คงจะไม่ได้เงินเลยซักบาทนะคะ
ส่วนเรื่องนายจ้างยึดบัตรประชาชน.....อันนี้ไม่รู้ว่าที่อื่นเค้าทำกันยังไง แต่ที่บ้านชิโกะ เค้าจะถ่ายสำเนาเอาไว้เป็นหลักฐานแค่นั้นนะคะ ไม่มีการยึดบัตรอ่ะค่ะ ถึงจะพึ่งเข้าทำงานก็เถอะ
วิคว่าคุณพ่อพี่ทินีทำถูกแล้วแหละค่ะ เคยเจอเหมือนกันให้ไปมาทุกอาทิตย์ค่ะ ยกมือไหว้หน้าบ้านมาเป็นขาประจำ เค้าเดือดร้อนจริงๆรึเปล่าก็ไม่รู้นะคะ ใจสงสารก็มีได้ค่ะแต่เราก็ต้องปกป้องตัวเราเองเหมือนกันค่ะ เพราะสังคมสมัยนี้ไว้ใจใครไม่ได้ :rolleyes: เป็นเราเราก็คงรู้สึกแบบพี่ทินีค่ะ แต่เราก็คงทำแบบคุณพ่อพี่ทินีทำเหมือนกันค่ะ
เมษ์คิดว่าอย่างน้อยๆพี่ทินีและคุณพ่อก็ได้ช่วยเหลือเค้าไปบ้างตามสมควรแล้วนะคะ ไม่ใช่ว่าสงสารอย่างเดียวแต่ไม่ได้ทำอะไรเลย ฉะนั้น เมษ์ว่าพี่ทินีสบายใจเถอะค่ะที่ได้ช่วยเค้าไปแล้ว แต่ก็ต้องคอยสอดส่องระแวดระวังเวลาจะเข้าบ้านเหมือนกันนะคะ เพราะไม่รู้ว่าเค้าจะมาอีกหรือเปล่า แล้วถ้าเกิดเป็นคนไม่ดีก็แย่เลยค่ะ
เป็นผมก็ทำแบบเดียวกันอะครับพี่ทินี
ถือซะว่า ร่วมบุญ ไปกับเค้าครับ
:D
อย่าคิดมากค่ะ
เป้นบุ๋มก็จะทำแบบนี้เหมือนกันอ่าค่ะ
เป็นพี่ ก้อจะทำแบบเดียวกันนี่แหล่ะนู๋อย่าคิดมากเดี๋ยวไม่สวยน้า ;)
ทำถูกต้องแล้วค่ะ
จริงๆแล้วการทำบุญไม่ว่าจะน้อยหรือมาก ก็ได้ผลบุญไม่ต่างกันหรอกค่ะ เพราะใจเราอยากช่วยเค้าจริงๆ
ปล.ความเห็นส่วนตัว จริงๆแล้วถ้าเป็นรพ.รัฐบาลก็นำศพออกมาได้เลยนะค่ะ ถ้าจำไม่ผิดจะมีมูลนิธิช่วยเหลือด้านนี้โดยตรง อย่างอุ้มเอง ก็เคยบริจาคโลงศพให้ผู้อยากไร้นะค่ะ ที่รพ.ต่างๆ
หรือทางวัดเอง....ส่วนมากถ้าเจ้าภาพไม่มีเงิน ทางวัดก็จะจัดอุปกรณ์ต่างๆให้ฟรีค่ะ
update!!!
เมื่อวานก็โทรไปบอก รปภ. หน้าหมู่บ้านให้ช่วยดูๆ คนนี้ให้ด้วย กลัวว่าเดี๋ยวจะเป็นคนร้ายอะไรเงี้ย ปรากฏว่าเมื่อเช้ารปภ. มาที่บ้าน มาบอกว่าเจอตัวคนนั้นแล้ว ปรากฏว่าเป็น "คนบ้า"!!! และบ้ามานานแล้ว อาศัยอยู่แถวๆ หมู่บ้านนี้แหละ เค้าเจอใครก็พูดไปเรื่อยเจื้อย ส่วนมากพูดไม่รู้เรื่อง มีเรื่องแม่เสียที่เค้าอ้างกับเราเมื่อคืนนี้แหละ ที่พูดรู้เรื่อง
เอ๊า! ถือว่าทำบุญกะคนบ้าละกัน... ได้บุญเหมือนกัน...
