บุญ...ทาน...ของเราสมบูรณ์ไหม ?????
โดย hut2211
hut2211
#1
บุญทานของเราสมบูรณ์ไหม?

คราวนี้เราก็มาตรวจสอบตัวเองว่า ทานของเราได้ผลสมบูรณ์ไหม
เริ่มตั้งแต่ด้านจิตใจว่าเจตนาของเราดีไหม

เจตนานั้นท่านยังแยกออกไปอีกเป็น 3 คือ

๑. บุพเจตนาเจตนาก่อนให้ คือตั้งแต่ตอนแรก เริ่มต้นก็ตั้งใจดี
มีความเลื่อมใส จิตใจเบิกบาน และตั้งใจจริง แข็งแรงมีศรัทธมาก..

๒. มุญจนเจตนาขณะถวายก็จริงใจจริงจัง ตั้งใจทำ
ด้วยความเบิกบานผ่องใส มีปัญญา รู้เข้าใจ

๓. อปราปรเจตนา ถวายไปแล้ว หลังจากนั้น ระลึกขึ้นเมื่อไร
จิตใจก็เอิบอิ่มผ่องใส ว่าที่เราทำไปนี้ดีแล้ว ทานนั้นเกิดผลเป็น
ประโยน์ เช่น ได้ถวายบำรุงพระศาสนา พระสงฆ์จะได้มีกำลัง
แล้วท่านก็จะได้ปฏิบัติศาสนกิจ ช่วยให้พระศาสนาเจริญงอกงาม
มั่นคงเป็นปัจจัยให้สังคมของเราอยู่ร่มเย็นเป็นสุข
นึกขึ้นมาเมื่อไรก็เอิบอิ่มปลื้มใจ ท่านใช้คำว่า "อนุสรณ์ด้วยโสมนัส"

ถ้าโยมอนุสรณ์ด้วยโสมนัสทุกครั้งหลังจากที่ทำบุญไปแล้ว
โยมก็ได้บุญทุกครั้งที่อนุสรณ์นั่นแหละ คือระลึกขึ้นมาคราวไหน
ก็ได้บุญเพิ่มคราวนั้น

นี่คือเจตนา 3 กาล ซึ่งเป็นเรื่องสำหรับทายก

สำหรับปฏิคาหก คือผู้รับ ถ้าเป็นผู้มีศีล มีคุณธรรมต่าง ๆ มาก ก็ถือว่า
เป็นบุญเป็นกุศลมาก เพราะจะได้เกิดประโยชน์มาก เช่นพระสงฆ์ เป็น
ผู้ทรงศีล ทรงไตรสิกขา ท่านก็สามารถทำให้ทานของเราเกิดผล
งอกเงยออกไปกว้างขวาง เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
ช่วยให้ธรรมแผ่ขยายไปในสังคม ให้ประชาชนอยู่ร่มเย็นเป็นสุข
และดำรงพระศาสนาได้จริง

ส่วนไทยธรรม* คือวัตถุที่ถวาย ก็ให้เป็นของบริสุทธิ์ได้มาโดยสุจริต
สมควรหรือเหมาะสมแก่ผู้รับ และใช้ได้เป็นประโยชน์

*ไทยธรรม มาจากภาษาบาลีว่า เทยฺยธมฺม แปลว่า สิ่งที่จะพึงให้
หรือของที่ควรให้


ที่มา : "ก้าวไปในบุญ" พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)

hut2211
#2
สร้างบุญญาวาสนาบารมี

หลวงพ่อคำพอง ติสโส

มนุษย์ตกนรกหมกไหม้ เพราะความเบียดเบียน
เพราะความไม่เกรงกลัวต่อบาป
เพราะไม่ละอายต่อบาป
เพราะไม่รู้จักกาลไม่รู้จักเวลา
การเกิดเป็นคนมิใช่เป็นได้ง่าย ๆ
บุญกรรมของมนุษย์แต่งให้มนุษย์เกิด
จึงเป็นกัมมปัจจโย กรรมเป็นผู้ปรุงแต่ง
ให้เป็นหญิงเป็นชาย ขี้ริ้วขี้เหร่ ให้ยากจน และร่ำรวย


