[SIZE="4"] == ป้ายหัวแบบนี้มีความหมายค่ะ วันนี้จะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยมากๆ สวยเกินกว่าในฝันสะอีก ที่นั่นก็คือยุโรปตะวันออก ( เยอรมัน ฮังการี ออสเตรีย เชค สโลวัค ) เชื่อว่าพูดถึงยุโรปหลายคนคงนึกถึง อิตาลี สวิต ฝรั่งเศส แต่จะแนะนำความสวยอีกฝากฝั่งของยุโรปให้เพื่อนๆได้เห็นความงามทั้งวิวทิวทัศน์ สถาปัตยกรรม และก็ความน่ารักของคนที่โน้นกันค่ะ
สดๆร้อนกันเลย ทริปเดินทางเริ่มออกเมื่อวันที่ 9 เมษา 53 นี้เองจ้า บินตรงเข้ามิวนิคประเทศเยอรมันถึงก็มืดแล้ว ทันที่ที่ออกจากสนามบินความหนาวเย็นก็เข้ามาทักทายเลย แถมเช้ามาหิมะตกอีก เลยหนีนั่งรถไปเที่ยวออสเตรียกันก่อนที่เมืองซาลส์บวร์กก่อน เมืองที่เขาถ่ายหนังเรื่อง Sound of Music แอบบอกว่าหนังเรื่องนี้นานมาก เข้าไปสวนมิราเบล และก็เมืองบ้านเกิดของโมสาร์ท อากาศที่นี่มันเหมือนฝันๆ มีหมอกๆตลอด แถมฝนตกนิดๆ ทำให้อากาศที่หนาวอยู่แล้วยิ่งทรมานเข้าไปใหญ่เลย เมืองนี้รวยจากการทำเกลือ ซาลส์แปลว่า เกลือ และ บวร์ก แปลว่าเมืองค่ะ
มาเดินทางต่อกันเลยค่ะ ครวนี้เราจะเข้าประเทศเชคกันละนะ เมืองเชสกี้ครุมลอฟนี้ได้รับการยกย่องจากยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 1992 เมืองจะอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำวัลตาวา เมืองนี้น่ารักที่สีสันของหลังคาบ้านค่ะ ดูส้ม แต่รูปแบบทุกอย่างเป็นของเก่าร้อยๆปีเลยนะค่ะ ตั้งแต่ยุคกลาง และที่นี่ก็มีปราสาทคลุมลอฟ ซึ่งเป็นปราสาทที่ใหญ่รองจากกรุงปร๊ากเลย ปราสาทที่นี่เขาจะตั้งอยู่บนเขา แต่อยากบอกว่าดูน่ากลัวมากกว่า แถมไกค์เรายังบอกว่าปราสาทนี้ไม่มีคนเข้าตอนมืดเลย เจอกันเยอะละ สถาปัตยกรรมของปราสาทจะเป็นภาพเขียน และทรงจะออกแนวโกธิก คือ หนาๆ ทึบๆ สูงๆ คนพื้นเมืองที่นี้เป็นชาวสลาฟ พูดภาษาเชค คนเชคเขาค่อนข้างแปลกค่ะ จิงๆน่ารัก มีน้ำใจ แต่ชอบหน้าบึ้งๆ ไม่ยิ้มแย้ม ชอบเก็บตัว สันนิฐานว่าแต่ก่อนคงจะถูกบีบจากรัสเซียบ้าง เยอรมันบ้าง เขาเลยมีลักษณะเก็บตัวไม่สุงสิงกะใคร
ทางเข้าปราสาทค่ะ
อันนี้ในปราสาทละ แอบบอกว่าภาพนี้ถ่ายตอนเกือบๆ2ทุ่มของที่โน้นค่ะ ยังสว่าง แต่หนาวมากๆ
