[SIZE="4"]สวัสดีครับ
ผมชื่อ ป๊อป อายุ 24 ปี ครับ
เพิ่งจบมหาวิทยาลัย มาหมาดๆ แต่ ได้เข้ามาร่วมสร้างงานกับองค์กร bit ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ จนถึงวันนี้ เรียนจบแล้ว จะครบ 1 ปีแล้วครับ
[SIZE="4"]วันนี้ ผมจะมาเล่าให้ฟังครับ ว่า 1 ปีที่ผ่านไปนี้ ผมมาทำอะไรที่นี่ แล้วทำไม ผมจึงตัดสินใจเข้ามาร่วมสร้างงาน กับองค์กรนี้
[SIZE="4"]ผมเป็นเด็กคนหนึ่ง ที่มาจากต่างจังหวัด
เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ เมื่อตอนปีพ.ศ. 2549 (แอดมิดชั่นครั้งแรก)
ผมคงเป็นเหมือน เด็กอีกหลายๆ คนในตอนนั้น (จนถึงตอนนี้) ที่เรียนจบแล้ว
กลัวไม่มีงาน ที่ทำแล้วได้เงินเดือนสูงๆ
ในตอนมัธยม จึงขอร้องพ่อแม่ ให้ผมไปเรียนพิเศษแบบบ้าคลั่ง
จนทำข้อสอบได้ และเข้าเรียนที่คณะวิศวกรรมศาสตร์รวม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
หวังว่าจะจบมาแล้วมีเงินเดือนสูงๆ
[SIZE="4"]ในวันแรกพบของคณะ วั้นนั้นผมเจอความจริงที่ว่า
"คนที่เรียนคณะเดียวกับผมนั้น มีมากมายเหลือเกิน"
หากผมต้องการจบมาแล้วมีงานที่ทำแล้วเงินเดือนสูงๆ เลยทันที ต้องทำยังไงดี
ผมคิดไว้ว่า จะเลือกภาควิชาการบินและอวกาศในตอนปีสอง
เพียงแค่หวังว่าจะได้มีคู่แข่งน้อย เพราะภาควิชานี้เปิดมาได้ไม่นาน
ความคิดตอนนั้นคือ ต้องเรียนให้ได้เกรดสูงๆ แล้วมีบริษัทมาเลือกเราเอง แค่คิดก็เหนื่อยแล้วครับ สำหรับผม ที่เรียนให้ได้เกรดสูง มาตั้ง 12 ปีแล้ว
[SIZE="4"]ความคิดนี้ได้ถูกทำลายลง เมื่อได้ฟังท่านอาจารย์ปัญญา เหล่าอนันต์ธนา พูดในวันปฐมนิเทศนิสิตใหม่ เมื่ออาจารย์ได้บอกว่า
ผมเลยคิดได้ว่า อ้าว!! นี่เป็นทางลัดนี่หน่า จากเดิม
ที่กว่าจะเรียนให้ได้เกรดสูงๆ(ยากมากมาย) อีกตั้ง 4 ปี
จบแล้วอยากได้เงินเดือนสูง ก็ต้องไปสมัครงานกับบริษัทใหญ่ๆ
ที่มีคนเกรดเท่าเรา หรือสูงกว่าเราเข้าไปสมัครพร้อมกับเราเต็มไปหมด
ถ้าโชคดีได้ทำงานก็เป็นวิศวกรจบใหม่ ทำงานอีกไม่รู้กี่ปีกว่าจะมีเงิน
และมีอะไรก็ไม่รู้ ที่คิดว่าจะเอาไปสร้างบริษัทได้ จึงค่อยได้เป็นเจ้าของบริษัท
แต่ทางเลือกที่อาจารย์ปัญญา บอกนั้น
"แค่มาฝึกให้กลายเป็น นักประดิษฐ์ให้ได้ จะมีโอกาสเป็นเจ้าของบริษัทเลย"
สั้นกว่ามาก (ดูแค่ประโยคที่ใช้เขียนประโยคนี้ เปรียบเทียบกับประโยคข้างบน ยังได้เลย)
วันนั้นผมตัดสินใจทันทีว่า ทางนี้แหละ ที่ผมจะเลือกเดิน โดยไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า ชีวิตจะต้องเจออะไรหลังจากนี้
