ถึงคนที่แต่งงานแล้วและยังไม่ได้แต่งงาน....
โดย Phicha_pk
Phicha_pk
#1
เรื่องนี้พอพิอ่านแล้วกินใจดีค่ะ เลยนำเอามาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน...
((ขอบคุณเครดิตจากเว็บบทความดีๆด้วยจ้า...))

"เมื่อเธอต้องการหย่าขาดจากชั้นไป....
เธอควรเป็นคนที่จูงมือชั้นออกไป "

ในวันแต่งงานของผม ผมจูงมือภรรยาของผมในอ้อมแขน
รถแต่งงานจอดหน้าที่พักของเรา
เพื่อนเจ้าบ่าวบอกผมว่า ผมควรจะอุ้มเธอเข้าไปในบ้าน
ดังนั้นผมจึงทำตาม
เธอเขินอายในอ้อมแขนผม

ผมช่างเป็นเจ้าบ่าวที่มีความสุขที่สุดในโลก...
นี่เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วสิบปี... ในวันถัดๆ มาทุกอย่างก็เหมือนเดิม

เรามีลูกด้วยกัน...ผมทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะหาเงินมาจุนเจือครอบครัว...
เมื่อเราเริ่มมีฐานะที่ดีขึ้น...
ความห่างของเราก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน...
ทุกๆเช้าเราออกจากบ้านไปด้วยกันแล้วก็ถึงบ้านเวลาเดียวกัน
ลูกเราเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้าน
ดูเหมือนความรักของเราช่างน่าอิจฉายิ่งนัก...

แต่แล้ว
ความสงบสุขก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างมิได้คาดหมาย....

เจนเข้ามาในชีวิตของผม .... ผมยืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน...
เจนเข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลัง..
หัวใจผมเต้นแรงด้วยความรัก...

ที่นี่...เป็นคอนโดที่ผมซื้อให้เธอ...
เธอบอกว่า คุณเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทุกคน ถวิลหา...

คำพูดของเธอทำให้ผมนึกถึงภรรยาผม...
ตอนที่เราแต่งงานกันใหม่ ๆ ..เธอบอกว่า
วันที่คุณประสบความสำเร็จ
ผู้ชายอย่างคุณจะมีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้ามาหา...

ผมเริ่มรู้สึกลังเล...
ผมรู้ว่าผมกำลังทรยศภรรยาผม...
แต่ผมก็ได้ทำลงไปแล้ว....
ผมปลีกตัวออกจากเจน "
วันนี้คุณไปเลือกเฟอร์นิเจอร์เองแล้วกันน๊ะ
ผมต้องเข้าออฟฟิศ " ...
แน่นอน... เธอไม่ค่อยพอใจนัก เพราะผมสัญญากับเธอว่าเราจะไปด้วยกัน...

ในตอนนั้น...ความรู้สึกถึงการหย่าร้างเริ่มวิ่งเข้ามาในความคิดของผม....
ทั้งที่จริงๆแล้วผมไม่เคยมีความคิดแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่ผมก็พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะบอกกับภรรยาของผม....
ไม่ว่าผมจะพูดกับเธอดีสักเพียงใด...
เธอจะต้องเจ็บปวดใจอย่างแน่นอน...
จริง ๆ แล้วเธอเป็นภรรยาที่ดีมาก...
ทุกๆ เย็นเธอจะวุ่นวายกับการทำอาหาร..ในขณะที่ผมนั่งอยู่หน้าทีวี ทานอาหารเสร็จเราก็นั่งดูทีวีด้วยกัน...
หรือ... ถ้าผมจะเลือกเป็น...นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์....
มองเรือนร่างอันงดงามของเจน...
ช่างเป็นอะไรที่หน้าฝันถึงเสียจริง

วันนึงผมพูดทีเล่นทีจริงกับภรรยาของผมว่าจะเธอจะทำยังงัยถ้าเราหย่ากัน...
เธอจ้องมองผมอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน...และเธอก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร..
เธอมั่นใจว่าการหย่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวเธอมาก...
ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าหากเธอรู้ว่าเรื่องที่ผมกำลังพูดอยู่นั้นเป็นเรื่องจริง... เธอจะเป็นอย่างไร

วันนึงภรรยาผมมาที่ออฟฟิศ...สวนทางกับเจนที่เพิ่งจะออกไปพอดี...
พนักงานทุกคนทำหน้าตาเลิกลัก... เหมือนกำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างจากเธอ....
เธอเหมือนจะรับรู้มันได้... แต่เธอก็ยิ้มน้อย ๆกับพนักงานทุกคน....
แต่ผมก็สังเกตุเห็นแววตาที่เจ็บปวดของเธอภายใต้รอยยิ้มนั้น

ในที่สุด...เจนก็บอกกบผมว่า...หย่ากับเธอน๊ะ..แล้วเราอยู่ด้วยกัน..ผมพยักหน้า....

ผมจะลังเลอีกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว....ผมตัดสินใจบอกภรรยาผมในอาหารค่ำ..
ผมมีอะไรจะบอกคุณ... เธอนั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ...
ผมสังเกตุเห็นแววตาอันเจ็บปวดของเธอ...มันทำให้ผมพูดในสิ่งที่ผมต้องการพูดไม่ออก..
แต่ท้ายที่สุดผมก็พูดออกไป...

ผมต้องการหย่า...

เธอดูไม่ตกใจกับสิ่งที่ผมเพิ่งจะพูดออกไปเลย...
ผมย้ำกับเธออีกครั้ง...เธอเขวี้ยงตะเกียบในมือทิ้ง...
แล้วตะโกนใส่หน้าผมว่า..คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย...เราไม่ได้คุยกันอีกเลยคืนนั้น...

เธอร้องไห้อย่างหนัก...

ผมรู้ว่าเธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตแต่งงานของเรา...
แต่ผมเองไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้...เป็นเพราะใจผมได้ให้เจนไปหมดแล้วงั้นเหรอ...
ผมคงไม่สามารถบอกเธออย่างนั้นได้..มันจะทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก...

ผมร่างสัญญาการหย่าร้างขึ้น...ระบุว่า..เธอเป็นเจ้าของบ้าน...
ทุกๆ อย่างในบ้าน ทั้งรถ... หุ้นบริษัท 30% ผมยกให้เธอหมด....

เธอเหลือบมองกระดาษที่ผมร่างขึ้นแล้วฉีกมันทิ้ง...
มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น...
ผู้หญิงที่ผมอยู่ด้วยมาเป็นระยะเวลาสิบปีกลายเป็นคนแปลกหน้ากันภายในหนึ่งวัน...
ผมไม่สามารถคืนคำที่ผมพูดไปได้...

เธอร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างที่สุด...
สำหรับผมแล้ว...การร้องไห้ของเธอเหมือนเป็นการปลดปล่ยยความสับสนของตัวผมเอง...

หลังจากที่ผมกลุ้มใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ของผม..ในที่สุด...มันก็เป็นรูปธรรมขึ้นมาจริงๆ เสียที

คืนนั้น...ผมกลับถึงบ้านค่อนข้างดึก...
เห็นเธอเขียนอะไรบางอย่างบนโต๊ะ..ผมหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความเพลีย...
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีแล้วพบว่า...

เธอเขียนเงื่อนไขการหย่าร้างว่าเธอไม่ต้องการสิ่งใดจากผม...
แต่เธอต้องการให้ผมให้เวลาเธอหนึ่งเดือนเพื่อตั้งตัวสำหรับการหย่า...
และในช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือนนั้นทุกอย่างต้องดำเนินไปตามปกติ...
ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอต้องการให้ลูกจบการศึกษาซึ่งกำลังจะมาถึงเสียก่อน..
เธอไม่อยากให้ลูกต้องเห็นความล้มเหลวในการแต่งงานของพ่อแม่ก่อนเวลานั้นจะมาถึง...

รัชต์..คุณจำได้มั๊ย...วันที่เราแต่งงานกัน...คุณประคองชั้นไว้ในอ้อมกอดในวันที่เราเข้าเรือนหอ..
ผมพยักหน้า..นั่นเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของชั้น...

