คือว่าตอนนี้กำลังทำงานกับบ.แห่งหนึ่ง เจ้าของบริษัทรวยมากระดับมหาเศรษฐีแต่เจ้าของซึ่งเป็น
ผู้หญิงอายุประมาณ45ปี เค้าไม่ค่อยใช้ของแบรนด์เนมเลยคะ ใช้อย่างมากก็หลุยส์
ลูกสาวเค้าจบดร.ก็ไม่ค่อยใช้เหมือนกันค่ะ เคยเห็นสะพายหลุยส์เนเวอฟูลอยู่ครั้งเดียวเอง
ทั้งๆที่รายได้ต่อเดือนหลายสิบล้านบาท ไม่รวมสมบัติเก่าอีกเยอะมาก สามีก็รวยมาก
เรากับเพื่อนเลยมานั่งคุยกันว่าแปลกดีนะ รวยขนาดนี้แต่ไม่ค่อยช้อปปิ้งเลย แต่ส่วนมากเค้าจะซื้อ
พวกที่ดินค่ะ ซื้อเยอะมาก แต่พวกกระเป๋า นาฬิกา เครื่องเพชร นี่ธรรมดามากค่ะ ไม่สมฐานะเค้าเลยค่ะ
เคยเจอคนรวยที่เป็นแบบนี้บ้างมั้ยคะ:rolleyes:
หัวหน้าเราก็เป็นอย่างนี้ค่ะ อาจจะไม่รวยเทาที่ จขกท เล่านะแต่ว่าพี่เค้าก็เงินเดือนสองแสนกว่า สามีเป็นนักวิเคราะห์อยู่ Pricewaterhouse ก็รวยในระดับนึงนะคะ เค้าไม่ใช้ของแบรนด์เลยค่ะแต่เค้าจะใช้จ่ายไปกับค่าเทอมลูก (เรียนอยู่นานาชาติ Harrow) แล้วก็เดินทางเที่ยวต่างประเทศ ไปครบทุกประเทศแล้วมั้ง ซื้อบ้าน 40 ล้านด้วยเงินสด แต่ขับโตโยต้าคัมรี่ (พี่เค้าขายออดี้ไป แล้วมาซื้อคันนี้)
ซึ่งเปรียบเทียบกับเรา (อันนี้นอกเหนือจากที่ถามนิดนึง) มีบ้านอยู่ที่ต่างจังหวัดแล้วขนาดไร่กว่า ๆ มีที่ดินเปล่าอยู่อีก 3 แห่ง รถแม่ซื้อให้ ก็คิดว่าตัวเองมีสิ่งจำเป็นพื้นฐานครบหมดแล้ว ขาดก็แต่ของไร้สาระตามใจฉันประเภทกระเป๋า นาฬิกา ตุ๊กตาบาร์บี้ ก็ซื้อไปตามเรื่องตามราว ซื้อบาร์บี้จนมีร้อยกว่าตัวแล้วเนี่ย รวม ๆ แล้วได้รถญี่ปุ่นคันนึงเลย ซึ่งคนรวยกว่าเราเป็นล้านเท่าเค้ายังไม่ซื้อเลยไอ้บาร์บี้เนี่ย
สรุปว่ามันสำคัญอยู่กับว่าแต่ละคนต้องการอะไรอ่ะค่ะ เค้าเห็นว่าอะไรสำคัญสำหรับเค้า เค้าก็จะจ่ายไปเพื่อสิ่งนั้น คนชอบซื้อเพชรก็ไม่เน้นเสื้อผ้าเพราะเค้าเชื่อว่าเพชรสวย ๆ ก็ทำให้เสื้อผ้าธรรมดาสวยขึ้นมาได้ คนชอบซื้อที่ดินก็จะคิดว่าเสื้อผ้า เครื่องใช้ใช้แบบธรรมดาก็ได้ ขอแค่มีทรัพย์สินมาก ๆ ไว้ให้อุ่นใจเป็นพอ
อาจเป็นเพราะความชอบ รสนิยม หรือมีเวลาหาเงิน แต่ไม่มีเวลาใช้เงิน แต่ของพี่เป็นพวกรสนิยมสูง รายได้ต่ำค่ะ