วันนั้นผมจดเบอร์โทรอาจารย์ผู้นั้นไว้ และไปสมัครชุมนุมนั้นทันที่เมื่อเปิดรับสมัคร
ชีวิตในมหาลัยส่วนใหญ่ผมจึง ใช้ไปกับชุมนุมนี้
[SIZE="4"]ในชั้นปีที่สอง ผมเลือกเข้าภาควิชาการบินและอวกาศตามที่คิดไว้ตั้งแต่ก่อนเข้า เพราะคิดว่าถ้าไม่ได้สร้างบริษัทของตัวเองจริง จบไปก็มีคู่แข่งในการรับเข้าทำงานน้อยดี เห็นว่าเป็นสาขาใหม่และเปิดมานานที่สุด ไม่ได้ชอบอะไรเครื่องบินเลยสักนิด
ในช่วงที่ชีวิตดำดิ่งสู่หุบเหวแห่งความเสื่อมนั้น ผมปฏิเสธความจริงอยู่ตลอดเวลาที่ว่า การศึกษาในภาควิชาการบินและอวกาศ ของผมมันล้มเหลวไปแล้ว ผมยังยึดติดว่า ผมสามารถจบมาแล้วสร้างบริษัทได้จากชุมนุมที่ผมเลือกอยู่
โดยไม่เคยถามเลยว่า เวลาที่ผ่านไปนั้น ต้องมีทักษะอะไรถึงจะสร้างบริษัทได้
[size="4"]ในช่วงชั้นปีที่ 5 ของการเรียนในมหาลัย ผมได้ตามหาสิ่งที่ผมทำเป็น ถนัดและ ชอบที่จะอยู่กับมัน คือ เว็บไซค์ ที่ผมทำเป็นตั้งแต่ช่วงมัธยมต้น มายึดเป็นวิชาชีพหลัก หลังจากที่การเรียนในมหาลัยผมล้มเหลวไปแล้ว ในช่วงชีวิตนั้นเอง ผมเลือกทำงานแรกคือ ทำเว็บไซด์ของชมรม จึงหาความรู้ใหม่ๆ ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันมาทำ
ในตอนนั้นเอง พี่ิยิมและพี่ปอ ลูกศิษย์อาจารย์ปัญญา คนหนึ่งที่เป็นรุ่นพี่ชุมนุมผม ที่ได้ออกไปเปิดบริษัทตามที่อาจารย์เคยบอกผมเมื่อตอนปฐมนิเทศ ได้เข้ามาบรรยายที่ชุมนุม robot เกี่ยวกับชีวิตการศึกษา และเรื่องราวชีวิตที่พี่เค้าเลือกออกไปสร้างงานสร้างองค์กร ซึ่งเป็นทางที่ผมกำลังจะออกไปเดินหลังจากนี้
เพราะแม้แต่คำว่า "งาน" ที่ผมจะออกไปทำนั้น มันหมายความว่าอย่างไร ผมก็ตอบไม่ได้
[size="4"]แต่ พวกพี่เค้าก็ให้โอกาสเด็กที่การเรียนล้มเหลวและไม่มีทักษะ และวิชาชีพที่ต้องได้ตั้งแต่อยู่ในมหาวิทยาลัย อย่างผม เข้าไปร่วมสร้างงานสร้างองค์กรกับพี่เค้าได้ โดยสัญญาว่าจะสอนให้ผมสร้างบริษัทของผมเองให้รอดในโลกทุนนิยมให้ได้ โดยไม่ใจร้าย และให้กลับบ้านให้ได้ด้วย ในตอนนั้นผมไม่ค่อยรู้เรื่องประโยคหลังเท่าไหร่ แต่ใจมันอยากเข้าร่วมอยู่แล้ว สิ่งเดียวที่ยังไม่ตัดสินใจคือ กลัวโดนหลอก ไม่เชื่อว่า จะมีคนที่ใจดีขนาดนี้อยู่
แต่หลังจากที่ได้เข้ามาอยู่ที่นี่ จึงรู้ว่า คนอย่างงี้ก็มีด้วย