[SIZE="4"]เราว่า คุณพ่อพี่ทินี ทำถูกแล้วนะคะ
เวลามีคนมายืมเงิน เราก็จะใช้วิธีนี้แหละ
คือไม่ได้ให้ยืม แต่ก็จะตัดใจให้ไปในจำนวนที่รับได้แบบนี้เลย
ตัดปัญหา....
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะให้ทุก case นะคะ
55555 55555 ดีจะค่ะจบสวย อย่างน้อยคุณMeesookก็ไม่ต้องคิดมากแล้ว
นานาจิตตังอ่ะค่ะ
ถ้าคิดว่าเค้าจะมาหลอก แล้วไม่ให้เค้าไปก็ทำถูกแล้วค่ะ
เพราะถึงให้ไปก้ไม่ได้บุญหรอก
เพราะให้ไปใจเราก็จะไปคิด ว่าเค้าเอาเงินเราไปทำอะไร
ไปซื้อเหล้า ซื้อบุหรี่ เล่นการพนัน .........ฯลฯ.......
สรุปก็คือ ให้เค้าไปแล้วเราก็ไม่สบายใจนั่นเอง
แต่ถ้าเป็นตัวนิว เป็นสามีนิว หรือที่บ้านสามี
นิวให้ค่ะ ให้แบบไม่หวังว่าเค้าจะมาคืนหรือไม่คืนก็ตาม
ถ้าเค้าคืน ก็ถือว่าเค้าเป็นคนดี มีสัจจะ แต่ถ้าไม่เอามาคืน ก็คิดซะว่าเค้าไม่มีจะมาคืน
เพราะถ้าเป็นเงิน 1000บาท ถ้านิวมีเงินติดตัวมากกว่านั้น นิวให้แน่นอน
แต่ถ้ามีไม่ถึง ก้จะให้เค้าเท่าที่นิวสามารถให้ได้ ให้ไปแล้วนิวไม่เดื่อดร้อน ก็จะให้ค่ะ
เพราะคนที่เค้าไม่มีเงินจริงๆ และไม่รู้ว่าจะหาเงินมาจากไหน
แต่ว่าจำเป็นต้องใช้เงิน นิวว่าเค้าต้องเดือดร้อนมากๆๆๆๆ
ถึงกล้ามายืมคนที่ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน
เคยเจออยู่คนนึง จอดรถรอแม่นิวอยู่หน้าบ้าน
ตอนนั้นยังเรียนอยู่ นิวนั่งรถอยู่กับสามี ตอนนั้นยังไม่ได้แต่งงานกัน
มีผู้หญิงเดินมาเคาะกระจกรถ สามีนิวเค้าก็เปิดถามว่ามีอะไร
เค้าบอกของเงินหน่อย เค้าไม่สบาย เป็นไข้ทับระดู
แต่ไม่มีเงินไปซื้อยากิน เดินขอเงินคนแถวนี้หลายคนแล้ว
ยังไม่พอค่ายาเลย สามีนิวก็ถาม ค่ายาเท่าไหร่
เค้าก็ตอบว่าค่ายาหม้อ5ร้อยกว่าบาท สามีนิวก็ถามต่อว่าแล้วมีเท่าไหร่แล้ว
เค้าก็นับเงินที่กำอยู่ในมือ แล้วตอบว่า มีร้อยกว่าบาท
ยังขาดอยู่อีกเกือบ4ร้อย สามีนิวก็เลยควักตังออกมานับ
มีอยู่4ร้อยกว่าบาท เค้าให้ป้าคนนั้นไป2ร้อย
แล้วก็พุดว่าผมมีแค่4ร้อยกว่าบาท ป้าเอาไปแค่นี้แล้วกันนะ
ผมให้หมดไม่ได้ ต้องเก็บเอาไว้กินข้าวอีกหลายวันกว่าจะสิ้นเดือน
ป้าคนนั้นขอบคุณแล้วก็เดินไปขอเงินคนอื่นอีก
นิวก็ถามสามีว่าทำไมให้ป้าเค้าไปเยอะจัง มีตังอยู่นิดเดียวเอง
