มาถามเพื่อนๆ คิดกันยังไง ... เวลาชอบอะไรหลายๆอย่าง
โดย peeranutt
peeranutt
#1
คือหัวข้อนี้คิดมานาน และเกิดกับตัวเองบ่อยมาก .... บางทีก็ เกิดอาการ งง กับชีวิตไปตามๆกัน

ต้องเกริ่นก่อน
คือเราเป็นคนที่บ้า กระเป๋าแบรนด์มาก
ในขณะเดียวกันก็ชอบเพชร
และสุดท้าย ก็ชอบนาฬิกา

ซึ้งนับเป็นความโชคร้ายมาก ด้วยรายได้อันน้อยนิด
กอปรกับ การเป็นแค่นักศึกษาแค่ปี 1
แต่สิ่งที่ดันไปหลงรัก แต่ละสิ่ง ไม่ธรรมดาเลย

บางที พอเก็บเงินได้หลักหมื่น
แน่นอน ซื้อเพชรเล็กๆพอได้ ซื้อกระเป๋า ก็ได้ อย่างนี้ก็ต้องตัดสินใจ อะไรดีกว่ากัน
หรือ จะเก็บเงินเพิ่มอีกนิด ก็อาจจะได้เพชรที่มหญ่ขึ้น

ถ้าได้เป็นหลักแสน
ก็จะเลือกไม่ถูก ระหว่างเพชรที่ใหญ่ขึ้นมา กับ นาฬิกาหรูๆ

พวกที่อยู่ในแวดวงสังคม
บางคน ก็ จะเอากันไปเลยข้างนึง แบรนด์ทั้งตัว
บางคน ออกเฉพาะงานนาฬิกา
บางคน ก็ ตู้เพชรมา
หลายๆคน ก็อาจจะ รักสามสิ่งพร้อมกัน ก็ไม่เป้นไร เพราะเค้ารวย และมีเงิน

แต่เราสิ ทำไมความโชคร้ายนี้มาเกิดขึ้นกับเรา แย่จริงๆ อิอิ ;);)

เพื่อนๆ เคยเป็นไหมครับ แล้วตัดสินใจ อย่างไร

โดยส่วนตัว เวลาซื้อของ ไม่เคยซื้อเพื่อการลงทุน
แต่ซื้อเพราะชอบ คิดว่า เสียเงิน แต่ได้ของ ก็โอเค
แต่ เสียบ่อยๆ+รายได้น้อย ก็ตายได้เหมือนกัน 555

สรุป คำถามคือ
ถ้าเพื่อนๆ พี่น้อง มีเงิน ในปริมาณที่สามารถซื้อ ของได้ สามอย่างที่กล่าวมาได้
แล้วเพื่อนๆ ก็เป็นคนชอบ รัก หลง ทั้งสามอย่าง
แต่ สามารถซื้อได้อย่างเดียว
จะเลือกซื้ออะไรหรอครับ เหตุผลคืออะไร
Kathy P
#2
เป็นอะไรที่แพงทั้งนั้นเลยค่ะ
ขนาดเคททำงานแล้วยังคิดแล้วคิดอีกเลยค่ะ
เวลาจะซื้ออะไรซักอย่าง
บางทีก็ต้องตัดใจค่ะ
แต่ถ้ามันตัดไม่ขาดถึงจะซื้อ
และไม่อยากรบกวนที่บ้านด้วยค่ะ(สำคัญมาก)

แต่คุณจขกท ยังอยู่ปี1
แต่ชอบของแพงแบบนี้
ก็ลองหางานพิเศษทำดูสิคะ
เผื่อได้เป็นช่องทางเพิ่มรายได้ค่ะ
เพราะสมัยเคทอยู่ปี1ก็ช่วยงานคุณแม่(ได้เงินค่าขนมเพิ่ม)




เป็นกำลังใจให้นะคะ
greenpark
#3
พี่ทำงานแล้ว ได้เงินมาจะซื้ออะไร ยังคิดแล้วคิดอีก เห็นของที่เพื่อนๆขาย ก็ดูทั้งวันกว่าจะตัดสินใจว่าซื้อไม่ซื้อดี เพราะกว่าจะได้เงินมามันเหนื่อยจริงจริ๊งงงงง อย่ามองคนที่สูกกว่าค่ะ เป็นสิ่งที่แฟนพี่บอกเสมอ คนที่ลำบากกว่าเรายังมีอีกเยอะ เราอาจจะมีความสุขมากกว่าคนที่รวยกว่าเราก็ได้ ใครจะรู้ ฉนั้น นกน้อยทำรังแต่พอตัวค่ะ :D
TEDDY07
#4
ต้องประหยัด อิอิ :D
peeranutt
#5
ขอบคุณครับบบ :o

คือ เราเองก็พยายามประหยัดนะ

ของทุกชิ้น เราก็คิดก่อนซื้อ แต่บางทีคิดเร็วไปนิด (ฮา)

