เวรกรรมมีจริง และคอยให้ผลเสมอ
โดย hut2211
hut2211
#1
เรื่องนี้เป็นเรื่องของกรรมที่ต้องชดใช้ในเวลาอันรวดเร็วดัง

ที่โบราณกล่าวไว้ว่าภายใน 3 วัน 7 วัน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

เพราะเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว!!เรื่องนี้ ท่านดร.พระราชวรมุนี รองเจ้าคณะภาค 17

และรองเจ้าอาวาสวัดดุสิดาราม กทม. ได้นำมาเล่าให้ฟังอีกต่อหนึ่ง


ท่านเจ้าคุณเล่าว่า

วันหนึ่งท่านได้รับนิมนต์ให้ไปสวดศพแม่ครัวที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

แม่ครัวคนนี้ถึงแก่กรรมด้วยอุบัติเหตุที่ ไม่น่าเชื่อ

คือตกหม้อข้าวต้มตายแล้วท่านเจ้าคุณก็ขยายความต่อไปว่า

แม่ครัวผู้นี้เป็นมารดาของข้าราชการระดับสูงท่านหนึ่ง

เธอเป็นแม่ครัวรับจ้างทำอาหารเลี้ยงแขกที่มาในงานศพที่วัดแห่งนี้

แบบผูกขาดมานานจนร่ำรวย สามารถส่งเสียลูกๆเรียนจบมหาวิทยาลัย

ได้ดีไปหลายคนกรรมที่ทำให้เธอต้องมาพบอุบัติเหตุจนถึงแก่ความตายนั้น

เรื่องมีอยู่ว่า

วันหนึ่ง แม่ครัวผู้นี้เห็นว่าเนื้อหมูจำนวนมากที่นำมาสับเพื่อเตรียมทำข้าวต้มหมู

เลี้ยงแขกที่มาในงานศพนั้น หายไปอย่างผิดปกติทั้งๆที่เพิ่งสับเสร็จไม่นาน

แค่หันไปหยิบเครื่องปรุงหรือไปทำอย่างอื่นแค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว

พอหันกลับมาอีกครั้งเพื่อจะนำเนื้อหมูที่สับวางทิ้งไว้บนเขียงใส่ลงหม้อข้าวต้ม

ปรากฏว่าเนื้อหมูอันตรธานหายไปหมด โดยไม่มีร่องรอย

พอถามคนโน้นคนนี้ก็ไม่มีใครรู้เรื่อง

เพราะต่างก็วุ่นกับงานของตัวเองแรกๆเธอก็คิดว่าไม่เป็นไร

แต่ครั้นเป็นอย่างนี้ติดต่อกันบ่อยครั้งเข้าใน

ทุกครั้งที่เผลอ เธอจึงอดรนทนไม่ได้

ดังนั้นจึงได้วางแผนที่จะจับเจ้าขโมยตัวดีเธอทำทีเป็นสับเนื้อหมูวางไว้

บนเขียงไม้เหมือนเดิมแล้วก็แสร้งหันไปทำอย่างอื่นเหมือนเคยแต่ทว่าตาคอย

แอบจับจ้องอยู่ที่เขียงไม้ตลอดเวลาทันใดนั้นก็มีลูกสุนัขผอมโซตัวหนึ่งซึ่งแอบ

ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะทำกับข้าวนั่นเองปีนขึ้นมากินเนื้อหมูสับจนหมดอย่างรวดเร็ว

