ขอบคุณรูปจาก http://juicing-for-health.com/health-benefits-of-spirulina-and-chlorella.html
คลอเรลล่า คือ พืช เซลล์เดียว ที่อาศัยอยู่ในน้ำจืด (สาหร่าย) (อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับ คลอเรลล่า คลิ๊กที่นี่) ที่อัดแน่นไปด้วย สุดยอด Single Cell Protein คุณภาพสูง ครบทุกชนิด ที่ร่างกายต้องการ มากถึง 60-70% ของน้ำหนักตัว!!! (อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับ สารอาหาร Single Cell Protein ในคลอเรลล่า คลิ๊กที่นี่)
รู้หรือไม่???
Single Cell Protein เป็นโปรตีน ที่ผลิตมาจากสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่มีขนาดเล็กใกล้เคียงกับเซลล์ของร่างกายของเรา โปรตีนที่ผลิตได้จึงเป็นโปรตีน ที่มีขนาดเล็ก พอที่เซลล์ของร่างกายเรา สามารถนำไปใช้ได้ได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านการย่อย ก้อนโปรตีนขนาดใหญ่ จนกลายเป็น ขนาดเล็กสุด จนเป็นที่มา ของการ "ขาดโปรตีน ระดับเซลล์" ซึ่งมีสาเหตุจากการไม่สมบูรณ์นานับประการ ของการย่อยโปรตีนของร่างกาย จนทำให้ เซลล์ ไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ จากการขาดโปรตีนที่เปรียบเหมือนอะไหล่ในการซ่อมบำรุง และ ส่งผลสุดท้าย ให้ร่างกาย "เสื่อมเกินธรรมชาติ" อย่างรวดเร็ว และ พัฒนากลายเป็นโรคเรื้อรัง สิ้นหวัง ทางการแพทย์ ในที่สุด
อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับ สารอาหาร Single Cell Protein ในคลอเรลล่า คลิ๊กที่นี่
Single Cell Protein เป็นโปรตีน ที่ผลิตมาจากสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่มีขนาดเล็กใกล้เคียงกับเซลล์ของร่างกายของเรา โปรตีนที่ผลิตได้จึงเป็นโปรตีน ที่มีขนาดเล็ก พอที่เซลล์ของร่างกายเรา สามารถนำไปใช้ได้ได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านการย่อย ก้อนโปรตีนขนาดใหญ่ จนกลายเป็น ขนาดเล็กสุด จนเป็นที่มา ของการ "ขาดโปรตีน ระดับเซลล์" ซึ่งมีสาเหตุจากการไม่สมบูรณ์นานับประการ ของการย่อยโปรตีนของร่างกาย จนทำให้ เซลล์ ไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ จากการขาดโปรตีนที่เปรียบเหมือนอะไหล่ในการซ่อมบำรุง และ ส่งผลสุดท้าย ให้ร่างกาย "เสื่อมเกินธรรมชาติ" อย่างรวดเร็ว และ พัฒนากลายเป็นโรคเรื้อรัง สิ้นหวัง ทางการแพทย์ ในที่สุด
อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับ สารอาหาร Single Cell Protein ในคลอเรลล่า คลิ๊กที่นี่
จากหนังสือ
Chlorella, Jewel of the Far East (คลอเรลล่า อัญมณีแห่งตะวันออกไกล) โดย Dr. Bernard Jensen, Ph.D., D.O.
คลอเรลล่า ถูกค้นพบครั้งแรก เมื่อกว่าร้อยปีมาแล้ว และ มีความพยายาม จะนำสารอาหารภายในเซลล์ของคลอเรลล่า มาเป็นแหล่งโปรตีนหลักของมนุษย์ แต่ติดตรงที่ คลอเรลล่า มีผนังเซลล์ถึง 3 ชั้น ทำให้น้ำย่อยของมนุษย์ สามารถนำสารอาหารออกมาได้แค่ 20-40%
ขอบคุณรูปจาก http://www.tuberose.com/Chlorella.html
คลอเรลล่า พัฒนาสู่การเป็นอาหารเสริมอย่างจริงจัง หลังจาก มีการพบ ความสามารถในการล้างพิษ อย่างไม่มีอาหารเสริมตัวอื่นเทียบได้!!!
รู้หรือไม่???
ในยุคของการพัฒนาอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ได้มี ปรากฏการณ์ การรั่วไหล ของสารแคดเมียม ลงไปปนเปื้อนในแหล่งอาหาร จะทำให้มีผู้เสียชีวิต จากการได้รับแคดเมี่ยมเป็นจำนวนมาก (ปรากฏการณ์ โรค อิไต อิไต) ในขณะนั้น ได้มีการทดลองให้ผู้ป่วย รับประทานคลอเรลล่า ซึ่ง พบว่ามีส่วนช่วยในการกำจัดสารพิษประเภทโลหะหนัก และ ผลการทดสอบ ก็ออกมาชัด ว่าพบปริมาณแคดเมี่ยม ออกมาทางอุจจาระ ของผู้ป่วยที่ได้รับคลอเรลล่า ประกอบกับผู้ป่วย มีการการดีขึ้นชัดเจน ประเทศญี่ปุ่น จึงสามารถแก้วิกฤติ โรคอิไตอิไต โดยการใช้คลอเรลล่า ในการรักษาได้ ในตอนนั้น และเริ่มวิจัยคลอเรลล่าอย่างจริงจังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนในปัจจุบัน ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่บริโภคคลอเรลล่า มากที่สุดในโลก
ขอบคุณรูปจาก http://www.slideshare.net/yfd07336/japanese-experience-about-environmental-hazard
ในยุคของการพัฒนาอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ได้มี ปรากฏการณ์ การรั่วไหล ของสารแคดเมียม ลงไปปนเปื้อนในแหล่งอาหาร จะทำให้มีผู้เสียชีวิต จากการได้รับแคดเมี่ยมเป็นจำนวนมาก (ปรากฏการณ์ โรค อิไต อิไต) ในขณะนั้น ได้มีการทดลองให้ผู้ป่วย รับประทานคลอเรลล่า ซึ่ง พบว่ามีส่วนช่วยในการกำจัดสารพิษประเภทโลหะหนัก และ ผลการทดสอบ ก็ออกมาชัด ว่าพบปริมาณแคดเมี่ยม ออกมาทางอุจจาระ ของผู้ป่วยที่ได้รับคลอเรลล่า ประกอบกับผู้ป่วย มีการการดีขึ้นชัดเจน ประเทศญี่ปุ่น จึงสามารถแก้วิกฤติ โรคอิไตอิไต โดยการใช้คลอเรลล่า ในการรักษาได้ ในตอนนั้น และเริ่มวิจัยคลอเรลล่าอย่างจริงจังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนในปัจจุบัน ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่บริโภคคลอเรลล่า มากที่สุดในโลก
ขอบคุณรูปจาก http://www.slideshare.net/yfd07336/japanese-experience-about-environmental-hazard
แต่การผลิตคลอเรลล่า ให้สามารถเป็นอาหารเสริมได้นั้น จำเป็นต้อง
ขอบคุณรูปจาก http://www.hd-wallpapersdownload.com/desktop-new-nature-wallpapers-dowload/
1) มีสถานที่เลี้ยง ที่สะอาด ปราศจากมลพิษใดๆ (คลอเรลล่า จึงจะสามารถเป็นสุดยอดตัวช่วยกำจัดพิษ หากที่เลี้ยงมีมลพิษ คลอเรลล่า จะเป็นพิษเสียเอง)
ขอบคุณรูปจาก https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Retezat_Mountain_-_Spring_Waterfall_02.JPG
2) สถานที่เลี้ยง นอกจาก ต้องสะอาด ปราศจากมลพิษแล้ว แหล่งน้ำที่ใช้เลี้ยง มีแร่ธาตุอาหารที่เหมาะสม และ เพียงพอ เพื่อให้คลอเรลล่า สะสมสารอาหาร ที่จะมาเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเรา ได้มากที่สุด
ขอบคุณรูปจาก http://thescienceofeating.com/vegetables/benefits-of-chlorella/
3) นอกเหนือจากสถานที่เลี้ยงแล้ว ยังต้องมีกระบวนการผลิต ที่สามารถ ทำลายผนังเซลล์ของคลอเรลล่าได้ ก่อนจะนำมาเป็นอาหารเสริม เพื่อให้ร่างกายสามารถนำสารอาหารออกจากคลอเรลล่าได้อย่างเต็มที่ เมื่อรับประทานอาหารเสริม
ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.globalhealthlab.com/blogs/news/14218157-chlorella-superfood-for-vegan-rich-in-protein
การที่ต้องมีเงื่อนไขทั้งหมดนี้ จึงเป็นเรื่องยาก ในการพัฒนาคลอเรลล่า สู่การเป็นอาหารเสริม จึงทำให้คลอเรลล่า ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ทั้งๆที่ได้รับการขนาดนามว่าเป็น "Super Food"
แต่ในปัจจุบัน เราค้นพบผู้ผลิต ที่สามารถสร้างเงื่อนไข ในการผลิตอาหารเสริมคลอเรลล่า ได้อย่างสมบูรณ์สูงสุด จนเรากล้าพูดได้เต็มปาก ว่าเป็น "คลอเรลล่า เกรดพรีเมี่ยมที่สุดในโลก!!!"