เพื่อนที่สนิทกันก็ประมาณนี้ค่ะ ไม่แต่งตัว ไม่เห็นเคยถือกระเป๋า ถือแต่กระเป๋าผ้าอ้อมของลูก แต่งตัวประมาณเสื้อยืด ของโรงงานตัวเองที่ทำแจกคนงาน กางเกงยีนส์ แถมหลังคลอดใส่ชุดคลุมท้องต่อมาอีกเกือบปี ใช้รถvios แต่เปนคนดีมาก มีน้ำใจ ไม่มีกั๊ก สามีก็ประมาณกันเลย ใครจะรู้ว่ารวยระดับหลายร้อยล้าน
อิอินินทาได้เพราะคิดว่าไม่มีทางเข้าเวปนี้เด็ดขาด
ส่วนตัวผมว่าก็มีทุกรูปแบบ ครับ แล้วแต่ว่าเราจะเจอแบบไหนเพราะแต่ละคนถูกอบรมสั่งสอนในการใช้ของมาไม่เหมือนกันแต่ถ้าเชื่อในเรื่องกรรม ลองอ่านอันนี้ดูนะครับ เผื่อได้ประโยชน์คำถาม
ทุกข์ใจคุณแม่เหลือเกิน ลูกๆเอาข้าวของใหม่ๆ ดีๆมาให้ใช้ให้กิน ก็ไม่อยากจะใช้ เก็บไว้จนเก่าค่อยเอามาใช้ นอนหนุนหมอนเน่าๆ เปลี่ยนให้ใหม่ หรือเอาไปทำความสะอาดจะโกรธมาก กินก็ไม่ค่อยจะยอมกินของดีๆ พวกเราเป็นลูกก็ทุกข์ใจ เห็นแล้วไม่สบายใจเลย บอกตรงๆ คำตอบ
น่าเห็นใจท่านผู้ถาม..ใจแม้อยากจะอุปการะมารดา??? แต่ทว่า..ความจริงที่เราไม่พึงปฏิเสธคือเรื่องกรรม ...เขามีอำนาจ เที่ยงตรงและเที่ยงธรรม เป็นที่สุด .... ถ้าเหตุปัจจัยครบ เขาย่อมส่งผลนั่นเทียว ไม่เคยปรารภว่าบุคคลนี้เป็นคนดี เป็นคนผู้สูงส่ง เป็นบุคคลผู้น่าสงสาร เป็นผู้ด้อย..แล้วสมควรที่กรรมพึงเว้นส่งผล.ฯลฯ....ไม่เคยเลยที่จะเว้น หากเป็นกรรมที่เคยทำไว้และมีปัจจัยให้เขาส่งผล เขาก็ย่อมส่งให้นั่นแหละ... ผู้ถามกับพี่ๆน้องๆ ต้องอุเบกขาแล้วละค่ะ เพราะวิบากกรรมของคุณแม่นั่นเองที่กั้น...แม้รับกับมือ ก็ไม่สามารถจะใช้สอย หรือเสพได้ หากอกุศลชนิดนั้นกำลังส่งผลให้อยู่...หากเราพยายามไปแก้ไขโดยการบังคับบ้าง ทุกข์ย่อมเกิดทั้งเราเองและคุณแม่นั่นเทียว.. อุปมาเหมือนบุคคลกำลังบังคับจิตทางหูที่ทำกิจแห่งการฟังนั้น ให้ไปทำหน้าที่อื่น มีการเห็นเป็นต้น...นี้ไม่ใช่ฐานะที่จะเป็นได้.... เพราะการเห็นนั้น เป็นหน้าที่ของจิตที่เกิดทางตาเท่านั้น...กรรมของบุคคลนั้น ไม่พึงจะโอนถ่าย ย้ายยักไปให้ผู้อื่นเสวยได้เลย... เราจึงพึงศึกษาผลที่ได้พบได้เห็นนั้น นำกลับมาพิจารณาถึงเรื่องเหตุ.... เมื่อเข้าใจ จะได้พึงเว้นในสิ่งที่ควรเว้น...