แล้วก็กระโดดวิ่งหนีไปเมื่อเห็นว่าเจ้าหัวขโมยเป็นลูกสุนัข

เธอจึงรู้สึกโกรธแค้นมากจึงได้วางแผนที่จะจัดการเจ้าลูกสุนัขตัวนี้

ดังนั้นในวันรุ่งขึ้นเธอก็ทำทีสับเนื้อหมูทิ้งไว้บนเขียงไม้เหมือนเช่นเคย

แต่คราวนี้เธอไม่ได้วางเขียงไม้ไว้ที่เดิม

แต่กลับนำเขียงไม้ไปพาดกับปากหม้อข้าวต้มใบใหญ่ที่กำลังเดือดพลั่กๆ

อยู่แล้วเอาปลายไม้ข้างหนึ่งพาดหมิ่นๆไว้ที่ปากหม้อข้าว

จากนั้นเธอจึงเดินออกไปแอบดูอยู่ใกล้ๆฝ่ายเจ้าลูกสุนัขเมื่อเห็นไม่มีคนอยู่ตรงนั้น

มันจึงกระโดดเต็มแรงเพื่อขึ้นมากินเนื้อหมูสับอย่างเคย

แต่ทว่าปลายไม้ที่วางหมิ่นๆพาดกับปากหม้อข้าวไว้นั้นได้กระดกขึ้นมา

ทำให้เจ้าลูกสุนัขตกลงไปในหม้อข้าวต้มที่กำลังเดือดพลั่กๆทันทีผลคือตายคาที่

โดยไม่มีโอกาสได้ร้องเลยสักแอะเดียว

อนิจจา..เจ้าหมาน้อย

เมื่อจัดการกับเจ้าลูกสุนัขได้แล้วเธอก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจเป็นอันมากเพราะไม่

ต้องมาคอยกังวลว่าเนื้อหมูสับจะหายไปอีกเพียงไม่กี่วันเธอก็ลืมเรื่องนี้เสียสนิท

ประกอบกับหลังจากนั้นไม่มีงานศพที่วัดเธอจึงไม่มีงานที่ต้องมาทำอาหารเลี้ยง

แขกเวลาผ่านไป 7 วันครบวันที่ลูกสุนัขตายพอดี

วันนั้นเผอิญมีงานศพที่วัดแม่ครัวคนนี้ก็เข้าไปรับงานจัดเลี้ยงเหมือนเดิม

วันนั้นเป็นวันแรกของงานศพเธอจึงได้ต้มข้าวต้มหมูเหมือนทุกครั้งที่ผ่านๆมา

ขณะที่ข้าวต้มกำลังเดือดพลั่กๆอยู่นั้นเธอก็บอกคนงานให้มาช่วยยกหม้อข้าวลง

จากเตาไฟแต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นหูหิ้วหม้อข้าวต้มข้างที่เธอถือนั้น

เกิดหักหลุดจากมือ ตัวเธอจึงถลำลื่นหัวทิ่มลงไปในหม้อข้าวต้มใบใหญ่ที่กำลัง

เดือดพลั่กๆ นั้น ตายทันทีโดยไม่ทันได้ร้องสักแอะเดียว

เป็นชะตากรรมเดียวกับที่เธอทำกับเจ้าลูกสุนัขตัวนั้นอย่างไม่ผิดเพี้ยน!!

ลูกสุนัขกับแม่ครัวคนนี้คงจะเคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาหลายภพหลายชาติ

ผูกพยาบาทอาฆาตกันไม่จบสิ้น ในชาตินี้จึงมาสร้างกรรมทำเวรซึ่งกันและกัน

เพิ่มเข้าไปอีก

ผู้เขียนขอย้ำว่ากฏแห่งกรรมนั้นมีจริง

เป็นจริงได้ตลอดเวลาโดยไม่คาดฝันสุดแท้แต่ว่าจะให้อโหสิกรรมต่อกัน

เลิกอาฆาตพยาบาทจองเวรกันและกันหรือไม่หากไม่ได้

ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เจริญสติปัฏฐาน 4ก็จะไม่รู้ซึ้งถึงกฏแห่งกรรม

จะไม่รู้ถึงการให้อภัยทานการเลิกอาฆาตพยาบาทกันและกัน

กฏแห่งกรรมนั้นนอกจากจะมีจริง

เป็นจริงแล้วยังเกิดขึ้นได้โดยไม่เลือกกาลเวลาและสถานที่อีกด้วยดังนั้นคงไม่มี

อะไรประเสริฐเท่ากับความมีเมตตา ให้อภัยต่อกัน ไม่ว่ากับคนด้วยกัน

หรือกับสรรพสัตวเพราะต่างก็มีชีวิต มีความรู้สึกเจ็บปวด ทุกข์ทรมานเหมือนๆกัน

P.s ขอขอบคุณบทความจาก อารมณ์ดีดอทคอม
jingrain
#2
คุณ hut2211 เป็นคนธรรมะ ธรรมโม จริงๆ เลยค่า

ทุกทู้ที่ติดตาม มีแต่คติสอนใจดีๆ ทั้งนั้นเลย..

