[SIZE="5"]เรื่องมีอยู่ว่า น้องสาว(ญาติของโอ๋) สมมติว่าชื่อเอ เค้าเป็นหมอ กำลังจะเรียนจบ (เรียนต่อหลังจากที่จบปริญญาตรี) แล้วโรงพยาบาลที่เค้าทำงาน มีโครงการที่จะนำนักเรียนแพทย์ไปเหมือนว่าเรียน หรือดูงานที่ต่างประเทศ อันนี้โอ๋ไม่ค่อยแน่ใจ แต่รู้ว่าต้องไป 1 เดือนกับนักศึกษาคนอื่นๆ อีกประมาณ 10 คน แล้วเค้าต้องไปขอวีซ่า เพื่อที่จะได้ไป แต่เงินในบัญชีเค้ามีไม่เยอะ รวมถึงพ่อและแม่ของเค้าด้วย เค้ากลัวว่า จะไม่ได้วีซ่า เลยบอกให้โอ๋ช่วย โดยให้โอ๋ขอ Bank statement กับทางธนาคารที่โอ๋มีบัญชีอยู่ เพื่อที่จะให้เค้าเอา Bank statement ของโอ๋ ไปเป็นเอกสารในการยื่นประกอบการขอวีซ่า
เพื่อนๆ คิดว่า มันจะมีผลเสียอะไรบ้างอ่ะคะ แล้วอย่างนี้ เค้าเรียกว่าเป็นการค้ำประกันหรือเปล่า
แล้วถ้ามันมีเหตุที่ทำให้เค้าไปทำผิดกฎหมายในประเทศนั้นๆ มันจะส่งผลถึงโอ๋มั๊ย
ตอนนี้กำลังกังวลอ่ะ กลัวว่ามันจะมีผลกระทบมาถึงโอ๋
รบกวนเพื่อนๆ ที่พอจะทราบ ช่วยตอบหน่อยนะคะ
ขอบคุณค่า
อืมมม....
ประเทศที่เวลาขอวีซ่า แล้วเค้า require statement,Health(travel) Insurance หรือหนังสือรับรองการทำงาน /เงินเดือน หรือหนังสือจดทะเบียนแสดงความเป็นเจ้าของกิจการ
ส่วนใหญ่ เป็นการเพื่อให้แน่ใจว่า คุณมีสถานะทางการเงินที่ดีพอ มีหน้าที่การงาน
หรือธุรกิจในประเทศที่คุณมามั่นคง
จะไม่หลบหนีเพื่อเข้าไปอยู่ในประเทศเค้าแบบผิดกม. ไปแล้วไม่ยอมกลับ อยู่เลย อะไรงั้น
(ไปเป็นภาระแก่ประเทศเค้า ทั้งที่คุณไม่ใช่ประชาชนในประเทศที่เสียภาษีให้รัฐพัฒนาประเทศ
ยิ่งประเทศที่เจริญมาก รายได้หลักไม่ได้มาจากการท่องเที่ยว ยิ่งขอวีซ่ายาก(เช่น USA. , Canada)
ทีนี้ ในกรณีของน้องคุณโอ๋ ยังไม่เคยทำงาน ในแง่การขอวีซ่า เค้าจึงต้องแน่ใจว่า
ไม่ใช่จะไปหลบอยู่ทำงานทำที่เค้า ....ทีนี้ เค้าก็จะพิจารณาความสัมพันธ์ของเจ้าของ statement กะคนที่ไปด้วยน่ะค่ะ..ซึ่งถ้าไม่ได้สัมพันธ์กันมาก บางทีก็มีปัญหากับการขอวีซ่าเหมือนกัน
.แต่กรณีนี้ เข้าใจว่าน่าจะมีรพ.เป็นต้นเรื่องระดับหนึ่งแล้ว...