พึงเจริญในสิ่งที่ควรเจริญ ... กรณีของคุณแม่ท่านนั้น ทานกุศลในอดีตที่เคยทำแล้วมีบริวารเป็นความตระหนี่ ...ทำแล้วเสียดาย ให้แล้วมิให้ขาด...ยังตามหวงแหนในไทยทานนั้นๆ ..เมื่อกุศลส่งผล ย่อมไม่น้อมไปที่จะพึงใช้พึงเสพสมบัตินั้นๆ แม้กุศลแห่งการให้จะส่งเป็นวิบากให้เป็นการได้รับ แต่เพราะอัธยาศัยของตนประการหนึ่ง อกุศลบริวารที่ได้กระทำมาแล้วประการหนึ่งย่อมกั้นมิให้บุคคลนั้น ได้ใช้สอย ได้เสพ ได้ลิ้มชิมรสเลย... อีกประการหนึ่งก็คือ...เวลาทำทานหรือให้อะไรแก่ใคร ความตระหนี่มักให้ของเหลือเดน (ทาสทาน) ที่ไม่ประณีตแก่บุคคลอื่น..จะเห็นได้จากบางคน ใครให้อาหารมา หรือแม้แต่ตัวจะซื้อมาเอง ก็ยังต้องเก็บไว้จนใกล้เสียนั่นแหละจึงค่อยเอาออกมารับประทาน...คนที่อยู่ใกล้ อยู่ด้วยก็เป็นทุกข์เดือดร้อน แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะเป็นกรรมของเขา หรือแม้แต่ของเราที่กระทำกรรมลักษณะเดียวกันมานั่นแหละ....รู้อย่างนี้ จะไม่ให้สลดใจกับกิเลสที่ใช้เราทำกรรมได้อย่างไร... ขนาดของดีปรากฏอยู่ต่อหน้า แม้อยู่ในมือ ....ยังใช้ ยังเสพ ยังลิ้มไม่ได้เลย.....หากวิบากกรรมเขากั้น... มหัศจรรย์ไหมล่ะคะ?จากเวป รักษาธรรม.คอมไม่รู้ว่าตอบตรงคำถามหรือเปล่า แต่น่าจะเป็นอีกเหตุผลนึงได้ครับ :D
รสนิยม ความชอบส่วนตัวคะ บ้างคนชอบ สะสมเพชร ทอง บ้านที่ดิน พระเครื่อง รถยนต์ นาฬิกา
มีเพื่อนไม่ชอบแสดงตัว แต่ไปที่บ้านมีเพียบเลย... นิสัยดีด้วย
ส่วนที่ชอบใช้แบนด์เนมเพราะซื้อตามกำลังซื้อ และ ความชอบส่วนตัว อันนี้ห้ามกันไม่ได้คะ
เราเคยถามคนที่เค้ามีเงินสด หลักร้อยล้าน(อันนี้ก็แล้วแต่คนคิดนะว่ารวยหรือยัง) แต่คนนี้เค้าเป็นผู้ชายนะ ไม่เพียงแค่ไม่ใช้ของแบรนด์ แทบว่าอะไรก็ไม่ใช้เลย นาฬิกา ไม่ใส่ สร้อยไม่มี กระเป๋าตังค์ไม่พก (เอาเงินกับบัตรใส่กระเป๋ากางเกง) เข็มขัดใส่เส้นละ 200-300 บาท รองเท้าก็ธรรมดาๆเนี้ยแหละ ตอนแรกเรามองว่าเค้า โค ตะ ระ งกนะ แต่เค้ากลับบอกว่า ของพวกนั้นเป็นของไม่จำเป็น เค้าไม่ต้องสร้างภาพกับใคร คนที่รู้จักเค้าก็ไม่เห็นมีใครดูถูกเค้าซะคนที่เค้าทำตัวอย่างนี้ อีกอย่างเค้าบอกว่าความอยากได้คนเรามันไม่มีที่สิ้นสุด พอซื้อของมาใหม่ก็สุขอยู่แป๊บเดียว ก็เกิดทุกข์อยากได้รุ่นใหม่อีกแล้ว จริงๆเค้าสอนมากมายเลยนะ ทำให้เราจากคนที่ฟุ่มเฟื่อย กลายเป็นคนประหยัดไปแล้ว อิอิ
