เมื่อมีคำถามว่า ‘คนเราเกิดมาทำไม’
ก็คงจะต้องบอกกับตัวเองแล้วล่ะว่า
เราเกิดมาเพื่อให้โลกนี้งดงามเพราะการทำหน้าที่ของเรา
โลกใบนี้จะเป็นอย่างไร...ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของผู้คนบนโลกนี้
ทุกคนมีส่วนในฐานะสมาชิกของโลกโลกจะร้าว...โลกจะแตก...
ก็ขึ้นอยู่กับผู้คนในสังคม ว่าพร้อมหรือพร่องในเรื่องของสติปัญญา
ดังนั้น จงอย่าปล่อยให้ชีวิตล่องลอยไปวันๆ อย่างคนที่ไร้ซึ่งสติปัญญา
การที่เรามีโอกาสได้เกิดมาแล้ว ก็เท่ากับว่าธรรมชาติเปิดโอกาสให้
เราได้พัฒนาจิตวิญญาณให้สูงขึ้น ถ้าเราช่วยกันดำรงชีวิตอย่างศานติ
มีย่างก้าวแห่งสติปัญญาในการดำเนินชีวิต เราก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำ
ให้โลกนี้งดงาม
เพราะการทำหน้าที่ที่มีสติปัญญาของผู้คนในสังคม โดยใช้ชีวิตอย่าง
ดูแลกัน เกื้อกูลกัน และแบ่งปันกัน เราจะแคร์ จะแชร์ และจะเคารพกัน
ในการทำหน้าที่มีชีวิตอย่างคนที่รู้ ตื่น และเบิกบาน
เจริญสติให้มาก
ลดความอึดอัด ขุ่นมัว คับข้อง ในใจของเราลง
และดำรงชีวิตของเราอย่างคนที่รู้ว่า การปฏิบัติขั้นพื้นฐานของเรา
ก็คือการไม่ทำให้ใครต้องเจ็บปวดเพราะเรา
เวลาที่เรารู้ว่าชีวิตของเราศักดิ์สิทธิ์ขึ้น เพราะไม่ทำให้ใครต้องปวดร้าว
นั้น เราจะสามารถยกมือไหว้ตัวเราเองได้
โลกใบนี้งดงามเพราะการทำหน้าที่ของเรา
‘คนเราเกิดมาทำไม’
อย่าเพียรข้องใจ อย่าเพียรถามในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเลย...
แต่กลับมาอยู่กับวันนี้...ที่จะทำให้อนาคตดีหรือร้ายก็ได้ดีกว่า
เพราะปัจจุบันขณะคือเวลาที่ประเสริฐสุด
และที่บอกว่าใครๆ ก็ไม่รักนั้น...ไม่เป็นไร...
คนอื่นไม่รัก...คุณก็รักตัวเอง....
และถ้าวันหนึ่งรู้สึกว่ารักตัวเองเป็นแล้ว...และอยากจะรักคนอื่น
บ้าง ก็จงมีความสุขที่ได้รักอย่ามัวทำตัวให้คนอื่นรัก เพราะมักทำได้ยากกว่า
ที่มา นิตยสารLisa
__________________
ธรรมะดี ๆ มีคุณค่าจาก พระไพศาล วิสาโล กับ “ฉลาดทำใจ”
ปัญหากับความสูญเสียในสภาวะการณ์มากมายของมนุษย์....
ปัญหากับความรู้สึก.. ไม่เป็นดั่งใจ................
ไม่ว่าอะไรจะเกิด..................................
ไม่ว่าจะเป็นความสูญเสียใด ๆ .........
ไม่ได้ดั่งใจ ขาดความยุติธรรม ถูกหมางเมิน กลั่นแกล้ง ใส่ร้าย
บอกเลิก อกหัก หย่าร้าง ใคร ๆ ก็ไม่รัก...................
ม า ก ม า ย เ กิ น จ ะ บ ร ร ย าย ............................