ชั้นมีเรื่องขอร้อง...
ชั้นอยากให้คุณประคองชั้นไว้ในอ้อมกอดจากห้องนอนไปถึงด้านล่างทุกวันนับจากวันนี้ไปจนถึงวันที่เราต้องแยกจากกัน
ผมยอมรับด้วยความเต็มใจ...ผมรู้ดีว่า เธอคิดถึงวันดีๆ เหล่านั้น...
และเธอต้องการให้ชีวิตการแต่งงานเธอจบลงด้วยความทรงจำที่ดี

ผมบอกเจนถึงเงื่อนไขที่ภรรยาผมตั้งขึ้นในการหย่าร้าง...
เธอหัวเราะถึงความไร้สาระของเงือนไข....
ภรรยาผมบอกกับผมว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม...เธอจะต้องยอมรับผลของการหย่าร้างให้ได้...

คำพูดของเธอทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง....

เราไม่ได้ถูกต้องตัวกันเลยนับแต่วันที่ผมขอเธอหย่า...ความจริงเหมือนจะเป็นคนแปลกหน้าต่อกันด้วยซ้ำไป...

พอถึงวันที่ผมประคองเธอลงจากห้องวันแรก...มันจึงทำให้ผมทำตัวไม่ถูก...
ลูกชายเราตบมือแล้วพูดด้วยความดีใจว่า

ว้าว...วันนี้พ่ออุ้มแม่ลงจากห้องด้วย....มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น......
เธอบอกว่าอย่าบอกลูกเราถึงเรื่องของเรา...ผมพยักหน้า...ด้วยความรู้สึกผิดอย่างเต็มเปี่ยม...
ผมขับรถไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์..แล้วเลยไปออฟฟิศ

วันถัดมา...ความรู้สึกขัดเขินเริ่มน้อยลงไป...เธอซบบนอกผม...
เราใกล้ชิดกันมากจนผมได้กลิ่นน้ำหอมของเธอ...
ผมถึงได้ตระหนักว่า....เธอไม่ใช่เด็กสาวอีกต่อไปแล้ว...เธอเริ่มมีริ้วรอยบนใบหน้ามากขึ้น

ในวันที่สาม...เธอกระซิบบอกผมว่าสวนกำลังรื้ออยู่ให้เดินระวังด้วย...

ในวันที่สี่...มันช่างเหมือนกับว่าเราเป็นคู่รักที่หวานชื่นมาก...ภาพของเจนเริ่มเลือนลางไป...

วันที่ห้าและหก..เธอคอยเตือนผมในเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่นเธอวางเตารีดไว้ที่ไหน..
ผมควรจะระวังอะไรบ้างตอนทำอาหาร...และอื่นๆ อีกมากมาย...
ความสนิทสนมของเราเพิ่มมากขึ้นทุกที...ผมไม่ได้บอกเจนถึงเรื่องนี้เลย...
ผมรู้สึกว่าผมอุ้มเธอง่ายขึ้นทุกวันโดยไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเธอเลย...

หรือบางทีคงเป็นเพราะผมแข็งแรงขึ้น...แต่แล้วผมก็พบว่ามันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด...
เป็นเพราะว่าเธอผอมลงจนไม่สามารถใส่เสื้อผ้าเดิมได้..นั่นต่างหากที่ทำให้ผมอุ้มเธอได้ง่ายขึ้น
ผมรู้ดีว่าเธอพยายามซ่อนความขมขื่นเอาไว้...
ลูกของเราร้องขึ้นว่า พ่อได้เวลาอุ้มแม่แล้วน๊ะ...
สำหรับลูกแล้ว...การได้เห็นพ่ออุ้มแม่เป็นภาพที่เขามีความสุขที่สุด....
เธอเอื้อมมือไปกอดลูกไว้แน่น...ผมทนมองภาพนั้นไม่ได้จริง ๆ
ผมกลัวว่าผมจะเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย

และแล้ววันสุดท้ายก็มาถึง....ผมอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอด...เท้าผมแทบจะก้าวไม่ออก......เธอบอกกับผมว่า...

ความจริงแล้ว...ชั้นอยากให้คุณอุ้มชั้นไปจนเราแก่เถ้า...ผมกอดเธอแน่น...และผมก็ตระหนักว่า..
ชีวิตคู่ของเราขาดการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน...ผมขึ้นรถทันทีเพื่อจะไปยังจุดหมายใหม่..
ผมลังเลเล็กน้อย..