เชื่อไหมว่าคนที่เค้ามีตังค์หลายๆคนก็เป็นอย่างนี้ พอดีเราทำงานเป็นเจ้าหน้าที่การตลาด ซื้อขายหุ้นให้ลูกค้า เราจะพอรู้จักลูกค้าที่เค้ารวยๆเยอะ คนพวกนี้จะเอาเงินไปลงทุนเพื่อต่อทุนของเค้าให้หนาขึ้นมากกว่าอะ
[SIZE="4"]มีค่ะ เห็นอยู่คน คือ พ่อเรา นี่เอง
ไม่ซื้อของห้าง ไม่ใช้ของแบรนด์เนมค่ะ เหตุผลคือ รู้สึกว่าจะฟันกำไรเรามากเกินไป
ขนาดแว่นตายังไม่ตัดเลยค่ะ ไปซื้อแว่นจากสำเพ็งมาโหลนึงแล้วเอาไว้ทุกมุมของบ้าน อยากใช้จะได้หาง่ายๆ
ไป HK กัน น้ำดื่มที่สนามบินขายแพงมาก เขาก็พกขวดน้ำที่หมดแล้วไปกรอกน้ำที่เค้าให้กินฟรีมาเก็บไว้กิน ส่วนเราซึ่งเป็นลูกสาว แหะ เดินไปซื้อ Starbucks มานั่งกินชิวๆเลยค่ะ ซื้อนู่น ซื้อนี่ ตลอด
ล่าสุดตอนปีใหม่ ไปเที่ยวมาเก๊ากันมา เราสะพายหลุย พ่อหันมาถามว่า นี่ของจริงรึเปล่าเนี่ย ใบเท่าไร พอเราบอกไป เค้าหันมาทำหน้าประมาณว่าซื้อมาได้ไงเนี่ย :)
[SIZE="4"]แบรนด์แนมไม่ได้บ่งบอกถึงฐานะคน แต่บ่งบอกรสนิยมค่ะ
:)
บางคนมีเงินแต่ไม่ใช้ บางคนไม่ค่อยมีเงินแต่ก็พยายามเก็บเงินเพื่อให้ได้ใช้
นานาจิตตังเนาะ
ส่วนบุคคลจริงค่ะ
เรา บ้าพวกกระเป๋าต้องแบรนด์ แต่รองเท้า เครื องสำอางค์ใช้แบบถูกๆ
แฟน ไม่บ้าของแบรนด์ แต่บ้าแต่รถ เครื่องเสียง แม๊ก
รรับไม่ได้ก็เบาะรถเนี่ย.. แสนสี่ บ้าไปแล้ว แต่คิดว่า ก็ดีกว่าติดผู้หญิง:rolleyes:
Originally Posted by baiyaa
ส่วนบุคคลจริงค่ะ
เรา บ้าพวกกระเป๋าต้องแบรนด์ แต่รองเท้า เครื องสำอางค์ใช้แบบถูกๆ
แฟน ไม่บ้าของแบรนด์ แต่บ้าแต่รถ เครื่องเสียง แม๊ก
รรับไม่ได้ก็เบาะรถเนี่ย.. แสนสี่ บ้าไปแล้ว แต่คิดว่า ก็ดีกว่าติดผู้หญิง:rolleyes:
เราก็บ้ากระเป๋า บ้าเครื่องสำอางค์บำรุงผิว
แต่ไม่ค่อยบ้าเสื้อผ้ากะรองเท้าเท่าไร....แค่ดูดี แบรนด์ถูก ๆ หรือซื้อในเนตก็ใช้ได้
กะบ้าเที่ยวววววววว
แฟนเรา บ้าสินค้าเทคโนโลยีต่าง ๆ บ้าเครื่องเสียง แต่อย่างอื่นไม่สนเลย
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้ากระเป๋า รองเท้า