วิปากะปัจจโย เมื่อกรรมสร้างแล้ว ให้ผลแล้ว
ทำให้มนุษย์หูหนวกตาบอด
บ้าใบ้เสียจริตอดยากปากแห้ง
ขาดศรัทธา ขาดปัญญา
จะให้ตรัสรู้มรรคผลนิพพานก็ไม่ได้
เพราะนิสัยไม่มี วาสนาไม่มี
จำให้ทุกคนสร้างนิสัย สร้างวาสนา
สร้างปัญญา สร้างบารมี
ดุจการปลูกผลหมากรากไม้
ไม่เป็นหมากเป็นผลในวันนี้ ก็จะเป็นในวันพรุ่งนี้
หรือมะรืนนี้ หรือในวันต่อ ๆ ไป
การสร้างบุญญาวาสนาบารมีก็เหมือนกัน
ไม่บรรลุรู้แจ้งแทงตลอดในวันนี้
ในชาตินี้ก็จะเป็นอุปนิสัยเป็นปัจจัยในชาติหน้าภพต่อ ๆ ไป


___________

ที่มา...โพสท์ในลานธรรมเสวนา กระทู้ที่ 006081 โดยคุณ : ต๊ะ



hut2211
#3
อุณหภูมิของความสุข

อุณหภูมิองศาในชีวิตของเรา..
ก็เปรียบเหมือนอุณหภูมิของอารมณ์ต่าง ๆ...
ที่มีอยู่ในตัวของเรา..
บางครั้งก็สูง...บางครั้งก็ต่ำ..

อุณหภูมิในหัวใจของเราก็เช่นนั้น..
บางครั้งก็สุข..บางครั้งก็ทุกข์..

อุณหภูมิที่มีอยู่ในใจของเรา..
หากเปรียบเทียบกับอุณหภูมิองศาทั่ว ๆ ไป..
จะพบว่า..
อุณหภูมิที่สูง..จะทำให้เรารู้สึกร้อน..
อุณหภูมิที่ต่ำ..จะทำให้เรารู้สึกเย็น..

หากอุณหภูมิในหัวใจเรา..
ประกอบไปด้วย..
อุณหภูมิของความโลภสูง...
ก็จะทำให้ไฟคือความอยาก..เกิดขึ้นในหัวใจเรา..

ถ้าอุณหภูมิของความโกรธสูง..
ก็จะทำให้ไฟคือความโกรธ..เผาร้อนในหัวใจเรา..

และถ้าอุณหภูมิของความหลงสูง..
ก็จะทำให้ไฟคือความหลงผิด..ติดอยู่ในหัวใจเรา..

แต่ตรงกันข้าม..
หากอุณหภูมิในหัวใจของเรา..
ประกอบไปด้วย..
ความโลภ..ความโกรธ..ความหลง..
ต่ำลง..หรือลดน้อยลง..
ก็จะทำให้อุณหภูมิในหัวใจของเราเย็นลง..

อุณหภูมิของความสุขก็เช่นเดียวกัน..
หากเราใช้ธรรมะควบคุม..
ก็จะทำให้อุณหภูมิความทุกข์ของเราลดลง..

หากเกิดปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต..
เราต้องรู้จักที่ปรับเปลี่ยนอุณหภูมิองศาในหัวใจของเรา..
ให้ได้ระดับปกติกึ่งกลาง..แบบพอดี ๆ..
คือไม่ให้อุณหภูมิสูงจนเกินไป..
จนทำให้ใจรู้สึกร้อนรน..เป็นทุกข์..
หรือไม่ให้อุณหภูมิต่ำจนเกินไป..
จนทำให้ใจรู้สึกหนาวเหน็บ..เจ็บช้ำใจ..

แต่จงให้พยายามทำใจ..
ให้อยู่ระดับอุณหภูมิองศาปกติ..กึ่งกลาง..
และรู้จักวิธีทำใจให้เตรียมรับอารมณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น..
รู้เท่าทันอารมณ์..อย่างเข้าใจ..



บทความ...โดย..ชายน้อย..
PowerPlay
#4
[SIZE="4"]ขอบคุณค่ะ [SIZE="7"]คุณลุง
nita
#5
ขอบคุณมากๆค่ะคุณhut2211
เมจิ
#6
ขอบคุณนะคะสำหรับทความ:)
cartoon
#7
[SIZE="2"]อนุโมทนาด้วยนะคะ

บทความนี้ดีอีกแล้ว ชอบค่ะ
Meesook
#8
อนุโมทนาด้วยนะคะ

วันนี้อ่านยากนิดหน่อยแฮะ... แต่ก็ขอบคุณนะคะ...
ดูกระทู้ทั้งหมดในชุมชน จาก  Downtown ดูกระทู้ในหมวด ดูกระทู้ในหมวดย่อย
กระทู้แนะนำจากการคัดเลือกอัตโนมัติ
1
2
3