ลายคล้ายหินที่กำแพงนั่นเป็นภาพวาดหมดเลยนะค่ะ
รูปนี้มองไปด้านหลังจะเห็นหลังคาบ้าน มองลงไปคล้ายบ้านตุ๊กตา หรือแบบจำลองเลยน่ารักดี
ภาพนี้เป็นสวนหลังปราสาทค่ะ กว้างมาก
ในสวนปราสาทมียามเฝ้าด้วยนะค่ะ อิ อิ
โรงแรมที่ได้พักน่ารักแบบต่างจังหวัดๆดี ริมหน้าต่างจะติดกะริมน้ำ น้ำใสแจ๋วเลย เกิดจากการละลายของหิมะ โรงแรมที่นี่ไม่มีแอร์ แต่จะเป็นฮิตเตอร์มากกว่า เรานอนไม่เปิดมันหรอก แต่เปิดหน้าต่างแทนจะได้หายใจออก เย็นมากๆเลย รู้สึกเหมือนหมูโดนแช่แข็ง
ห้องที่พักไม่กว้างเท่าไหร่ แต่บรรยากาศสุดยอดเลย มีธารน้ำกั้นกะเมือง นอนบนเขาค่ะ
ภาพนี้ลงมาถ่ายในเมืองละ ถ่ายตอนเช้าๆ ใส่เสื้อ 3 ชั้น ด้านบนที่เห็นยาวๆนั้นคือปราสาทค่ะ
อยู่นี้ไม่ดีอย่าง แต่งตัวอะไรยังไงก็เท่านั้น เพราะต้องมีเสื้อหนาวใส่คลุมตลอด แถมเสื้อที่ใส่ก็เป็นของคุณแฟนค่ะ ดันลืมเอาไปแขวนไว้อย่างดี รูปแต่รูปที่ได้เลยตัวเป็นหมีไปหมด
ภาพนี้หน้าทางเข้าปราสาท แต่มาถ่ายรูปเอาเช้าอีกวันที่กำลังจะออกไปอีกเมืองหนึ่ง
แอบถ่ายน้องหมาที่นี่น่ารักมาก เจ้าของเขาผูกไว้ตอนเข้าไปติดต่อไปรษณีย์ นั่งนิ่งเลย
ดูสิว่าท่อน้ำบ้านเขาน่ารักแค่ไหน
ต่อจากคลุมลอฟเราก็มาเข้าเมืองคาร์โลวีวารี เมืองนี้มีน้ำพุร้อนถึง 12 บ่อเลยค่ะ ที่นี่การมีน้ำพุร้อนถือว่าเป็นเรื่องแปลกนะค่ะ เพราะบ้านเขาหนาว ลักษณะของเมืองอยู่บนหุบเขา อากาศไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ หนาวแถมลมแรงอีก แต่เมืองตึกสวยค่ะ แบรนด์เนมเยอะ แต่แพงมาก เพราะเป็นเมืองที่คาสิโนเยอะ คนส่วนใหญ่ในเมืองนี้อาชีพนายแบงค์กว่า 80 % เลย ที่นีได้กินปลาเท้าส์ด้วย อร่อยดีแต่ก้างเยอะไปหน่อย จิงๆอร่อยเพราะแจ่วของไกค์ที่เอาไปค่ะ เข้ากันได้อย่างดี แบบว่าไกค์น่ารักเข้าใจว่าคนไทยกินอาหารรสจัด เลยเตรียม มาม่า น้ำจิ้ม ไปให้ด้วย
เมืองเขาจะทางขึ้นๆลงตลอดเลยค่ะ
อันนี้หน้าร้านอาหารที่ปลาอร่อยค่ะ
หลังจากอิ่มอร่อยก็เดินทางต่อเข้าที่พัก พรุ่งนี้เช้าเราจะไปกรุงปร๊ากกันละนะ ได้ยินมานานละว่าสวยนักหนา ได้เห็นของจิงก็สวยอย่างที่เขาว่ากันละค่ะ แต่โบสถ์เซนต์ไวตัสแอบเถี่ยงว่าอิตาลีสวยกว่า เขาบอกว่าโบสถ์จะลอกเลียนมาจากโบสถ์วาติกันที่กรุงโรม
หน้าปราสาทกรุงปร๊ากค่ะ