อย่างป้าว่าเนอะ...ดีกว่าบ้าผู้หญิง
คงตอบเหมือนหลายๆท่านคือ รสนิยม
ส่วนอีกอันก็คงเป็น "แนวคิด" มากกว่าค่ะ
บางท่านก็ยึดเพียงว่า อะไรที่จำเป็นต่อชีวิต คำนึงเพียงประโยชน์ใช้สอย เพียงเท่านั้นเองค่ะ
มีคนใกล้ตัวเลยก็เป็นแม่สามีเนี่ยแหละค่ะ ไม่ชอบใช้ของแบรนด์เนม ซื้อให้ก็เก็บไว้ กลัวมันพัง ยิ่งช่วงนี้คุมความประพฤติในการใช้เงินของเราแจเลย ที่สำคัญจำกระเป๋าเราได้ทุกใบ ถ้าหิ้วใบใหม่มาให้เห็นต้องถามเลยค่ะ ว่าราคาเท่าไร
แล้วน้องโบว์ช๊านถ้าได้มา เมื่อไรจะได้ใช้เนี่ย เศร้า
ครอบครัวญาติเรา รวยกว่าเราเป็นล้านเท่า เค้ายังไม่บ้ามีของเยอะเท่าเราเลย พวกแบรนด์เนม แต่........รถแต่ละคันซื้อกระเป๋าเราได้ทั้ง collection แล้วแต่ความชอบ
ก็เหมือนกับบางคนแหละมีแบรนด์เนม ขึ้นรถเมล์
รถสวยใช้ของปลอม
กระเป๋าใบเป็นแสน รถคันละ ไม่กี่ตังค์
เค้าเรียกว่าความชอบค่ะ
ผู้ปกครองเด็กทีกิ๊ฟไปสอนพิเศษอยู่ ก่อนเศรษฐกิจตกสะเก็ด รายได้อาทิตย์ละ 1 ล้านบาท
เค้าก็ซื้อกระเป๋าก็อปใช้คะ :p
แต่เค้าจะเน้นไปทางที่ดิน บ้าน แล้วก็เรื่องกินคะ
สงสัยอยู่ว่าเป็นเพราะเค้าไม่บ้าช็อป เค้าก็เลยรวยกันอะคะ ส่วนเรา (ตัวเองเป็นตน) บ้าช็อป และ บ้าแบรนด์ มิน่า ถึงไม่รวยซักที
รวยจริงมักกลัวภัยรอบด้านมั้งค้าบ:D
นึกถึงเจ้านายเก่าเราเลยอ่ะ เขาจะไม่สะสมของที่เสื่อมราคาลง ยังสอนให้เราซื้อพวกทอง เพชร บ้าน ประมาณเนี้ยค่ะ เราถือเป็นการลงทุน หรือคนรวยจริงๆเขาคิดแบบนี้กันหมดนะ:D
ส่วนใหญ่เค้าจะมองว่าไม่จำเป็น ไร้สาระ เค้าคิดว่าเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นดีกว่า
ของพวกนี้มันไม่ค่อยสร้างกำไรเท่าใดนัก...
มีคนเคยบอกว่า..."คนเราชอบหากำไร ไปเพื่อขาดทุน"
มันแล้วแต่ความชอบจริงๆแหละค่ะ คนรู้จักก็รวยมาก ใส่รองเท้าแบบ199 เสื้อผ้าธรรมดา กระเป๋าก๊อปด้วย ก็ขับ city เพราะบอกว่าขับในเมือง แล้วก็มีแกรนด์เวียไว้ไปต่างจังหวัด แต่มีที่ดินเยอะมากกก กว้านซื้อที่อย่างจริงจัง
ความชอบส่วนบุคลล้วนๆค่ะ บางท่านเน้นปัจจัยสี่ บางท่านเน้น accessories บางท่านชอบอสังหาก็ว่ากันไป แล้วแต่คนค่ะ...