แต่ในที่สุดแล้ว..ผมก็มาพบเจนจนได้....เธอเปิดประตูออก...ผมบอกเธอว่า
เจน..ผมขอโทษ...ผมจะไม่หย่า....เธอมองหน้าผม แตะหน้าผากผม.. คุณสบายดีหรือเปล่า
เจน...ผมขอโทษ...ผมขอโทษจริง ๆ...ผมจะไม่หย่ากับภรรยาผม...
ชีวิตการแต่งงานของเราน่าเบื่อมันเป็นเพราะผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กน้อย...
ผมขาดการเอาใจใส่ในตัวเธอ....มันไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้รักกัน....
ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว....ว่าตั้งแต่วันที่ผมอุ้มเธอเข้าบ้าน...เธอมีลูกให้ผม...ผมควรจะประคองเธอไปจนแก่...
เจนตบหน้าผมอย่างแรงและกระแทกประตูใส่ผม....

ระหว่างทางกลับบ้านผมแวะร้านดอกไม้....
พนักงานขายดอกไม้ถามว่าจะเขียนว่าอะไร....ผมให้เธอเขียนว่า...ผมจะอุ้มคุณทุกเช้าจนกว่าเราจะแก่เฒ่า....;);)
pepsi5510
#2
อ่านแล้ว ดีมากครับ..
ขอบคุณในบทความที่นําเสนอนะครับ....
;););)
wawe
#3
ขอบคุณคุณPhicha_pk พี่ผ่านเวลานั้นมา ร่วมสามสิบปีแล้ว การมีชีวิตคู่อย่ามองข้ามสิ่งเล็ก ๆ น้อย แต่อย่าคิดเล็กคิดน้อยค่ะ
ple15
#4
[SIZE="5"]อ่านแล้วซึ้งมากๆๆเลยค่ะ ขอบคุณมากๆๆนะคะที่นำบทความดีๆๆมาให้อ่านค่ะ
Ohh
#5
อ่านกี่ทีๆ ก็ซึ้งค่ะ อ่านแล้วน้ำตาคลอทุกทีเลยย.ยยย

ขอบคุณมากๆค่า สำหรับบทความดีๆแบบนี้ :p
PaNgiE
#6
อ๊าก ซึ้งน้ำตาคลอเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะค้า
story2lady
#7

:D เป็นเรื่องไกล้ตัวที่ดูทุกคนคาดไม่ถึงเลยจริงๆ อ่านแล้ว น้ำตาคลอเลย ขอบคุณ คุณ จขกท มากๆเลยนะคะ :D ซึ้งมากๆจริงๆ

greenpark
#8
ขอบคุณสำหรบข้อคิดดีๆค่ะ แฟนเราคงอุ้มเราไม่ไหว ต้องออกแนวลากลงบันได อิอิ :D อ่านแล้วซึ้งดีจัง
due
#9
เคยอ่านแล้วครั้งนึง แต่พอได้อ่านอีก กลับรู้สึกซึ้งใจมากกว่าครั้งแรกอีกอ่ะ
แล้วก็ยังรู้สึกว่า คุณภรรยาเป็นคนที่ฉลาด มีความอดทน และมีสติมากๆๆๆๆ!
การตั้งสติและยอมรับความจริงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าเรารับความจริงได้
เราก็จะอยู่กับความจริง(ที่โหดร้ายได้) แล้วก็อาจจะสามารถเปลี่ยนเหตุการณ์ร้าย
ให้ดีขึ้นได้มากกว่าการตึโพยตีพาย
ขอบคุณคุณPhicha_pkมากๆเลยค่ะ
Papae
#10
อ่านแล้วน้ำตาคลอเลยค่ะ ซี้งมากๆ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะคะ
nuanniee
#11
ซึ้งมากเลยอ่ะค่ะ
อ่านแล้วทำให้เข้าใจอะไรๆได้มากขึ้น
ladykaty
#12
ชอบมากค่ะ ขอบคุณนะคะ ขอให้ทุกคนมีความรักที่ดีค่ะ
nokkati
#13
Originally Posted by Papae
อ่านแล้วน้ำตาคลอเลยค่ะ ซี้งมากๆ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะคะ




ใช่ค่ะ สงสารคุณภรรยาหลวงมาก ตอนวันสุดท้ายในหนึ่งเดือนนั้น ที่คุณสามีเค้าอุ้มภรรยาและภรรยาพูดว่า "ฉันอยากให้คุณอุ้มฉันอย่างนี้ไปจนแก่เฒ่า" เศร้าจังเลย ดีใจที่ผู้ชายคิดได้นะคะเนี่ย
TEDDY07
#14
ขอบคุณมากๆเลยจ๊ะ ขอบประโยคนี้มากจังเลยที่ว่า "ผมจะอุ้มคุณทุกเช้าจนกว่าเราจะแก่เฒ่า" :D
Phicha_pk
#15
ขอบคุณและดีใจที่เพื่อนๆทุกคนสละเวลาเข้ามาอ่านนะคะ ตอนแรกก่อนเอามาลงยังคิดว่าจะมีใครอ่านไหมเนี่ย...เพราะดูแล้วมันยาวจัง :rolleyes::rolleyes: แต่ก็เห็นว่ามันมีข้อคิดดีๆเลยอยากให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ขอบคุณทุกคนเช่นกันค่ะ :D:D
noinoi5
#16
อ่านกี่ที่..กี่ที...ก็ซึ้งค่ะ...แต่มันไม่ทันแล้วสำหรับชีวิตคู่ของเรา.....

ขอบคุณเจ้าของกระทู้นะคะที่เอาความรู้สึกดีดีมาแบ่งปันกัน
yai_625
#17
อ่านแล้วซึ้งน้ำตาคลอเหมือนกันค่ะ
เคยอ่านเจอว่าชีวิตคู่นะอยู่ด้วยกัน
ให้กอดกันทุกวันให้สัมผัสกัน
แล้วจะได้ไม่รู้สึกห่างเหินค่ะ
mamee
#18
ขอบคุณมากนะคะ
amm
#19
อ่านทุกที ก็น้ำตาซึมทุกที เป็นบทความที่ดีมากๆค่ะ สามีเราคงอุ้มเราไม่ไหว ^^" แต่แค่ได้อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าก็คงสุขที่สุดแล้ว
yainong
#20
ซึ้งมากค่ะ น้ำตาคลอ
AnnAnnAntz
#21
อ่านกี่ทีก็น้ำตาไหล
อยู่ใกล้กัน..ยิ่งใกล้กัน..ยิ่งเคยชิน..จนลืมอะไรไปว่าผ่านอะไรกันมาบ้าง
ขอบคุณที่นำมาให้อ่านอีกรอบ
เพื่อเป็นการเตือนสติอีกหน
..ขอบคุณค่ะ..

organ_kaviya
#22
ขอบคุณค่ะ อ่านแล้วน้ำตาไหล ชอบคำพูดนี้มาก
.ผมจะอุ้มคุณทุกเช้าจนกว่าเราจะแก่เฒ่า....
PrimmRose
#23
อ่านแล้วอยากร้องไห้จริงๆ:( อยากบอกสามีให้อุ้มเหมือนกัน แต่กลัวเขาหลังหัก:rolleyes:
Phicha_pk
#24
ขอบคุณและดีใจจังค่ะที่เพื่อนๆชอบ พิมีอีกอันดีเหมือนกันเลยค่ะ เดี๋ยวรอให้โพสได้ก่อนนะจะรีบโพสเลยค่ะ เพราะอันนั้นก็เป็นอีกอันที่พิไปอ่านเจอมานานแล้ว...อ่านแล้วชอบมากๆเลยเซฟไว้เพื่ออ่านแล้วอ่านอีก จะได้เตือนสติตัวเองอ่ะค่ะ
ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆมากกกกกกกกกกกกกกก ค่ะ ;);)
organ_kaviya
#25
อ่านกี่ที กี่ที ก้อซึ้งจับใจ
wnonach
#26
สุดซึ้งเลยค่ะ อ่านแล้วน้ำตาไหล เป็นข้อคิดที่ดีมากนะคะ การความคุมสติสำคัญอย่างยิ่ง ขอบคุณ คุณพิ มากที่นำสิ่งดีๆมาฝากกันค่ะ
titled
#27
อ่านแล้วแอบเหนื่อยๆและจิตตกกลัวไม่มีใครอยู่ด้วยตอนแก่ 55
ขอบคุณครับ สำหรับสิ่งดีๆที่นำมาให้อ่าน
ดูกระทู้ทั้งหมดในชุมชน จาก  Downtown ดูกระทู้ในหมวด ดูกระทู้ในหมวดย่อย
กระทู้แนะนำจากการคัดเลือกอัตโนมัติ
1
2
3