[SIZE="4"]เห็นมีหลายคนสงสัยเรื่อง ภาษี ศุลกากร กันเยอะ...
พอดีน้า เป็นสารวัตร(กรมศุลฯ) อยู่ที่แอร์พอร์ต มะวานเจอกัน:D
เลยถามเค้าว่าตกลงแล้วภาษีศุลกากร เนี่ยเค้ามีหลักคิด หรือมีเรทในการคิดอย่างไร

ก็ได้คำตอบว่า ...
ภาษี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า จะระบุว่าเป็นของขวัญ หรือเป็นของใช้แล้ว
การระบุ ไม่ได้ช่วยให้ภาษีลดลง เพราะเค้าดูกล่อง ดูของก็รู้ว่าเก่าหรือใหม่

และ...เค้ามีกฎหมาย(19 ทวิ)บอกไว้อยู่แล้วเป็นข้อๆค่ะ
ว่าสินค้าแบบไหนชนิดไหน มีอัตราภาษีเท่าไหร่ แล้วสินค้าชนิดนั้น
สามารถนำมาทำการค้าขายได้หรือไม่ และจำนวนของที่นำเข้ามา มากน้อยแค่ไหน...

สรุปคือ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ คิดเรทตามใจฉัน แต่มีกม.ระบุว่าสินค้าแต่ละประเภท
มีพิกัด อัตราภาษีศุลกากร เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็ 20-40%

อย่างล่าสุด มีเกาหลี หิ้วตุ๊กตาไบล์ท มาเกือบ 200 ตัว...ก็โดนไปซะ
กับชาวญี่ปุ่น หิ้วไม้กล์อฟ เข้ามา เกือบ20 อัน คิดเป็นเงินไทย ก็อันละ 20000 ก่าบาท...
ก็โดนไปซะ

เด๋ววันหลัง มาเล่าเรื่องฮาๆ ให้ฟังค่ะ คนที่ชอบมาตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ เวลาที่โดนจับ ...

น้าบอกว่าบางคน แปลก
มีตังไปเที่ยว...เมืองนอกเมืองนา ซื้อของมาฝากเพื่อนเยอะมาก
มากผิดปกติ พอโดนจับก็บอกว่า

โห..อุตส่าเก็บตังตั้งนาน กว่าจะไปเที่ยวได้
..แต่พอถามเรื่องของที่นำเข้ามาดันบอกว่า ซื้อฝากเค้า แต่ไอของที่ซื้อฝาก
นี่มันมากกว่าค่าตั๋วที่บินไปอีกอะ มันก็ขัดแย้งกัน

สรุป รายนี้ สอบสวนไป สอบสวนมา เปิดร้านขายของหนีภาษีอยู่ที่เชียงใหม่ หุหุ

ส่วนใหญ่ก็ตีบทแตก ร้องห่ม ร้องไห้ ฟูมฟาย...
น้าปิ๊กก็บอกว่า...เหนกี่คนกี่คนก็ร้องไห้ทุกคนเลยพอโดนจับ อิอิ

อ๋อ กะอีกราย หิ้ว เครื่องสำอางค์M AC มาเป็นร้อยชิ้นอะค่ะ ก็โดนไปซะ

และ กรณีของชมพู่ อารยา เนี่ย ข้อเท๊จจริง คือเค้าซื้อน้องไบล์ทมา4 ตัว
แต่ศุลกากรเค้าก็ทราบว่า ดาราคนนี้เปิดร้านขายตุ๊กตาอยู่ที่พารากอน

แต่ก็น่าแปลก ว่าทำไม เค้าไม่สั่งซื้อกับ บ.ที่เค้าดิวกันโดยตรง เพราะน่าจะได้ราคาที่ถูกกว่า
กลับหิ้วกลับมาเอง ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นรุ่น ลิมิเต็ดด้วย...

แล้วที่ข่าวบอกว่ายกเท้า เค้าไม่ได้ยก แต่เค้า ขึ้นไปนั่งบนแท่น
(นึกออกมะค่ะที่เป็นแท่นสแตนเลส สูงประมาณเข่า เอาไว้ตรวจสัมภาระ)
แล้วนั่งชันเข่า ยกเท้าขึ้นข้างนึง เหมือนที่ คนเกาหลีชอบนั่งอะค่ะ แต่ข่าวเขียนไปว่า ยกเท้าขึ้นมา

ขอบคุณคร้าบบบ

ขอบคุณ คุณปิ๊กจ้า....ที่เอามาฝากกัน

ขอภาพ "ปลากรอบ" ค่า

(เขียนขำๆ เน้อ ภาพประกอบอ่ะ)



คือนึกไม่ออก นั่งยองๆ บนแท่น ยกขาข้างนึง
ในหัวที่คิดออกน่าจะเป็นท่าโยคะได้แล้วอ่ะค่ะ แหะๆ

ขอบคุณ สำหรับเรื่องเล่าสู่กันฟังค่ะ :)

5555 ขำตรงเนี้ยที่บอกว่าเป็นท่าโยคะ นึกภาพตามเลยค่ะ

ก็เค้ามีกำหนดไว้แล้วว่าซื้อของซ้ำๆกันซื้อแล้วได้กี่ชิ้น จริงๆก็สมควรโดนแหละ ถ้าไม่ได้ซื้อมาใช้จริงๆน่ะ แต่อย่างเรื่องดาราชมพู่อ่ะ ซื้อมาแค่สี่ตัวไม่น่าโดน แต่เค้าก็เปิดร้านอ่ะนะ :D

ขอบคุณที่มาแชร์เรื่องค่ะ อ่านแล้วสนุก

เราว่าศุลกากรเค้าดูก็รู้ว่าของที่หิ้วเข้ามาน่ะเพื่อจำหน่ายรึเปล่า แต่วิธีที่เราเคยใช้ขนบาร์บี้ 10 ตัวคือแกะตุ๊กตาออกจากแผงที่เป็นฉากหลังเวลาอยู่ในกล่องน่ะค่ะ แล้วคลี่กล่องออกให้แบนเอามัดรวมกับฉากหลังวางตรงก้นกระเป๋า ข้างบนก็เอาตัวตุ๊กตาวางเรียง ๆ กันก็ไม่โดนภาษี (ไม่ได้เลี่ยงภาษีนะคะแต่กลัวบอกเค้าว่าเราสะสมแล้วเค้าไม่เชื่อ พอทำแบบนี้ศุลกากรไม่ถามอะไรเลยค่ะ)

555 มะรู้จะอธิบายยังไงอะค่ะ สรุปคือว่า
:Dเค้าขึ้นไปนั่งบนโต๊ะที่เค้าไว้ตรวจสัมภาระ(ซึ่งมันไม่สมควรนั่ง)
แถมยังนั่งชันเข่าอีกตะหาก...ทำท่าเหมือนจะแสดงว่า ช้านนนไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

วันหน้ามาเล่าอีกนะคะ ชอบจัง และขอบคุณค่ะ:D