บางคนรวยมาก มากจนไม่รู้จะรวยยังไง แต่ก็ไม่ซื้อของแพงๆใช้อ่ะค่ะ
แต่บางคนไม่ค่อยมีเงิน แต่ซื้อจัง เช่นเรา:p อิอิ
รสนิยม ความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกันอ่ะค่ะ
เจอมาเยอะแยะ คนรวยใช้ของถูกๆ
คนไม่มีตัง ยอมอดข้าว อดนู่นนี่ เพื่อได้กระเป๋ามา 1 ใบ
นานาจิตตังค่ะ
อืม บางคนเค้าก็อยากประหยัดมั้งค่ะ ซื้อแต่ของที่จำเป็น
มันอยู่ที่ความชอบ และ รสนิยมคะ
ความชอบต่างกัน ก็จะซื้อของที่ต่างกัน
ของแบรนด์เนม อาจจะเป็นของไร้สาระ และ ฟุ่มเฟือยสำหรับพวกเค้าก็ได้คะ
ไม่น่าหล่ะถึงรวยกันจังงงง.งงงง ไม่ฟุ่มเฟือยนี่เองงง.งงงง ;)
เราเจอเพื่อนแถวบ้านหนักกว่าค่ะ เป็นเจ้าของพื้นที่เช่าตลาดนัดซึ่งใหญ่มาก มีที่ดินมากมาย บ้านหนึ่งหลัง รถไม่มี
เค้าขายที่ได้แต่ละครั้งเป็นร้อยล้าน .. แต่เค้าเดินเก็บขยะ หลังจากตลาดนัดเลิกไปขาย เดินไม่ใส่รองเท้า
เคยถามเค้าว่าทำไมมีเงินไม่ใช้ เค้าบอกว่าแค่นี้เค้าก็สุขดี พ่อแม่เค้าก็ทำแบบนี้มา ถึงมีขนาดนี้ และมีนโยบายเดียวกัน
คือเก็บไว้ให้ลูก ให้หลาน .. กำ เราว่าแบบนี้ก็เกินไป
เพื่อนแม่เราเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเพื่อนเค้า ที่แบบรวยมากๆอ่ะ เค้าบอกว่าเค้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว เพื่อนแม่เราเลยถามว่าทำไม เค้าตอบว่า เค้าได้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตจนไม่มีอะไรที่เค้าไม่มีหรือไม่สามารถหามาได้อ่ะ คือใช้ชีวิตจนสุดๆโต่ง ตอนแรกเราคิดว่าเค้าปลงชีวิตที่ไหนได้ เค้าบอกว่าเค้าไม่มีความสุขเลยทุกวันนี้ เพราะมันไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเค้า เหมือนมีมากจนล้นเกินป่ะ ??? น่ากลัวเหมือนกันนะ
เข้ามาอ่านแต่ละคนที่ตอบกระทู้ แต่ละคนก้อมีเหตุผลแตกต่างกันไป พออ่าน ๆ ไป ก็ยิ่งทำให้เราเริ่มปลงอ่ะ.. เราเองชอบซื้อกระเป๋าแบรนด์ กะน้องBlythe นี่ถ้าเราตัดใจได้คงจะดี แบบ อยู่อย่างประหยัดบ้าง.เห้อ...นานาจิตตังค์
เรามีเพื่อนสนิทที่รวยมาก ๆ เค้าไม่ใช้ของแบรนด์เลย..แต่งตัวก้อธรรมดาจริง ๆ แต่มีเงินหลายล้าน..เค้ายังบอกให้เราไปขายกระเป๋าแบรนด์เลย..แต่เราทำไม่ได้อ่ะ..ใจมันรัก..
[SIZE="4"]เจ้านายเก่าเรามีเงินเป็นร้อยล้าน แต่นั่งมอไซค์รับจ้างมาทำงาน พอมีคนถามว่าทำไมไม่ซื้อรถใช้ซักคัน เค้าบอกว่าซื้อทำไมละรถมีตั้งหลายคันแล้วจะใช้คันไหนก็ได้ (คือที่บ.เค้ามีรถประมาณ 40 กว่าคันค่ะ เป็นรถของเซลล์ไว้หาลูกค้า) เราฟังแล้ว...เออจริงด้วย สรุปคือความคิดของคนเราไม่เหมือนกันค่ะ
แล้วแต่ความชอบของคนค่ะ
แม่เ พื่ อนเราก็รวยมากกกกก เปิดร้านขายของชำ ปีนึงไม่เคยหยุด เปิดมัน 24 ชม.