จะเสียหายอะไรมาถึงคุณโอ๋ไหม คิดว่าไม่....เพราะถ้าเค้าทำไรผิดกม.ที่นู่น ก็คงจะไล่เบี้ยมาที่ตัวเค้า ไม่เกี่ยวกับการที่จะมาถึง bank statement ของคุณโอ๋ ว่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับการต้องเอาเงินจำนวนนี้ไปรับผิดชอบ...ไม่ใช่ลักษณะเหมือนการค้ำประกัน แต่ถ้าเค้าให้เซ็นเป็นผูรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการอยุ่ที่นู่นด้วย (ถึงแม้ว่าในความจริงเค้าจะใช้เงินเค้าเอง) อันนี้อาจมีปัญหา
แฟนเราเคยไปเรียนที่แคนาดา ก็ต้องใช้ statementและหนังสือรับรองการจดทะเบียนธุรกิจของที่บ้าน รวมถึงจม.ที่บอกว่า ใครเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตที่นู่น
ก็ต้องใช้ statement คนนั้น
คุณโอ๋ลองเช็คกับสถานฑูตดูสิคะ ลองถามเค้าอ้อม ๆ ทำนองว่า เอ...แบบว่าไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ ใช้ statement ของเราได้มั้ย แล้วจริง ๆ มันจำเป็นแค่ไหนคะ บลา ๆ ...
ว่าแต่ว่า ไปประเทศไรคะ พอดีมีเบอร์สถานทูตประเทศต่าง ๆ ในไทยหลายแห่ง เผื่อเรามีจะส่งให้อ่ะค่ะ
จริงๆก็ไม่น่ามีผลนะคะเคยอ่านเจอที่พันทิปห้องไกลบ้าน เราเคยรับรองให้แต่น้องสาวแท้ๆนะ ถ้าไประยะสั้นรับรองได้ถ้าไม่ใช่ญาติสายตรงเคยทำที่ไทยพาณิชย์ใบละ200บาทระบุชื่อเจ้าของบัญชีและคนที่จะรับรอง
มันก้ไม่น่าจะมีปัยหานะคะ แต่สถานฑูตเค้าก็จะมองอีกแหละว่าเกี่ยวพันกันยังไง
แต่ไปแบบนี้น่าจะใช้เงินไม่มากนะคะคุณโอ๋ เหะๆ แล้วยิ่งเป็นการดูงาน ยิ่งง่ายหนัก
ปล. เราเคยขอแต่ไปเที่ยวแล้วใช้แค่ statement ตัวเอง ที่ก็ไม่ได้มีเงินเยอะซะขนาด ก็ผ่านมาทุกทีอ่ะ
คิดว่าไม่มีผลนะคะคุณโอ๋ แต่จริงๆเคยได้ยินว่าการมีเงินในบัญชีเยอะๆก็อาจไม่ได้วีซ่า เนื่องจากเค้ามองเหมือนกับว่าเราขายทรัพย์สินที่มีในประเทศนี้ เพื่อไปตั้งตัวในประเทศเค้ารึเปล่า ทางที่ดีมีประมาณ 2-3 แสนก็น่าจะพอค่ะ
ถ้าหน่วยงานราชการดูงานปกติหน่วยงานจะทำ passport ราชการ การขอ visa ไม่ใช้อะไรเลยนะคะ ยิ่งเป็นหมอด้วย ปกติกระทรวงสาธารณสุขดูแลดีนะคะ
น้องสะใภ้เราเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยรัฐ พานักศึกษาไปต่างประเทศก็ไม่เห็นมีปัญหานี้นะคะ ขนาดว่าไปญี่ปุ่นที่ว่าโหดสุดๆ
น้องกังวลมากไปหรือปล่าวคะ...