อันนี้หน้าโบสถ์ ทั้งสูงและใหญ่ แอบคิดเหมือนกันว่าประตูสูงขนาดนี้
คนสมัยก่อนเขาจะสูงกันแค่ไหน ไม่เข้าใจจะสูงไปไหนกัน เมื่อยคออ่ะ
ด้านในโบสถ์ค่ะ โล่งๆ สูงๆ
อันนี้คือรอบๆโบสถ์ค่ะ สวยดี ลมแรงมากสังเกตจากผมได้เลย
วิวจากด้านบนมองออกมาจะเห็นเมืองเชคอย่างนี้เลยจ้า
ออกจากปราสาทก็มาที่สะพานชาร์ล 2 ข้างของสะพานจะมีรูปปั้นของนักบุญทั้งหลายของเขา
บนราวสะพาน เขาว่ากันว่า ให้เดินไปลูบตรงรูปปั้นของนักบุญ เนโปมุขแล้วก็อธิษฐาน
สิ่งที่ขอก็จะสมหวัง งานนี้เราไม่พลาดแน่นอน สังเกตุดีๆว่า โลหะมันวาวเลย คนคงลูบกันเยอะจ้า
แอบหน้าเสียเล็กน้อยเพราะหนาว ลมแรง แถมฝนก็กำลังจะตกแว้ว
บรรยากาศสะพาน คนเยอะมาก ของขายก็เยอะด้วย ส่วนมากจะเป็นคนมานั่งวาดภาพ คล้ายสะพานพุทธบ้านเรา
กะของที่ระลึก แต่ไกค์เราบอกว่าจะซื้อของที่ระลึก ให้เลือกแบบโดดๆเลย ไม่งั้นมันจะกลายเป็นของที่ระทึกไป
555 หมายความว่า คือเจอแบบเดียวกันตามเยาวราช หรือคลองถมค่ะ
บรรยากาศปลายสะพานที่มองไปเห็นปราสาทค่ะ ไกลๆโน้น
ต่อมาเราก็มาที่นาฬิกาโบราณ นาฬิกาอันนี้เขาทำขึ้นตั้งแต่สมัยเก่า สามารถบอกน้ำขึ้น
น้ำลงในสมัยก่อน แต่ตอนนี้ใช้ได้แค่บอกเวลาเองจ้า ทุกๆชม. จะมีตุ๊กตาออกมาคล้ายกุ๊กกู
และก็มีกระดูกตีระฆัง เขาบอกว่าความหมายเจ้าตัวกระดูกที่ตีระฆังนี่ มีความหมายเตือนให้เราทุกคนรู้ว่าเวลาได้ผ่านไปสู่ความตาย
และก็ให้คนทุกคนได้ทราบว่าทุกคนล้วนต้องตาย แต่แอบเตือนใจตัวเองว่า เราได้ทำอะไรดีๆ
หรือทำในสิ่งที่อยากจะทำแล้วหรือยัง เศร้าจัง
บรรยากาศรอบๆตรงจัตุรัสนาฬิกาโบราณจ๊ะ
ต่อมาก็ได้ shopping แว้ว แต่กระซิบบอกต่อๆกันเลย แบบว่ามารู้ที่หลังค่ะว่า ที่เชคของเเพง เพราะเขาคูณ vat 20%
แต่ได้คืน 12% แต่ตอนแรกที่เขาบอกราคาเรา เขาไม่ได้บอกนะว่าต้องคูญภาษีอีก พอซื้อไปแล้ว มาดูบิลงงเลยเรา
แพงกว่าฝรั่งเศสต้อง 100 กว่า euro แน่ะ แต่เขาใช้เงินเชค เลยงงกะตัวเลข แต่พนักงานน่ารักค่ะ ใจดีมาก อยากดูอะไร
ก็หยิบให้ดูตลอด
หมดวันละ เช้ามาก็ออกเดินทางจากเชคเข้าสโลวัค เมืองนี้ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ค่ะ แต่เด็กที่นี่เขาน่ารักดี ผิวขาววิ้ง
ละเอียดยิบ อย่างกะไม่มีรูขมขนเลย