เค้าชอบกว้านซื้อที่ดินค่ะ มีที่เยอะมาก
ขายทีเป็น 10-20 ล้าน
แต่ไม่เคยไปที่ยวไหน ไม่ช้อปปิ้งเลย ทำงานอย่างเดียว เพื่อนก็เหมือนกัน ไม่ค่อยเที่ยว ไม่แต่งตัว
ไม่บ้าแบรน
ของแบบนี้มันแล้วแต่คนจริงๆอ่ะค่ะ
ใช่ฮะ ก็เฉพาะบางคนมั้งฮะ
อาจจะไม่ใช่กระเป๋าราคาแพง ที่มันสามารถมองเห็นได้ว่าราคาเท่าไหร่
แต่อาจจะซื้อเสื้อสูทตัวนึงหลายหมื่น เสื้อสูท หรือรองเท้า ก็ดูยากนะฮะ ว่า Brand อะไร ถ้าไม่มีอะไรบ่งบอก หุหุ
อย่างที่หลายๆคนบอก ซื้อที่ ซื้อบ้านอยู่เมืองนอก สบายใจกว่าอีก คุณตา-คุณยายผมเองก็ไม่แบรนอะไรมาก แต่ชอบซื้อบ้านที่เมืองนอกมาก พอไม่อยู่ก็ปล่อยให้เช่า เคยไปเที่ยวยุโรปกับพวกเจ้าของเบียร์สิงห์ [ภิรมย์ภักดี] ก็ปกตินะฮะ ไม่Brandเหมือนกัน แต่ล้นฟ้าจริง ๆ :D:D
แล้วแต่คนนะฮะ คนมีแล้วอยากมีอีกก็มี ก็เฉย ๆ คนไม่มีก็อยากได้อยากมี ;);)
priority ของคนแตกต่างกันค่ะ ใครจะเห็นอะไรสำคัญกว่าอะไร เราพยายามจะจัดระบบในสมองเราเหมือนกัน เราไม่มีหรอกของแบรนด์เนม เพราะไม่มีปัญญาซื้อ พ่อกับแม่ก็ไม่ใช้ เค้าใช้ของถูกได้ เค้าว่าใช้ไม่นานก็ทิ้ง ก็เบื่อ นาฬิกาก็เอาไว้ดูเวลา ไม่ใช่ไว้โชว์ แนวนี้อ่ะ แต่ครอบครัวเราพาเราเที่ยวต่างประเทศตั้งแต่เด็ก เพราะเห็นว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต เงินพอมีก็ใช้ เราเลยเดินทางไปหลายที่มากกว่าเพื่อนในรุ่นเดียวกัน พอคนรู้ก็มักบอกว่า โห....ไฮโซ บ้านรวย แต่ว่าไม่ใช้ คนที่พูดๆ อ่ะรวยกว่าเราเยอะ แต่บ้านเค้าเอาเงินนั้นไปใช้อย่างอื่นที่เค้าเห็นว่าสำคัญ เช่นเพื่ออนาคตของลูก อะไรก็ว่าไป อย่างเรื่องเรียนเนี่ย ขอเท่าไหร่ไม่ว่าเลยนะ หามาให้หมด บ้านเราไม่รวย แต่ส่งเราเรียนจบเมืองนอกได้ มหาวิทยาลัยดีด้วย(คือยิ่งดี ยิ่งดัง ยิ่งแพง) มีเพื่อนเราหลายคนอยากไป พ่อแม่เค้ารวยกว่าบ้านเรา เงินเดือนเยอะกว่าเป็นเท่า เค้ายังว่าส่งไม่ไหวเลย เค้าคงมีเหตุผลที่จะเก็บเงินนั้นไว้ทำอย่างอื่นมากกว่า คือที่พูดมาซะยาวก็แค่จะอธิบายว่า การจัดลำดับความสำคัญของคนมันต่างกัน ว่ากันไม่ได้ เราอ่ะอยากใช้เหมือนกัน แต่เราไม่อยากได้เพราะแบรนด์นะ เป็นที่รูปแบบมากกว่า ถ้ามันมีคล้ายๆ กันที่ถูกกว่า ก็เอาที่ถูกกว่าล่ะกัน เหมาะกับรายได้ตัวเองด้วย เดี๋ยวมีเหลือๆ แล้วค่อยว่ากันใหม่ แต่ไม่ใช้ของปลอม ไม่แอนตี้ แต่ไม่อยากทำร้ายใคร
ที่นี้รู้แล้วหรือยังค่ะว่าทำมั้ยเค้าถึง"รวย" :D ตอนนี้เราก็กำลัง"ซ้อมรวย" อยู่นี่แหล่ะ
เค้าอาจไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องใช้
life style เค้าอาจไม่เหมือนเรา
เค้าอาจให้คุณค่าของของต่างกับเรา
เค้าอาจลงทุนกับของที่ไม่มีค่าเสื่อม
ของแบบนี้ นานาจิตตังค่ะ
มีเพื่อนเหมือนกัน ไม่ชอบเครื่องประดับ ไม่ชอบนาฬิกาแพง ไม่ชอบหิ้วกระเป๋าแพงไม่แต่งตัว ลากแต่รองเท้าแตะ แต่มีเงินเยอะ ซื้อบ้านซื้อที่ดินเล่นหุ้น เก็งกำไร