หนังสือรับรองจากหน่วยงานน่าจะสำคัญกว่านะคะ
ถ้าต้องทำ แบงค์การันตี จริงๆ ปรึกษาธนาคารถึงเงื่อนไขการครอบคลุม ความรับผิดชอบดีกว่า ปลอดภัยสำหรับเราและนิ่มนวลกับน้องด้วย
เอาใจช่วยทั้งพี่ทั้งน้องค่ะ
[SIZE="5"]ขอบคุณทุกๆ ความเห็นนะคะ เดี๋ยวจะลองปรึกษากับทางแบงค์ดู
1 ในสาเหตุที่มานั่งกังวลก็เพราะกลัวว่า ถ้ามี Blacklist เรื่องการค้ำประกันอะไรทำนองนั้นแล้ว...จะไปขอวีซ่าของบางประเทศไม่ได้อ่ะค่า แต่เท่าที่อ่านข้อความด้านบนแล้ว คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกันเท่าไร
อิอิ...กลัวอดไปเที่ยวอ่า:(
[SIZE="3"]ไม่มีปัญหาและไม่ผลกระทบต่อตัวสปอนเซอร์แน่นอนค่ะ แต่เวลาไปขออาจจะต้องยื่นหลักฐานแสดงความสัมพันธ์ด้วยว่าเกี่ยวข้องกันยังไง และต้องมีจดหมายรับรองจากสปอนเซอร์ด้วยว่าจะเป็นผู้รับชอบเรื่องค่าใช้จ่ายระหว่้างที่อยู่ประเทศนั้นๆค่ะ
ส่วนรับผิดชอบจริงไม่จริงนี่อีกเรื่องนึงค่ะ เพราะพอได้วีซ่ามา เขาก็ไม่สนใจแล้วล่ะ ส่วนเรื่องจำนวนเงินไม่มีผลค่ะ แต่ให้ครอบคลุมกับเวลาที่จะไปพักอยู่ประเทศของเขาด้วยเป็นดี
โอ๋จ๊ะ...พี่ว่าไม่น่าเป็นอะไรน๊า เพราะเพื่อนสนิทของพี่สาวพี่ก็เคยมาขอให้พ่อพี่ทำอะไรประมาณนี้ให้ ตอนที่เค้าไปเรียนต่อโทที่เมกาอะ ก็ไม่มีอะไรที่เราต้องรับผิดชอบต่อ เหมือนเค้าขอไปใช้เพื่อให้ได้ visa แต่พอได้แล้ว ไปใช้ชีวิตที่โน่น ก็เป็นการเริ่มต้นของเค้าเองใหม่อะ ไม่เกี่ยวกะเราแล้ว ;)
ไม่มีค่ะ
ตอนเราเป็นนักศึกษาแพทย์ ก็ไปแบนี้เหมือนกัน เดือนกว่า
ของเรา พ่อ แม่ เดินบัญชีให้
ส่วนมาก ก็ไม่เกี่ยวกะคนค้ำประกันอะไรเลยค่ะ แค่จะดูที่มาที่ไปของเราเฉยๆ
เรื่องเค้าไปทำผิดก็ไม่ส่งผลถึงเราแน่ค่ะ เพราะว่า คนละคนกัน แต่ถ้าทำผิดที่ต่างประเทศเค้าก็จะถูกพิจารณาด้วยกฏหมายตามประเทศนั้น ไม่เกี่ยวกับเราคนค้ำประกันอะไรเลยค่ะ
แต่ ไปประเทศอะไรเอ่ย
ไม่น่ามีปัญหาอะไรนะคะคุณโอ๋ Meesook ก็เคยให้ statement กับญาติแบบนี้เหมือนกันค่ะ (ญาติไปอเมริกา) แค่ต้อง declare ไปว่าเป็นอะไรกัน แล้วก็ออกจดหมายรับรองว่าเราเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของคนที่ขอวีซ่า
ส่วนถ้าจะมีเหตุอะไรเกิดขึน ก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับคนรับรองเงินมั้งคะ ไม่น่าจะมา black list สปอนเซอร์หรอกค่ะ
เข้ามาเก็บข้อมูลเพื่อเป็นความรู้ด้วยคนค่ะ ^^
ไม่น่าเป็นไรค่ะ
คุณพ่อเราให้ statement คนอื่นเวลาไปขอวีซ่าหลายคน บางคนไปเรียนแล้วไม่ยอมกลับมาก็ยังไม่เห็นเป็นปัญหาอะไรมาถึงคุณพ่อเราเลยค่ะ
แต่ในทางปฏิบัติระวังไว้ก็โอเคค่ะ เช่นถ้าญาติไม่ใช่เด็กเกเร ไม่ทำอะไรเสียหาย ส่วนมากก็ไม่มีอะไรมาถึงเราหรอกค่ะ:)