ขอบคุณนะคะ


[SIZE="4"]----เวร ย่อมระงับด้วยการ **ม่จองเวร**
oum_ja
#3
เป็นกระทู้ที่ดีมากค่ะ ขอบคุณนะค่ะ
lollipop
#4
ขอบคุณมากค่ะ
PaPla
#5
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆค่ะ
hut2211
#6
บทความนี้.....ทำไมถึงทำให้คน ใจดำ เปลี่ยนแปลงตัวเอง.....เพราะอะไร??


เรื่องมีอยู่ว่า พี่ชิตแกเป็นคนใจดำครับชอบยิงนกตกปลาไปเรื่อย แต่ที่หนักก็คงเป็นเนื้อหมา แกกินแหลกครับแต่ แม่แกบอกมันบาปนะลูก(ไม่สนโว้ย)


เมื่อราว 15 ปีก่อน มีเหตุการณ์ที่ทำให้แกเปลี่ยนไป ครั้งนั้นมีหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งครับมันมักวิ่งไปหาของกินแถวๆบ้านแกบ่อย เพราะบ้านแกติดตลาด พี่แกกินหมาอยู่บ่อยๆแต่ กรณีหมาขี้เรื้อนแกบอก 'กูกินไม่ลงว่ะ'


แกทำอย่างเดียวคือไล่ฆ่า แต่มันรอดได้ทุกครั้ง (สงสัยมีของ) มันไปหาของกินทีบางทีก็ได้บางทีก็ไม่ได้


คราวนั้นเนื้อแห้งที่แกตากไว้หายไป พอมองไปก็เห็นแม่หมาขี้เรื้อนวิ่งหลุนๆไป แกเดือดทันทีครับวิ่งตามไป คราวนี้ทันครับเพราะหมาขี้เรื้อนวิ่งช้ามาก
แกทุบไปทีเดียวหมานั่นล้มลงชักทันที (แกบอกว่าหากตีตรงจุดแค่ไม้บรรทัดก็ตาย) แกทิ้งไว้ตรงนั้นไม่อยากจับแต่จะทำกินตรงนั้น จึงกลับบ้านไปเตรียมของ (แค้นจัดอยากกินหมาขี้เรื้อน) ให้ผมเฝ้าไว้ (ยังเด็กอายุแค่12) ผมก็มัวแต่เก็บตะขบจนลืมดู (ในใจอยากให้มันรีบไปจะได้ไม่ตาย) มันไปจริงครับหายวับไป พี่ชิตแกโกรธมากคงอยากเตะผมเต็มแก่ แต่ลุงผมแกเป็นนักเลงใหญ่และเป็นคนสอนวิธีฆ่าหมาให้ ก็ต้องวิ่งตามอย่างเดียวพร้อมบ่น 'ทำไมมันไม่ตายวะ'
พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงหมาเห่า
แกตามทันทีพอไปถึง ภาพที่เห็น ............. ......... ......... ......... ........

หมาขี้เรื้อนกำลังจะตายมันมีลูกที่ต้องเลี้ยง 5 ตัวครับ วัยกำลังหย่านมบางตัวยังกินนมอยู่ บางตัวก็วิ่งไปคาบเนื้อที่แม่หมาขี้เรื้อนคาบไปฝาก (เห็นกับตา) ที่มันยังไม่ยอมตายเพราะต้องกลับไปให้นมลูก แม้น้ำนมแห้งกรัง เอาอาหารไปให้ลูกมัน
เรียกลูกๆเพื่อให้นม ให้อาหาร เป็นครั้งสุดท้าย แม่หมาพยายามอย่างดีที่สุด
มันมองผมกับพี่ชิตอย่างขอร้อง ขอให้มันให้นมลูกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย ( T T )