ช่วงชีวิตในตอนนั้น เหนื่อยมาก ที่ต้องเรียนและฝึกที่จะสร้างงานไปด้วย แต่กลับรู้สึกว่า ชีวิตปลอดโปร่ง โล่ง ถึงเหนื่อยแต่ก็เป็นสิ่งที่เลือกเอง :) ผมได้เข้าใจมากขึ้นในประโยคทีว่า "ไม่ใจร้าย และกลับบ้านให้ได้" หลังจากเข้ามาฝึกสร้างงานได้สักพัก ทำให้ผมรู้ว่าผมต้องกลับบ้านให้ได้ มีคนรักของผมรออยู่ที่นั้น และเป็นที่ ที่ผมอยากอยู่มากที่สุด
จากที่ไม่เคยรู้เลยว่า ชีวิตผมจากบ้านมาไกลและนานมากเหลือเกิน
และไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วที่ต้องออกไปทำงานนั้นไปทำไม
[SIZE="4"]ในการทำงานจริงนั้น ความรู้ที่ผมสะสมมา เพียงแค่ทำข้อสอบ ผมพบว่า ไม่สามารถใช้ทำงานได้จริง เพราะไม่เคยเอาความรู้ไปใช้ทำงานจริงเลย เรียนมาก็เอาแค่ผ่าน ให้ได้แค่คะแนน ไม่เคยเรียนให้รู้จริงเลยซักเรื่อง ทักษะวิชาชีพที่ควรได้ ก็ไม่ได้ แล้วจะเอาความรู้ที่ไหนไปใช้ทำงานได้จริง
“ความรู้ที่ใช้เพียงแค่ทำข้อสอบ หากไม่เคยใช้ทำงานจริง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ความรู้นั้นใช้ทำงาน ได้จริง”
ผมยอมรับว่า ที่ผ่านมา ผมเรียนเพราะอยากได้รับการยอมรับ ไม่ได้เรียนเพราะสงสัยสิ่งใด ผมจึงเรียนแค่ทำข้อสอบ ทำคะแนนให้ได้เยอะๆ แต่ไม่เคยรู้เลยว่า ความรู้นั้นเอาไปใช้ทำงานจริง ได้อย่างไร ผมจึงตัดสินใจขอเข้าไปเรียนใหม่ เกือบทั้งหมด ตั้งแต่พื้นฐาน ที่ศูนย์การเรียนรู้บ้านแก่นวิชา ซึ่งพี่ปอ หรือ คุณเอกราช จันทร์ดอน เป็นผู้ก่อตั้งและให้กรอบคิดสำหรับการจัดการการศึกษาที่ถูกต้อง ให้กับศูนย์การเรียนรู้บ้านแก่นวิชา และเป็นผู้เขียนหนังสือ “ความลับของคน” ที่ได้รับการคัดสรร ว่าเป็น “ความคิดใหม่” (New thought) โดยห้องสมุดแห่งชาติประเทศ Australia
ซึ่งที่แก่นวิชาเป็นสถานที่ สำหรับฝึกให้เราจัดการการศึกษาของเราให้ได้ด้วยตนเอง และผมพบว่า ตัวเองมีปัญหาไม่รู้จริงในคณิตศาสตร์ตั้งแต่ระดับประถม ผมจึงต้องกลับไป
จัดการการศึกษาให้ตัวเองใหม่ เรียนคณิตศาสตร์ใหม่ พร้อมกับเด็กประถม เพราะที่ผ่านมา เรียนเพียงแค่ทำโจทย์เป็น แต่ไม่เคยเรียนให้รู้จริงในคณิตศาสตร์เลย ไม่เคยรู้เลยว่า ในคณิตศาสตร์มีอะไรซ่อนอยู่ เข้าไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์การเรียนรู้บ้านแก่นวิชา เพิ่มเติมได้ที่นี่
พี่เค้าให้ฝึก การทำงานจากการเล่นเกม ซึ่งในตอนแรกผมก็งง ว่ามันจะฝึกอะไร ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเล่น ทั้งๆ ที่ผมเป็นเด็กติดเกมมา อย่างนี้ก็ถูกใจน่ะซิ ทำงานแล้วอนุญาติให้เล่นเกมได้ด้วย ดีจัง ... เอ๊ะ !! แล้วนี่ ผมมาที่นี่เพื่ออะไร เพื่อเล่นเกม หรือ เพื่อสร้างงาน?? จริงซึ ผมมาเพื่อสร้างงาน พวกพี่เขาจึงสอนว่า