เมื่อใดก็ตามที่เราต่างรู้สึกไม่เป็นดั่งใจ...... นั่นก็หมายถึงจุดเริ่มต้น
ของความทุกข์ได้เกิดขึ้นกับตัวเรา...... อีกแล้ว !!
ไม่แปลกเลย..... ที่ทุกคน จะมีสภาวะอารมณ์ไม่พึงประสงค์เหล่านั้น....
ไม่แปลกอีกเหมือนกันถ้าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวกับสภาวะทางอารมณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น......
สำหรับผู้ใดก็ตาม....ที่รู้เท่าทันตามสภาวะทางอารณ์เหล่านั้น.....
ก็ขอแสดงความยินดีด้วย.......
เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นของความฉลาดทำใจที่มีประโยชน์ และ มีคุณ
ค่าต่อการดำรงชีวิตเราด้วยความสบายใจมากที่สุด
ท่านพุทธทาส......กล่าว และ สอนไว้ว่า.....
เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา
จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย
บางแง่คิดดี ๆ หลักธรรมน้ำงาม...
จาก พระไพศาล วิสาโล ที่อยากจะนำเสนอ เป็น ธรรมทาน.......
ฉลาดทำใจ... “ยามเพื่อนไม่รัก”
เพื่อนไม่รัก ก็อย่าไปโกรธ... อย่าไปตีโพย ตีพาย ว่าทำไมเค้าถึงทำ
อย่างนั้นกับเรา แต่ให้เรากลับมาทบทวนตัวเราเองจะดีกว่า... อย่าให้
ความเกลียดครอบงำในใจเราเด็ดขาด คิดถึงแต่สิ่งที่ดี ๆ ที่ทำให้เรา
รักกัน มองในแง่ดีของเค้า เห็นอกเห็นใจเขา แทนความเกลียดชัง
กับสิ่งที่เค้าหมางเมินกับเรา
เมตตากับเค้า และ นั่น คือ “กุญแจสำคัญของการคืนดี”
ฉลาดทำใจ... “ยามอกหัก”
อกหัก ไม่ได้หมายความคุณจะตาย.... ชีวิตจบแล้ว.....
คิดเสียว่าชีวิตคุณ ณ เวลานั้นที่เกิดขึ้น.... เหมือนมีบางอย่างเท่านั้น
(ย้ำว่าบางอย่างเท่านั้น) หลุดลอยออกจากมือคุณไป แต่ก็ยังมีสิ่งทรง
คุณค่ามากมาย ที่ยังอยู่กับคุณ... ทีนี้ ก็แล้วแต่จะจินตนาการส่วน
บุคคล ว่า สิ่งดี ๆ ที่เหลืออยู่กับเรานั้น มีมากหรือ น้อยแค่ไหนกัน
อาจยังมีคนอีกมากที่รักคุณ โดยที่ไม่จำเป็นต้องให้เพียงคน ๆ เดียว
มากุมชะตาชีวิตของคุณไว้..
ความเจ็บปวดนั้น.... “ เมื่อเวลาเปลี่ยน... ความรู้สึกเจ็บปวดก็
จะเปลี่ยนแปลง” การจมอยู่กับอตีตไป.... ไม่ใช่ความฉลาดใน
การเลือกที่จะใช้ชีวิตที่ถูกต้อง และบทเรียนจากเหตุการณ์นี้ ...
จะสอนให้คุณเข้มแข็งในวันข้างหน้า และ บทเรียนที่สะท้อนว่า..
ความผิดหวัง เป็นธรรมดาของชีวิต........
