บางครั้งถ้าลืมอะไรได้ก็คงจะดีกว่า เรื่องร้ายๆ ความเจ็บปวดที่ไม่อยากจำ หากลืมได้ก็คงไม่ต้องเจ็บปวดอย่างนี้
แต่การที่เราลืมมันไปได้ มันดีจริงหรือ?
วันนี้เจนนี่มา review หนังเรื่อง eternal sunshine of the spotless mind เป็นหนังปี 2004 ค่ะ แต่เพิ่งได้มีโอกาสดูเจนนี่ค่อนข้างชอบหนังเรื่องนี้ เจนนี่ว่านะหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องได้น่าสนใจดีค่ะ
หนังเริ่มขึ้นเมื่ออยู่ๆหนุ่มขี้อายอย่างโจเอลจู่ๆก็เปลี่ยนใจไปชายทะเลแทนที่จะนั่งรถไฟไปทำงานตามปกติ
เขาเดินไปตามชายทะเลอย่างโดดเดี่ยว แล้วเขาก็สังเกตเห็นผู้หญิงอีกคนที่กำลังเดินอยู่บนชายหาด
เมื่อเขาขึ้นรถไฟกลับ ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาทักทายเขา เธอชื่อว่าคลีเมนไทน์
ความสัมพันธ์ของพวกเขาเดินไปเร็วมากโดยที่ที่ทั้งสองคนไม่รู้ว่าเพราะอะไร
ภาพก็ตัดไปอีกช่วงเวลาหนึ่ง
คลีเมนไทน์ มีแฟนคนอื่นและทำเป็นไม่สนใจโจและโจก็ไม่เข้าใจว่าเกิดไรขึ้น จนเพื่อนของเขาให้บัตรใบหนึ่งที่ได้
มาจากคลีนิค ในนั้นกล่าวว่า ได้โปรดอย่าพูดอะไรเกี่ยวกับตัวโจเนื่องจากทางเราได้ทำการลบความทรงจำที่เกี่ยวกับ
ตัวโจเอลหมดแล้ว หลังจากนั้น โจจึงไปตามหาคลินิกแห่งนั้น เมื่อได้พบหมอ เขาจึงขอให้ลบความทรงจำของเขาที่
ที่มีคลีเมนไทน์อยู่ โดยการที่ทางคลินิกจะหาว่าความทรงจำที่เกี่ยวกับคลีเมนไทน์ อยู่ตรงส่วนไหนของสมองแล้ว
จัดการลบออกในขณะที่เขากำลังหลับอยู่
ในห้องนอนของเขาเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ที่จัดการลบข้อมูล พวกเขาพูดคุยกัน ซึ่งบทสนทนาของคนที่อยู่ในโลก
ความจริงดังเข้ามาในหัวเขา ทำให้เขารู้ว่า แพทริค หนึ่งในทีมงานที่ทำหน้าที่ลบความทรงจำกำลังแอบปิ๊ง
คลีเมนไทน์ และแอบใช้ความทรงจำของเขาเป็นประโยชน์ในการจีบของเธอ โดยการ ใช้ประโยคเดียวกันที่เขาพูด
ตอนไปออกเดตกับเธอ ให้ของขวัญที่เขาเป็นคนซื้อเก็บไว้ก่อนที่พวกเขาจะเลิกกัน แต่ภายหลังตัวคลีเมนไทน์กลับ
เดินหนีไปในขณะที่แพทริคเอา ประโยคของโจเอลมาพูด ( เพราะ คนที่ใช่ มันไม่มีใครมาแทนได้หรอกถึงแม้ว่าจะ
ลอกคำพูดหรือการกระทำมา เพราะเราไม่ได้รักเขาเพราะการกระทำหรือคำพูดแต่เพราะเรารักที่ตัวเขา แค่เขาคนเดียว
เท่านั้น )
และเมื่อความทรงจำของเขากำลังค่อยๆถูกลบ เขาก็พบว่าเขาไม่อยากให้ความทรงจำที่มีความสุขหายไปเช่นกัน เขา
จึงเริ่มหาทางที่จะหนีจากการถูกลบความทรงจำ โดยการพาทั้งเขาและเธอไปอยู่ในความทรงจำที่เขาไม่ได้สร้างมัน