แล้วกว่าจะสิ้นเดือนก้ตั้งหลายวัน สามีตอบ ก็คิดแล้วว่าให้ไปเท่านี้แล้วไม่เดือดร้อน
กินใช้ประหยัดๆเอาหน่อยก้อยู่ได้ นิวบอก ก็ให้แค่50ก้ได้หนิ
ยังไงก้ไม่พออยู่ดี เค้าก้ต้องไปขอคนอื่นอีกอยู่ดี
สามีตอบ ก็เค้าบอกว่าเค้าไม่สบาย แล้วเพิ่งมีแค่ร้อยกว่าบาทเอง
กว่าจะขอได้ครบ5ร้อย ไม่เป็นลมตายข้างทางก่อนเหรอ
ให้เค้าไปเยอะหน่อย เค้าจะได้หาเพิ่มอีกไม่มาก
นิวก้ถาม แล้วไม่คิดว่าเค้าจะมาหลอกเราบ้างเหรอ
สามีตอบ ก็ถือซะว่าทำทานไปแล้ว เค้าจะเอาไปทำอะไร
จะโกหกเรารึเปล่า เราไม่ได้รับรู้แล้ว มันเรื่องของเค้า
ถ้าเค้าโกหก เค้าก็รู้อยู่แก่ใจ มันก้เป็นกรรมติดตัวเค้าไป
นิวฟังแล้วก็อึ้ง คนสมัยนี้ อายุแค่นี้ คิดได้อย่างนี้เลยเหรอเนี่ย
ความมีน้ำใจของเค้าเป็นอีกเหตุผลนึงในหลายๆเหตุผล
ที่ทำให้นิวตัดสินใจแต่งงานด้วย
ขออนุญาติล่าเรื่องที่เคยได้ฟังมา แต่จำไม่ได้ว่าฟังมาจากไหน
สมัยพุทธกาล มีพระราชาองค์นึง ไม่มีลูกมีหลาน
พระราชาชอบทำบุญอยู่เป็นพระจำ พระราชาจะรับสั่งให้มหาดเล็กคนสนิท
ไปนิมนต์พระที่อยู่ใกล้ๆกันนั้นมาฉันท์ภัตตาหารที่พระราชวังเสมอ
และให้จัดหาอาหารที่ดีที่สุดมาถวายพระ
มีวันนึง หลังจากที่เลี้ยงพระและฟังเทศน์จบแล้ว พระราชาก้อยากรู้
ว่าพระรูปนั้น อาศัยอยู่ที่ไหน จึงสั่งให้มหาดเล็กตามไป
พอมหาดเล็กตามไป ก็เห็นพระรูปนั้นเดินเข้าไปในป่า แล้วเอาชุดที่ซ่อนไว้
มาเปลี่ยนเป็นขอทาน พอกลับเข้าวัง พระราชาก็ถามมหาดเล็ก
ว่าตกลงรู้แล้วใช่มั๊ย ว่าพระรูปนั้นอาศัยอยู่ที่ไหน มหาดเล็กก็ไม่กล้าบอกความจริง
จึงตอบว่าไม่รู้พระเจ้าค่ะ กระหม่อมเดินตามพระรูปนั้นเข้าไปในป่า แล้วพระท่านก็หายไปเลย
พระราชาก็คิดว่าสงสัยพระรูปนั้นคงจะเป็นพระอรหันต์ ผู้มีอิทธิฤทธิ์
จึงรับสั่งให้มหาดเล็กไปนิมนต์มาฉันท์เพล และเทศนาสั่งสอนพระราชาทุกวัน
พอพระราชาเสด็จสวรรณคต ก็ยกทรัพย์สมบัตทั้งหมดให้มหาดเล็ก
มหาดเล็กก็ได้เป็นพระราชา มหาดเล็กก็ฝังใจ ว่าพระราชาถูกขอทานหลอกว่าเป็นพระ
จึงไม่ศรัทธาพระทุกรูป พอเห็นพระก็นิมนต์ให้มาฉันอาหารในวัง
เพื่อหวังจะแก้แค้น เพราะคิดว่าเป็นขอทานปลอมเป็นพระเหมือนกัน
สั่งให้คนในวังเตรียมอาหารบูดๆมาถวายพระ ทุกครั้งที่นิมนต์พระมา