ไม่อยากเชื่อนั่นคือน้ำตาของหมาขี้เรื้อน มันแค่ต้องการให้นมลูกก่อนตาย

พี่ชิตไม้หล่นลงกับพื้น เดินเข้าไปดูแม่หมานั่น ในยามนั้นสิ่งที่แกเห็นไม่ใช่หมาขี้เรื้อน แต่แกเห็นแม่ที่ยิ่งใหญ่ที่ทนเจ็บกลับไปหาลูก แกไม่พูดอะไรทุกอย่างจุกอยู่ที่ลำคอสายตาอ่อนโยนลง
ลูกหมาตัวหนึ่งวิ่งไปหาแกกระดิกหางให้ แกอุ้มลูกหมาขึ้นพร้อมพูดว่า 'ขอโทษ' พูดได้แค่นั้นแม่หมาก็ตาย เราช่วยกันฝังแม่หมา
แกรับเลี้ยงหมานั่นไว้ ทั้ง5ตัวตั้งแต่นั้นแกกลายเป็นคนใจดีไม่ไล่ยิงนกยิงหมายิงแมวอีกแกบอก 'มันอาจมีลูกรออยู่ก็ใด้'
เมื่อ 12 สิงหา 2 ปีที่แล้ว แกเอามะลิร้อยเป็นพวงไปให้แม่ทั้งๆที่ไม่เคยทำ พูดกับแม่ว่า 'แม่ตอนผมอายุ16 แม่สอนผมยังไงนะสอนอีกหนใด้ไหมครับ'
แม่แกน้ำตาคลอพูดไม่ออก ไม่อยากเชื่อแม่หมาขี้เรื้อนตายไป1ตัว กลับทำให้คนใจดำอย่างแกเปลี่ยนไปขนาดนี้รักแม่ . . .
leeduj
#7
อ่านเรื่องหมาขี้เรื้อนแลวนำตาคลอเลยค่ะ เป็นแม่เหมือนกันค่ะ และคิดว่าจิตใจก็เป็นอย่างนั้น คือยอมได้ทุกอย่างเพื่อลูก
ส่วนเรื่องกฏแห่งกรมก็เชื่อมากๆค่ะ แต่บางคนตอนนี้ยังเสวยกรรมดีที่ตนเคยสร้างไว้อยู่ และทำชั่วอย่างเมามัน เมื่อกรรมชั่วของตนตามทัน(เมื่อไหร่หนอ) จะร้องขอ คงไม่ทัน
แต่ตอนนั้น ประเทศชาติคงยับเยินไปพอสมควรแล้ว
พี่ที่รู้จักบอกว่า อยุ่เฉยๆเถอะมันก็เป็นกรรมของประเทศ แต่เราคิดว่า ก็คนคิดอย่างเอ็งนั่นแหละ คืออยู่เฉยๆ เลยไม่มีออกมาช่วยกันปกป้องชาติ และสถาบัน
เอะนี่เข้าเรื่องเกินไปรึเปล่าเนี่ย
oatty
#8
คุณ hut มีกระทู้ดี ๆ มาให้พวกเราอ่านตลอดเลยค่ะ ขอบคุณนะค่ะ
Nabhattrada
#9
ขอบคุณนะค่ะที่เอามาแบ่งปันกัน
cartoonsii
#10
สิ่งดีดี ขอบคุณมากค่ะ ข้อคิดดีดีในการดำเนินชีวิต
ting_ja
#11
ขอบคุณที่มีเรื่องดีๆ มากันเสอน่ะค่ะ มาเป็นกำลังใจทุกวัน วันนี้เกือบไม่ได้มาแล้ว

มัวขายของ อยู่ที่ห้อง ซื้อขาย วุ่นมั้กๆๆ แต่สนุกดี จะติดตามต่อไป ค่ะ
Nattamol
#12
ขอบคุณมากค่ะ
barumbum
#13
ขอบคุณมากค่ะ

ซึ้งมากมายเรื่องหมาขี้เรื้อน
ratkatu
#14
ขอบคุณมากๆค่ะ สำหรับบทความดีๆ
Charoonluck
#15
เป็นอีกคนที่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ

เราก็ไม่ทราบว่าคิดไปเองป่าวนะค่ะ แต่เท่าที่สังเกตุทุกครั้งเมื่อลูกชายคนโต อายุ 5 ขวบกว่า แกล้งน้องสาววัย 3 ขวบกว่าที่ไรไม่เกิน 5 นาที เจ้าคนโตก็ต้องโดนคืนทุกทีค่ะ ล้มโดนนู่นโดนนี่บ้าง ไม่ก็วิ่งล้ม และเจ็บกว่าที่ทำน้องอีกค่ะ อันนี้ก็นานา จิตตัง นะค่ะ แต่จะเกิดทุกครั้งเลยค่ะ อืมมม...เดี๋ยวนี้ไม่ต้องรอ (กรรม)เลยค่ะ มาทันตาเห็นค่ะ สาธุ
ดูกระทู้ทั้งหมดในชุมชน จาก  Downtown ดูกระทู้ในหมวด ดูกระทู้ในหมวดย่อย
กระทู้แนะนำจากการคัดเลือกอัตโนมัติ
1
2
3