ขึ้นมา เช่น ความทรงจำสมัยเด็ก และเขาก็ทำสำเร็จ แมรี่ หนึ่งในพนักงานจึงต้องไปตามคุณหมอมา และคุณหมอก็
ค่อยๆไล่ลบความทรงจำทุกๆที่ที่เขาหนีไปจนหมด ในระหว่างนั้นโลกแห่งความเป็นจริง แมรี่แอบจูบคุณหมอ ในขณะ
นั้นเองภรรยาของเขาก็แวะมาดูจนเห็นคนสองคนกำลังจูบกัน แล้วทั้งสองคนพยายามจะแก้ตัวแก่ภรรยา แล้วความ
จริงก็เปิดเผยว่า จริงๆแล้วเธอเคยมีความสัมพันธ์กับคุณหมอแต่ภายหลังเธอตัดสินใจที่จะลบความทรงจำออก เธอรู้
สึกช็อคมากไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน เธอรีบกลับไปที่คลินิก พยายามหาแฟ้มข้อมูลของคนไข้ทุกคนแ ล้วเธอก็
พบมัน…..แฟ้มของเธอ
ทางด้านในห้องนอนของโจเอล ทีมงานได้จัดการลบความทรงจำของเขาและคลีเสร็จแล้ว อีกทางด้านเดียวกันแมรี่
ก็ขโมยแฟ้มของคนไข้ที่ว่าจ้างให้ลบความทรงจำทั้งหมด ในขณะเดียวกันนั้นเองทั้งโจเอลกับคลีเมนไทน์ที่ลืมเรื่อง
ราวของอีกฝ่ายต่างก็นั่งรถไฟไปที่เมืองๆหนึ่ง ทำให้คนทั้งสองได้เจอกัน ความสัมพันธ์ถูกพัฒนาขึ้นเรื่อยมาอย่าง
รวดเร็วอย่างน่าแปลก ประหลาด(ซึ่งก็คือในตอนแรกที่โจเอลงานไปชายทะเลไง หนังมาเฉลยตอนท้าย) ขณะที่เธอ
กลับบ้านไปเอาของเพื่อที่จะย้ายไปนอนที่บ้านเขา เธอก็เปิดเทปที่ได้มาจากแม่รี่ เรื่อราวที่อยู่ในใจก่อนที่ จะเลิกรา
ความรู้สึกรังเกียจอีกฝ่ายถูกเปิดเผย ทั้งสองต่างช็อคกับเรื่องราวที่ได้บิน ทั้งเชื่อและไม่เชื่อในเวลาเดียวกัน โจเอลรับ
ไม่ได้กับสิ่งที่ได้ยิน เขาจึงไล่คลีเมนไทน์ออกจากรถ แล้วคลีเมนไทน์ก็ไปหาโจเอลที่บ้าน เธอกลับพบว่าเขาเองก็ได้
รับเทป เธอและเขาต่างค่อยๆนั่งฟังความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดที่อยู่ในเทป ความรู้สึกรังเกียจพรั่งพรูออกมา สิ่งที่อยู่ในใจ
โจเอลเมื่อตอนที่พวกเขาคบกันเผยออก จนตัวคลีเมนไทน์เองรับไม่ได้ จึงขอตัวกลับบ้าน เธอแค่กลัวว่าเมื่อพวกเขา
พัฒนาความสัมพันธ์มันจะกลายเป็นแบบที่อยู่ในเทปแต่เขาตามเธอไป เธอบอกเขาว่าเธอไม่ใช่คนที่เพอร์เฟค เป็นแค่
คนธรรมดาคนนึงที่ต้องการใครบางคน
เขาพูดว่าเขายังไม่เห็นว่าเขาไม่ชอบเธอตรงไหน
เธอพูดกลับไปว่า คุณจะไม่ชอบแน่ในอนาคต
โอเค เขาเอ่ย ซึ่งคำสั้นๆเพียงคำเดียวก็ทำให้คลีเมนไทน์ยิ้ม
สิ่งที่หนังพยายามจะสื่อ การลืมไม่ใช่การแก้ปัญหา เพราะการลืมอย่างเดียวมันจะทำให้คุณกลับมาทำผิดซ้ำสอง เพราะตัวคุณก็ยังเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนไป แต่การหันกลับไปมอง หรือฟังสิ่งที่อีกฝ่ายรู้สึก ให้อภัยกัน และ ยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น ต่างหากคือสิ่งที่ดีที่สุด