ด้านหลังเขาว่าเป็นที่ทำงานของรัฐบาลบ้านเขา แต่ตอนนี้ปรับปรุงอยู่
ตกเย็นเข้าถึงฮังการี ทานอาหารพื้นเมือง แต่เราไม่ปลื้มเท่าไหร่ เหมือนทำให้คิดว่าคนเขาน่าสงสาร เพราะอากาศหนาว
คนเขาคงต้องมารวมๆกันกินข้าว คือมีอะไรก็เอามารวมๆทำ รสชาดมี 3 รสค่ะ คืด จืด - โครตจืด - และก็เค็มเลย
แต่ร้านนี้เขามีกิจกรรมการเล่นดนตรี เต้นรำ และก็กรอกไวน์ใส่ปากลูกค้า สนุกดีค่ะ มีชาวรสทูเนีย จีน เยอะเต็มไปหมด อบอุ่นดี
ออกจากร้านอาหารเข้าที่พักบอกได้คำเดียวว่าวิวสวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย โอ้แม่จ้าว บูดาเปสต์ ทำไมถึงได้สวยขนาดนี้นะ
เพราะจะมองเห็นอาคารรัฐสภาที่ใหญ่สุดในโลก และปราสาท ที่เขาเปิดไฟไว้ งามสุดๆ เขาบอกกว่า บูดา แปลว่าแผ่นดิน เปรส แปลว่าภูเขา ซึ่งแต่ก่อนแยกจากกัน โดยมีแม่น้ำกั้นไว้ เพิ่งจะมารวมกันเลยเรียกว่า บูดาเปรสต์ พักที่ marriott ติดริมน้ำ หน้าโรงแรมมีร้าน
อาหารไทยของแม่ชาคริต แย้มนาม ชื่อว่า บ้านริมน้ำด้วยค่ะ
ถ่ายหน้าโรงแรม ที่เห็นอาคารข้างๆไกลนั้นละค่ะ อาคารรัฐสภาที่ว่าเปิดไฟสวยๆ
อ้าวข้ามฝั่งแผ่นดินมาที่ภูเขากันแล้วนะ ขึ้นมาที่โบสถ์และป้อมชาวประมงของเขากัน จุดนี้เห็นวิวเมืองได้ชัด และสวยจนบรรยายไม่ถูก
ไม่เหมือนกะมาเห็นด้วยตาหรอกค่ะ แต่เอาน้ำจิ้มไปดูก่อนละกันนะ
แอบเห็นเป๋าใหม่เราแล้ว ไม่ค่อยเห่อเลย
เดี๋ยวกลับมาเล่าต่อนะ
** กลับมาต่อแว้วจ้าวคร๊า หลังจากที่ขึ้นเขาแล้ว เราก็ได้มีโอกาสล่องเรือชมเมืองบูดาเปรสต์ใน version น้ำๆกันบ้าง
โถ โถ เปียกฝนไม่พอ เนี่ยจะต้องมาลงเรือเปียกน้ำอีก แต่พอได้ขึ้นเรือก็รู้สึกดีค่ะ เรือเขาเป็นเรือกระจกรอบลำ และพอนั่งที่เขาก็จะมีมาถามว่าเราจะรับเครื่องดื่มอะไร ไกค์บอกว่าขาไปเขาให้เราเลือก แต่ขากลับเขาเลือกให้เรา ด้วยความที่รสชาดน้ำส้มที่นี่เปรี้ยวมาก โอ๊ดก็เลยเลือกโคคา โคล่าแทน ซึ่งปกติไม่ดื่มน้ำอัดลม แต่โค้กบ้านเขาอร่อยดีค่ะ ไมซ่าดี ตรงที่นั่งแต่ละที เขาจะมีหูฟัง และกล่องๆ ให้เรากดเลือกภาษาที่เขาจะบรรยายประวัติความเป็นมาต่างๆของสถานที่ที่เราจะนั่งเรือผ่าน แต่ขอติอย่างแรงค่ะว่าภาษาไทยเขาแย่มาก แบ่งวรรคตอนไม่ค่อยถูก แถมคนพากย์ก็เสียงแข็งกว่าถ่องสะอีก