บางทีเราก้อมองคนที่สูงกว่า อย่างที่ คุณ greenpark ว่าจริงๆ

ต้องเปลี่ยนตัวเองจริงจังซะแล้ว





ขอบคุณ ทุกความเห็นนะครับผม ต่อๆ มาได้เลยนะครับ อยากรับฟังมากมาย
wnonach
#6
แหมเนอะก็คนมันชอบอะนะ พี่เข้าใจน้อง peeranutt ค่ะแต่ก็อย่างที่พี่ๆข้างบนแนะนำนั้นละค่ะ พี่เองเริ่มกล้าซื้อเมื่อตอนมีงานทำและมีรายได้ที่แน่นอนแล้ว แต่ก็ไม่ได้ซื้อบ่อยๆนะคะ นานๆจะตัดใจซื้อสักอย่าง

ตอนนี้น้องยังเรียนอยู่แค่ปี 1 เอง ยังมีเวลาอีกเยอะมากๆที่จะหาเงิน พยายามเรียนให้เก่งและได้เกรดดีๆ น้องก็จะได้มีงานดีๆทำ แล้วตอนนี้เงินมันจะมาเอง อยากได้อะไรก็ซื้อไปเลยคร้า

พี่แนะนำให้น้องใจเย็นๆเวลาผ่านไปเร็วมากนะคะ แป้บๆก็ปี เดี๋ยวจบแล้ว และถ้าช่วงนี้อยากได้ก็ซื้ออะไรที่เราพอซื้อได้ไปก่อน แต่อย่าให้ตัวเองและคุณพ่อคุณแม่เดือดร้อน ถ้าเราอยากได้ของชิ้นนั้นจริงๆแล้วเงินยังไม่พอ เราก็ให้เวลาตัวเองประหยัดเงินค่าขนม หรือหางานพิเศษทำ พอได้ครบแล้วค่อยซื้อ มันจะทำให้น้องภูมิใจของชิ้นนั้นมาก และถ้าคุณพ่อคุณแม่น้องทราบ ท่านก็จะชื่นชมและปลื้มใจด้วยค่ะ ลองดูนะคะพี่ว่าน้องทำได้ค่ะ :p
chananant
#7
เท่าที่อ่าน น้อง จขกท ย้ำว่าซื้ออะไรไม่เคยคิดว่าเป็นการลงทุน แต่ซื้อเพราะชอบ

คือพี่ไม่ทราบว่าคำว่ารายได้น้อยนี่คือเท่าไหร่เลยแนะนำไม่ถูก เพราะน้อยของน้องอาจจะมากกว่าเงินของพี่ก็ได้เพราะพื้นฐานทางบ้านอาจจะฐานะดี แต่อยากให้เข้าใจว่ากระเป๋ากับนาฬิกาถือเป็นของฟุ่มเฟือยนะคะ หมายความว่าจะซื้อได้ก็ต่อเมื่อเรามีเงินเหลือมากพอ ถ้าน้อง จขกท รู้จักและรู้สึกว่าตัวเองรายได้น้อย พี่ว่าน้องไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะใช้ซื้อของฟุ่มฟือยได้น่ะค่ะ คนรวยหลายคนกว่าเค้าจะควักเงินซื้อนาฬิกาหรือกระเป๋าแพง ๆ เค้าก็คิดแล้วคิดอีกนะคะ

แนะนำอย่างนี้ละกันค่ะ คนที่พี่เคยเจอมี 3 ประเภท
1. เงินตัวเองน้อย แต่ที่บ้านรวย คนแบบนี้จะซื้อทุกอย่างที่อยากได้เพราะถือว่าถ้าเงินหมดก็ไปขอกงสีได้ เค้าก็ไม่เดือดร้อน แต่จะติดนิสัยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่ยังมีเงินกงสี เงินกงสีหมดเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที
2. เงินตัวเองน้อย ที่บ้านไม่รวย แต่ก็ซื้อทุกอย่างที่อยากได้ไปเรื่อย พอถึงวันที่ต้องใช้เงินขึ้นมา พวกนาฬิกา กระเป๋าที่ซื้อมาเพราะใจรักต้องตัดใจขายสุด ๆ ทั้ง ๆ มูลค่าเหลือไม่ถึงครึ่งเพราะเดือดร้อนต้องใช้เงินจริง ๆ
3. เงินตัวเองน้อย ที่บ้านไม่รวย ซื้อนาฬิกาที่ชอบที่สุดปีละเรือน ซื้อกระเป๋าที่ชอบที่สุดปีละใบ เงินส่วนใหญ่หมดไปกับเพชร ถึงเวลาเดือดร้อนต้องใช้เงิน ขายเพชรถูกหักค่าเสื่อม 10% ได้เงินก้อนใหญ่มาและยังมีนาฬิกาใส่ มีกระเป๋าแบรนด์หิ้ว