ฉลาดทำใจ... “เจ้านายไม่ยุติธรรม ทำ ๆ ๆ งานกันไป.... ก็ไม่เห็น
จะเข้าตาเจ้านายสักที............ คิดจนเครียดมากเกินไป พาลจะไม่
ทำแล้ว งานแห่งนี้...ข้อเสนอการทำใจดีๆ มีอยู่ว่า เราคงจะไม่ปฏิเสธ
แน่ ๆ ว่าเจ้านายได้ลำเอียงต่อเรา...แต่ก็อย่าปล่อยใจให้คิดไปในทาง
เลวร้ายในสายตาของเรา กับเจ้านายคนนี้ ไปเรื่อย ๆ นั่นหมายถึง
การนำไปสู่ ความเกลียดชังเจ้านาย และจะทำให้เราไม่มีความสุข
ในการทำงานอีกต่อไป....โดยเฉพาะความอคติ.... สิ่งที่ไม่ชอบใจ
ไปเรื่อย ๆ นั้น เป็นการปลูกฝังให้ตัวเราเกิดทัศนคติที่จะต้องอคติ
สิ่งที่ไม่เป็นดั่งใจเราไปเรื่อย ๆ .... เชื่อเถอะว่า... ต่อให้เปลี่ยนงาน
อีกกี่ที่ ๆ ถ้าเราไม่หยุดที่ใจเรานั้น.... ไม่มีที่ไหนในโลก ที่อยู่แล้ว
จะสบายใจ
พระไพศาล วิสาโล ได้แนะนำว่า.... เป็นเรื่องยากมากที่เราจะมี
เจ้านายที่ดีและเพียบพร้อมไปหมด...แม้แต่ตัวเราเอง ก็ยังมีข้อเสีย
ที่ตัวเราเองไม่ชอบอยู่เหมือนกัน แต่ถ้ามันสุดวิสัยแล้วจริง ๆ
ก็ไม่แปลกอะไรที่ไม่จำเป็นต้องทนทำงานที่แห่งนั้นต่อไป...
..ดังพระราชดำรัส... พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงตรัสเอาไว้ว่า..
“ถ้าเจ้านายไม่ดี เราไม่จำเป็นต้องไปให้ร้าย และ ว่าเขา... แต่ให้เรา
ลาออกจากงานนั้นซะ” ขอให้เป็นการเรียนรู้ไปว่า... สิ่งไม่ดี
จากเจ้านายคนนั้น... ในภายภาคหน้า เมื่อเรามีลูกน้องเป็นของ
เราเอง เราจะไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด... เพราะการเรียนรู้นั้น...
เราสามารถเลียนแบบอย่างสิ่งดี ๆ และ เรียนรู้ข้อผิดพลาดที่ไม่ดี
เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างตามได้
อ้างอิงแหล่งความรู้ และ ธรรมะ ดี มีคุณค่า จากวิชาการ.คอม
“ฉลาดทำใจ โดย พระไพศาล วิสาโล”
เห็นคนอื่นได้ดีแล้ว อิจฉา
สังคมการทำงานในบ้านเรา มักมีปัญหาที่แก้ไม่ตกหลายอย่าง
ยิ่งภาวะบ้านเมืองปัจจุบันเราต้องต่อสู้กับสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ
ลูกผีลูกคนว่าจะ ตกงานหรือไม่?
นั่นอาจจะยังไม่สาแก่ใจพอ สำหรับบางคน ต้องผจญกับเหล่าเพื่อน
ร่วมงาน รุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือแม้แต่บุคคลระดับหัวหน้า ที่อยู่ๆ
ก็เกิดอาการของขึ้น พาลพาโล ทั้งที่เพื่อนร่วมงานด้วยกันก็ทำงาน
สร้างผลงาน สร้างความเจริญให้บริษัท แถมได้รับคำชมเชย
จากผู้บริหาร
ทั้งนี้ บางคนหน้าตาตีไม่พอ จิตใจก็ดี มีความสามารถ บวกกับ
สติปัญญาล้ำเลิศ เรียกว่า เป็นบุคคล Perfect เลยล่ะ ...