เวลาไหว้พระใจก็คิดดูถูกว่าพระเป็นแค่ขอทาน
พอมหาดเล็กตายไป ก้ไปจุติในนรก เพราะพระที่มหาดเล็กทำบุญด้วเป็นพระอรหันต์
แต่มหาดเล็กไม่รู้ ส่วนพระราชาเมื่อสวรรณคตแล้วก้ไปจุติบนสวรรค์
เพราะตอนที่ทำบุญทรงคิดว่าได้ทำกับพระอรหันต์จริงๆ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จะทำบุญแล้วได้บุญหรือไม่ อยู่ที่ใจเราจะคิดขณะทำบุญ
คิดดี ก็เป็นบุญ คิดชั่ว ก้เป็นบาป
^
^^
^^^
ตัดสินใจถูกที่สุด ที่แต่งกับคนนี้ค่ะคุณนิว (ยินดีด้วย;))
คุณทินีอย่าคิดเก็บมากังวลเลยค่ะ ให้แล้วก็ให้โลดด
ถึงเค้าจะโกหกเรา ก็ถือว่าเราทำกุศล(แถมแม่เค้าอาจจะยังอยู่ ยังแข็งแรง)
หรือถ้าเค้าพูดเรื่องจริงก็เท่ากับว่าเราได้ทำกุศลกับคนตายคนเจ็บอยู่ดีเน้ออ
ถือว่าทำบุญค่ะ อย่าคิดมากนะคะเสียสุขภาพจิตเราค่ะ:D
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่เข้ามาให้ความเห็นกันนะคะ
อ่านความเห็นคุณนิวแล้วคิดได้เลยค่ะ มันอยู่ที่ใจจริงๆ ด้วยล่ะ
ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรแล้วล่ะค่ะ ก็ให้เค้าไปหนึ่งร้อยบาท ถึงจะเป็นเรื่องจริง หรือไม่จริง และถึงแม้เค้าจะเป็นคนบ้าก็ตาม เค้าก็คงได้ใช้ประโยชน์จากหนึ่งร้อยบาทนั้น แล้วเราก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากกับเงินที่ให้ไปด้วยค่ะ
สบายใจแล้วค่า... :)
ดีแล้วหละค่ะ ที่ให้คุณพ่อออกมาคุย อย่างน้อยก็ป้องกันตัวเอง
เคยเจอกับตัวเองทั้งเรื่องจริงไม่จริงเหมือนกัน แต่ถือว่าทำบุญไป ถ้าไม่จริงบาปก็ตกอยู่กับคนโกหกนั่นหละค่ะ
อย่าคิดมากเลยค่ะ เป็นเราก็คงทำคล้ายกับคุณทินี
หุหุ มีเรื่องจะเล่า แต่คล้ายกะของคุณนิวมากเลย
ก็เลยไม่เล่าดีกว่า....:rolleyes:
โบว์เองก็เคยมีเพื่อนสมัยเรียนมหาลัย มีปัญหาเรื่องการเงินตั้งแต่ปี 2
ตอนนั้นก็ได้ข่าวว่าเค้ายืมเงินเพื่อนในกลุ่มหลายคน แล้วคืนไม่ครบบ้าง ไม่คืนบ้าง แต่เพื่อนๆก็ไม่ได้เอาเรื่องอะไร เพราะเห็นว่าเพื่อนคนนี้เดือดร้อนจริงๆ
หลังจากจบไปหลายปี ล่าสุดเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพื่อนคนนี้โทรยืมเงินเพื่อนในกลุ่มอีกด้วยปัญหาเดิม