ทีนี้น้อง จขกท ลองเลือกดูค่ะว่าอยากอยู่ข้อไหน

ปล. เพิ่งได้อ่านหนังสือแพรวเล่มล่าสุด มีสัมภาษณ์เศรษฐีรวยติดอันดับของโลก หนึ่งในนั้นมีเจ้าสัวกระทิงแดงรวมอยู่ด้วย (ขออภัยที่จำชื่อท่านไม่ได้ จำได้แต่ว่านามสกุล อยู่วิทยา) ท่านบอกว่า "การใช้เงินซื้อสิ่งใดอย่างไม่คิด อาจทำให้เราต้องขายสิ่งที่ต้องการที่สุดไป"
pachcha
#8
Originally Posted by 69
เท่าที่อ่าน น้อง จขกท ย้ำว่าซื้ออะไรไม่เคยคิดว่าเป็นการลงทุน แต่ซื้อเพราะชอบ

คือพี่ไม่ทราบว่าคำว่ารายได้น้อยนี่คือเท่าไหร่เลยแนะนำไม่ถูก เพราะน้อยของน้องอาจจะมากกว่าเงินของพี่ก็ได้เพราะพื้นฐานทางบ้านอาจจะฐานะดี แต่อยากให้เข้าใจว่ากระเป๋ากับนาฬิกาถือเป็นของฟุ่มเฟือยนะคะ หมายความว่าจะซื้อได้ก็ต่อเมื่อเรามีเงินเหลือมากพอ ถ้าน้อง จขกท รู้จักและรู้สึกว่าตัวเองรายได้น้อย พี่ว่าน้องไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะใช้ซื้อของฟุ่มฟือยได้น่ะค่ะ คนรวยหลายคนกว่าเค้าจะควักเงินซื้อนาฬิกาหรือกระเป๋าแพง ๆ เค้าก็คิดแล้วคิดอีกนะคะ

แนะนำอย่างนี้ละกันค่ะ คนที่พี่เคยเจอมี 3 ประเภท
1. เงินตัวเองน้อย แต่ที่บ้านรวย คนแบบนี้จะซื้อทุกอย่างที่อยากได้เพราะถือว่าถ้าเงินหมดก็ไปขอกงสีได้ เค้าก็ไม่เดือดร้อน แต่จะติดนิสัยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่ยังมีเงินกงสี เงินกงสีหมดเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที
2. เงินตัวเองน้อย ที่บ้านไม่รวย แต่ก็ซื้อทุกอย่างที่อยากได้ไปเรื่อย พอถึงวันที่ต้องใช้เงินขึ้นมา พวกนาฬิกา กระเป๋าที่ซื้อมาเพราะใจรักต้องตัดใจขายสุด ๆ ทั้ง ๆ มูลค่าเหลือไม่ถึงครึ่งเพราะเดือดร้อนต้องใช้เงินจริง ๆ
3. เงินตัวเองน้อย ที่บ้านไม่รวย ซื้อนาฬิกาที่ชอบที่สุดปีละเรือน ซื้อกระเป๋าที่ชอบที่สุดปีละใบ เงินส่วนใหญ่หมดไปกับเพชร ถึงเวลาเดือดร้อนต้องใช้เงิน ขายเพชรถูกหักค่าเสื่อม 10% ได้เงินก้อนใหญ่มาและยังมีนาฬิกาใส่ มีกระเป๋าแบรนด์หิ้ว

ทีนี้น้อง จขกท ลองเลือกดูค่ะว่าอยากอยู่ข้อไหน

ปล. เพิ่งได้อ่านหนังสือแพรวเล่มล่าสุด มีสัมภาษณ์เศรษฐีรวยติดอันดับของโลก หนึ่งในนั้นมีเจ้าสัวกระทิงแดงรวมอยู่ด้วย (ขออภัยที่จำชื่อท่านไม่ได้ จำได้แต่ว่านามสกุล อยู่วิทยา) ท่านบอกว่า "การใช้เงินซื้อสิ่งใดอย่างไม่คิด อาจทำให้เราต้องขายสิ่งที่ต้องการที่สุดไป"


เห็นด้วยมากๆค่ะ

ส่วนตัวเท่าที่เคยเห็นนะคะ ส่วนมากคนที่ซื้อทุกอย่างที่อยากได้โดยไม่คิดเลย เพราะเงินที่ใช้ไม่ได้หามาด้วยตัวเองเลยไม่ค่อยเห็นคุณค่าค่ะ

ปล.ท่านเจ้าสัวกระทิงแดงเป็นบุคคลหนึ่งที่น่านับถือมากๆๆๆค่ะ
ดูกระทู้ทั้งหมดในชุมชน จาก  Downtown ดูกระทู้ในหมวด ดูกระทู้ในหมวดย่อย
กระทู้แนะนำจากการคัดเลือกอัตโนมัติ
1
2
3