หารู้ไม่ว่า บุคคลเหล่านี้ นี่แหละ ที่เป็นเป้าโจมตีของ พวกชีวิต
บกพร่อง ไม่สมปรารถนาในหลายๆ ด้าน
(เรียกว่า ใครๆ ก็ไม่รัก เลยรับไม่ได้ที่เห็นคนอื่นได้ดี มีแต่คนชื่นชอบ)
ทั้งนี้ กลุ่มคนข้างต้น แม้จะไม่พยายามทำตัวเด่น
แต่รัศมีแห่งความโดดเด่น ก็ฉายแสงออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เลยถูกเขม่น หมั่นไส้ แถมริษยา ผสมอาฆาตเล็ก ๆ
ซึ่งบางคนก็งง ๆ ว่า ฉันไปทำอะไรให้เขา ถึงจ้องกลั่นแกล้ง
จิกกัดไม่ปล่อย
อย่างว่าแหละนะ "ความอิจฉา(ริษยา)" น่ะ ไม่เข้าใครออกใคร
หรอกค่ะ มันสิงสู่อยู่ในใจเราได้ทั่วทุกตัวคน
วันนี้เลยขอหยิบยกคำพูดของ แม่ชี ศันสนีย์ เสถียรสุต
แห่ง เสถียรธรรมสถาน มาให้อ่านกัน...
"เจ้าตัวอิจฉานี้จะทำให้ใจของเรามืดทีเดียวนะคะ ต้องระวัง
ฝึกเป็นผู้ที่จะมองความดีของคนอื่น อย่างคนที่มาเร้ากุศลของเรานะคะ
อย่าเป็นโรคแพ้ความดีของคนอื่นเลยค่ะ
เวลาที่คนอื่นทำความดีมันก็ทำให้เราอยากทำความดีด้วย
เวลาที่เราทำความดีและมีคนชื่นชมเรา เรารู้สึกอย่างไรคะ
คนอื่นก็เหมือนกันค่ะ เวลาที่เราแสดงมุตาจิตหรือยินดี
พอใจในความดีของคนอื่น มันก็ทำให้จิตของเราเจริญขึ้นด้วย
การที่เราฝึกที่จะทำให้ความดีของเราถักทอไปกับความดีของคนอื่น
มันจะทำให้เกิดพลังงาน หนึ่งบวกหนึ่ง คำตอบไม่ใช่เพียงสองนะคะ
หนึ่งบวกหนึ่งมันหมายถึงมหาศาลทีเดียว ความดีของคนหนึ่งคนบวก
ความดีของคนอีกหนึ่งคนจะทำให้เราเกิดความร่มเย็น
กับมวลมนุษยชาติทีเดียว
จงช่วยกันแสดงความชื่นชมยินดีต่อความดีงามของมนุษย์ในสังคม
ของเราให้มากขึ้น ด้วยการฝึกปฏิบัติตัวเราให้ไม่หยุดทำความดีความ
งาม การที่เราฝึกชีวิตของเราให้ตระหนักรู้อยู่กับลมหายใจเข้าอ่อนโยน
แล้วคืนลมหายใจออกอย่างผ่อนคลาย หายใจเข้าอีกครั้งหนึ่ง
เอาความรักของมวลมนุษยชาติที่มีต่อเราเข้าไป
และผ่อนลมหายใจออกอย่างชื่นชม ยินดีในคุณงามความดีของคนอื่น
เป็นหน้าที่ของเราทุกคน.......
ชอบมากๆ จะรออ่านกระทู้ต่อไปค่า ขอบคุณค่ะ:)
ขอบคุณมากกกกค่ะ ได้ข้อคิดที่ดีมากๆๆเลย
[SIZE="4"]ขอบคุณค่ะ[SIZE="7"]คุณลุง
อันนี้เป็นความเชื่อส่วนตัวนะจ้ะว่า "คนเราเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม" ;)
รักตัวเองแล้ว ก็จะรักคนอื่น ๆ ไปด้วย ค่ะ
[SIZE="4"]คนที่ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม นี่น่าสงสารที่ซู๊ดดดดด!
ขอบคุณน้องhutสำหรับบทความดีๆ(อีกแล้ว)
สาธุค่ะ