ช่วงนั้นแต่ละคนโทรหากันซะวุ่นวาย ปรึกษากันอีกว่าจะให้ยืมดีหรือไม่? เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าถ้าช่วยครั้งนี้ก็ไม่ได้คืนอีกเช่นกัน :rolleyes:
แต่แล้วก็มีเพื่อนคนนึงพูดขึ้นมาว่า "ถ้าคิดจะช่วย ก็อย่าไปคิดอะไรมาก" คำพูดนี้ได้ผลค่ะ เป็นคำตอบทุกๆคำถามได้เป็นอย่างดี
หลังจากนั้นใครที่ใคร่คิดจะช่วยก็ช่วยเลยเท่าที่ตัวเองไม่เดือดร้อน ส่วนใครที่ไม่คิดจะช่วยก็ไม่เป็นไร...ก็ถือว่าทำบุญไปค่ะ คิดซะว่าเค้าอาจจะเดือนร้อนจริง ;)
อ่านแล้วซึ้งอ่า... คุณมีสุขคิดดีแล้วหล่ะ เพราะคุณคิดดี ใจคุณถึงกังวลถึงคนที่ด้อยกว่าว่าเค้าจะลำบากไหม... เพราะสังคมทุกวันนี้มันมีแต่ของแปลก การที่คุณพ่อคุณมีสุขกระทำแบบนั้นไป รี่เรียกว่าเป็นการป้องกันตัว เพราะเราไม่รู้ว่าเค้ามาดีหรือมาร้าย ไม่รู้ว่าจริงหรือหลอกเอาความสงสารของคน... คนแบบนี้มีเยอะ ;)
มันผ่านไปแล้วค่ะ..
อย่าคิดมากเลยค่ะ
ปล. ความเห็นข้างต้นคือ สิ่งที่คุณวิตกอยู่นะค่ะ
ก่อนที่จะรู้ว่า เขาคือคนบ้า ค่ะ
ความเห็นต่อมา
เรามีบ่อยค่ะ บ้านเรามีคนมาขอบ่อย
เอาบัตรประชาชนไว้ เอาโทรศัพท์มือถือไว้ เอาใบขับขี่ไว้
สุดท้ายก็ทิ้งไว้ที่บ้าน ตอนนี้มีเยอะ แต่แม่กับพี่ไม่เคยนับ
แต่จะให้มากสุดแค่ 200 บาท ส่วนมากมาไว้แบบขอ 100 บาทกันค่ะ
มีมากสุดก็ 500 บาท แต่ให้แค่ 200 บาท แม่กับพี่ให้แบบยืมลืมค่ะ
จะได้ไม่เสียดาย ถ้าเป็นหนี้สูญ ถือว่าทำบุญ เผื่อเราไปตกทุกข์ได้ยาก
จะได้มาคนช่วยเหลือ (ตรงนี้ไม่ได้คิดว่าจะต้องได้ผลกลับเสมอนะค่ะ)
เราช่วยได้ก็ช่วย ช่วยได้เท่าไหนก็เท่านั้น ไม่ช่วยก็คือไม่ช่วย
ไม่มาคิดมากตามหลังค่ะ เพราะว่า ชีวิตนี้มีสารพัดเรื่องจะต้องเจอค่ะ
เราพูดในส่วนของเรานะค่ะ เพราะความคิดคนไม่เหมือนกัน
บางคนคิดมาก จบไปแล้วก็คิดอยู่อีก
บางคนไม่คิดเลย จนบางทีก็ งง ว่าคิดบ้างก็ดีนะ
ขอร่วมแชร์ความรู้สึกด้วยค่ะ....
คือ เราก็เคยเจอคนประเภทนี้แต่เราก็ไม่แน่ใจในสิ่งที่เค้าพูด ก็เลยไม่ได้ให้ไป แต่บางที่ก็มักจะคิดว่า
แล้วถ้าเป็นจริงอย่างที่เค้าพูดละ...แต่มันก็ผ่านจุดๆนั้นไปแล้ว
ก็เลยพยายามไม่คิดอะไรมาก....และที่สำคัญก็คือ กลัวโดนหลอกเหมือนกันค่ะ
ไม่ต้องคิดมากทำบุญถ้าเราให้ด้วยความตั้งใจดี ยังไงก็ได้บุญจ้ะทิ:D