หากเพื่อนๆ อยากรู้ว่า เกมที่ใช้ในการฝึก มีอะไรบ้าง นี่เลย เจงกิสข่าน,warcraft3,สามก๊ก3 ของค่าย KOEI และ capitalism อ่านเพิ่มเติม>>ที่นี่<<
หาก แค่เล่นเกมแล้ว สามารถเอาไปทำงาน อย่างที่ผมอยากทำ ได้จริง ในเมื่อผมเองก็เล่นเกมมาตลอด ก่อนจะเจอกับพวกพี่เขาด้วยซ้ำ ผมก็ต้องทำงานได้ด้วยตนเองตั้งนานแล้วซิ ไม่ต้องให้พวกพี่เขาสอนหรอก แต่ในความจริง ก็ผมทำไม่ได้นี่หว่า ผมยอมรับว่าทำไม่ได้ แค่เล่นเกม มันไม่ได้ จึงให้พวกพีเขาสอน ถึงแม้เล่นเกมส์เก่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำในสิ่งที่ผมอยากทำ ให้สำเร็จได้ ก็ที่ผ่านมา ผมเล่นเพียงแค่เอาสนุก ไม่ใช่ เพื่อให้ได้การเรียนรู้ อย่างนี้ ชีวิตผมก็แค่สนุกไปวันๆ แล้วที่เอาชีวิตไปลงทุนแลกมา ท้ายสุด ได้มาแค่สนุก แล้วจะทำสิ่งที่ผมอยากทำ ให้สำเร็จ ได้อย่างไร เล่นเกมจบ สนุก กลับสู่ความจริง ชีวิตยังไม่จบ ต้องทำงาน ไม่ได้สนุก ต้องเรียนรุ้ จึงจะทำในสิ่งที่ผมอยากทำ ให้สำเร็จได้ หากคิดว่า แค่เล่นเกม ก็ทำได้ มันไม่มีอยู่จริง
หลังจากรับปริญญาเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มได้รับผิดชอบต่อพื้นที่ธุรกิจอย่างเต็มตัว ซึ่งช่วงก่อนหน้านั้น เพียงได้เข้ามาเรียนรู้ การสร้างงานสร้างองค์กรเท่านั้น
จนตอนนี้ผมกำลังรับผิดชอบพื้นที่ธุรกิจ ระบบ Intelligent Internet Fax Service หรือ Sarapanfax.com อย่างเต็มตัว
ซึ่งงานนี้ พี่ยิมได้ให้ผมเข้ามาร่วมเรียนรู้ และร่วมบริหาร ก่อนที่ผมจะออกไปสร้างองค์กรของผมเอง ตามที่ได้สัญญาไว้กับพี่เค้าเมื่อวันที่เจอพี่เค้าครั้งแรก คือ บริษัทโฮสติ้ง ซึ่งตอนนั้น ผมไม่ได้มีความรู้ในเรื่องนี้เลย แต่หลังจากฟังเหตุผลว่า ทำไมจึงต้องสร้างบริษัทนี้ และพี่เค้าได้ให้เหตุผลจนทำให้ผมเชื่อว่า ผมสร้างมันได้ ผมจึงเชื่อมันและเลือกจะทำให้ได้
ตอนเริ่มต้นนั้นพี่เค้าได้สอนผ่านการทำงานผ่านพื้นที่ธุรกิจที่พี่เค้ารับผิดชอบอยู่ และให้ผมได้ไปเรียนรู้ และฝึกทำงานเรื่องโฮสติ้งที่ บริษัท กสท โทรคมนาคม หรือ CAT เพราะที่นั้น เป็นสถานทีวางเครื่อง server computer ที่ใช้ให้บริการโฮสติ้ง แหล่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตอนนั้นตื่นเต้นมากเพราะ เว็บไชด์ใหญ่ดังๆ อยู่ที่นั่นเต็มไปหมด (อารมณ์เหมือนได้ใกล้ชิดดาราที่ตนคลั่งไคร้) ที่นั่นหนาวมากจนต้องใส่เสื้อกันหนาวไปทุกครั้งที่ไปทำงาน เมื่อมองลงมาจะเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาคดเคี้ยว และมีตึกสูงตั้งตะหง่านอยู่ที่สองฝั่ง ช่างเหมือนภาพ มหานคร ที่ผมเคยเห็นเมื่อตอนเด็กๆในโปสเตอร์ แท้ๆ
ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้รู้สึกว่า ดีใจเหลือเกิน ที่เลือกมาร่วมสร้างงาน กับที่นี้ในระหว่างการสอนอาจมีเครียดบ้าง เหนื่อย และท้อ กว่าที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาด และให้อภัยตนเองได้ แต่หลังจากได้เห็นความจริงแล้ว รุ้สึกดีมาก ยิ่งผ่านมันไปได้เท่าไหร่ ยิ่งเห็นความจริง มากขึ้นเท่านั้น ได้ทำงานที่ตนเองเลือก ได้ใช้ชีวิตในทางที่เจริญ และมีโอกาสที่จะเกษียณ(ไม่ต้องทำงานเพื่อเงิน) จะได้ใช้ชีวิตที่เหลือ อยู่บ้านกับคนรัก ดั่งที่อยากทำมาตลอด
สุดท้าย อยากชวนทุกคนเข้ามาร่วมสร้างงานร่วมกันกับที่นี่จริงๆ สำหรับทุกคนที่กำลังเรียนอยู่ หรือแม้ทำงานอยู่แล้วก็ตาม
อยากชวนมาทำงานด้วยกันจริงๆ เพียงแค่ คุณตัดสินใจเลือก ที่จะรับผิดชอบโอกาสที่ได้รับเท่านั้นเอง
ถ้าคุณพร้อมแล้วจะทำให้คุณได้ฝีกให้มีโอกาสได้เป็นเจ้าของบริษัทที่ตนเองสร้างเอง
ซึ่งพี่เค้าได้พยายามอย่างสูงที่จะให้ทุกคนได้รับโอกาสเหมือนอย่างที่ผมได้รับ เท่ากัน
เห็นได้จากการที่พี่เค้าออกไปบรรยายฟรี ในเรื่อง จากนักเรียนรู้ สู่ ผู้สร้างงาน อย่างรับผิดชอบต่อวิชาชีพ ใน ธุรกิจสมัยใหม่ มาถึงตอนนี้เป็นครั้งที่ 6 แล้ว
และตอนปิดเทอมเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 ที่จะถึงนี้ จะจัดค่ายฝึกทักษะวิศวกรรมไฟฟ้าขั้นสูง เป็นค่ายที่ตัวผมเองก็เข้าไปเรียนรู้ให้ได้มากๆ เพราะแค่ คำว่า "ทักษะวิศวกรรม" เฉยๆ ผมยังไม่รู้เลยว่ามันแปลว่าอะไร ค่ายนี้ให้สำหรับทุกคนที่อยากได้รับทุกคน มีโอกาสได้รับพร้อมกัน อีกด้วย มากันเยอะๆนะครับ
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ นายวุฒิชัย นนทะโคตร
อายุ 24 ปี
ภูมิลำเนา อ.ด่านซ้าย จ.เลย
ประวัติการศึกษา
มัธยมศึกษาตอนปลาย จบจาก โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย พิษณุโลก
ปริญญาตรี จาก ภาควิชาการบินและอวกาศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ผลงานที่เคยทำ
ชนะเลิศการประกวดนวัตกรรมกีฬาร่วมกับทีม Performer
ดูข่าวได้จาก